10 พ.ค. เวลา 12:00 • หนังสือ

ทำไมจอมปลวกจึงมีขนาดใหญ่ (ep.2/2)

ต่อจาก ep.1 กลับมาที่จอมปลวกของเรา...ปลวกเป็นสัตว์ที่ไม่ทนทั้งแดดและความแห้ง (แต่มันทนหนาวได้ขนาดที่จับไปแช่แข็งมันก็ไม่ตาย)
ดังนั้นมันจึงต้องสร้างบ้านที่ช่วยให้อุณหภูมิและความชื้นไม่แปรผันไปตามอากาศข้างนอก การที่ภายในบ้านของมันจะมีความร้อนและความชื้นคงที่ได้นั้น มันต้องสร้างบ้านให้ใหญ่ เพราะบ้านที่ใหญ่จะมีพื้นที่ผิวต่อปริมาตรน้อย เราจึงได้คำตอบของคำถามแรกแล้วว่าทำไมปลวกจึงสร้างจอมปลวกขนาดใหญ่
แต่เรื่องราวมันยังไม่จบเท่านี้ การจะทำให้อุณหภูมิและความชื้นภายในบ้านไม่แปรเปลี่ยนไปตามสิ่งแวดล้อมภายนอกนั้นบ้านใหญ่อย่างเดียวมันไม่พอ
เพราะถ้าเราเปิดหน้าต่างทั้งบ้าน บ้านใหญ่แค่ไหนก็ช่วยอะไรไม่ได้ ดังนั้นปลวกเหล่านี้จึงต้องสร้างผนังจอมปลวกให้หนาด้วยเช่นกัน และนั่นก็นำไปสู่ปัญหาใหม่ที่ปลวกทั้งหลายต้องหาทางแก้ไข
เมื่อมันสร้างบ้านให้มีผนังหนา การระบายอากาศก็จะเกิดได้ยาก เมื่อการระบายอากาศไม่ดี ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่ปลวกนับล้านตัวหายใจออกมาก็จะคั่งค้างอยู่ในบ้าน นอกจากนี้ ความร้อนที่เกิดขึ้นจากร่างกายของปลวกก็จะระบายออกไม่ได้เช่นกัน
คำถามคือถ้าเราเป็นปลวกเราจะทำอย่างไรกันดี? (คิดครับคิด) จะเปิดหน้าต่างก็ร้อนไปแห้งไป แต่พอปิดหน้าต่างก็กลายเป็นการอบและรมควันตัวเอง
ปลวกแต่ละสปีชีส์ก็มีวิธีแก้ปัญหาที่แตกต่างกันไปบ้างในรายละเอียด แม้แต่ปลวกแอฟริกาที่อาศัยอยู่บริเวณใกล้เคียงกัน ก็มีการแก้ปัญหาที่แตกต่างกันออกไป
อย่างไรก็ตาม หลักการทำงานกว้างๆ ของจอมปลวกจะมีหลักการคล้ายๆ กัน
เราจะไปดูตัวอย่างกันว่าปลวกแก้ปัญหากันอย่างไร วิธีแก้ปัญหาของมันดีเท่ากับที่เราคิดกันไว้หรือเปล่า (ยกแรก คน VS ปลวก)
ภายในจอมปลวกที่เราเห็นใหญ่โตนั้นมันไม่ได้เป็นแค่โพรงใหญ่กลวงเท่านั้น แต่ภายในมันมีการแบ่งเป็นชั้นและห้องอย่างซับซ้อน
การแบ่งที่อยู่อาศัยระหว่างปลวกทั้งหลายในจอมปลวกก็ไม่ได้เป็นไปอย่างไร้ระเบียบ แต่มันจะแบ่งว่าใครจะอาศัยอยู่ชั้นไหน ห้องไหน
ถ้าเริ่มจากชั้นล่างสุด คือชั้นใต้ดิน ชั้นนี้ปลวกจะแบ่งไว้ใช้สำหรับเป็นที่เพาะเลี้ยงเชื้อรา สาเหตุที่ปลวกต้องเอาเชื้อรามาเลี้ยงไว้นั้นเป็นเพราะปลวกเหล่านี้มันย่อยอาหารเองไม่ได้ มันต้องนำอาหารที่หาได้ส่งให้เชื้อราหมักก่อนจากนั้นมันจึงจะกินได้ พฤติกรรมของปลวกนี้จึงไม่ต่างอะไรกับที่เราทำปศุสัตว์หรือ ทำการเกษตรเพื่อกินผลไม้
เมื่อเชื้อราหมักอาหาร กระบวนการหมักจะทำให้เกิดความร้อนขึ้นมา ซึ่งธรรมชาติของอากาศร้อน มันจะลอยตัวสูงขึ้น ดังนั้นในช่วงเวลากลางคืนที่อากาศหนาว เย็น อากาศอุ่นๆ ที่ลอยขึ้นมาจากชั้นใต้ดินนี้ก็จะทำหน้าที่เป็น เหมือนเครื่องทำความร้อนให้ปลวกได้อยู่กันอย่างสบาย
ขณะเดียวกันอากาศอุ่นที่ลอยขึ้นมาตลอดเวลานั้น จะทำให้ภายในจอมปลวกมีกระแสลมไหลพัดขึ้นบนอย่างต่อเนื่อง และลมที่พัดขึ้นนี้ก็จะพาก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่ปลวกหายใจออกมาลอยขึ้นไปด้วย
เมื่ออากาศที่ร้อนลอยตัวสูงห่างจากแหล่งความร้อนด้านล่าง มันก็ไปเจอกับอากาศที่เย็นกว่าด้านบนอากาศที่ร้อนนี้ก็จะค่อยๆ เย็นตัวลง ตามธรรมชาติอากาศที่เย็นจะหนาแน่นและหนักขึ้น อากาศเย็นจึงมีแนวโน้มที่จะตกลงสู่ที่ต่ำ แต่อากาศเย็นเหล่านี้ไม่สามารถตกลงมาตรงๆ ได้เพราะมีอากาศร้อนจากด้านล่างคอยดันสวนขึ้นมา
จุดที่น่าสนใจของจอมปลวกมันอยู่ตรงนี้ครับ....
1
ในชั้นบนสุดของจอมปลวกนี้ ปลวกทั้งหลายจะขุดช่องทางอากาศเอาไว้ที่ด้านข้างของผนังจอมปลวก อากาศที่เย็นเมื่อตกลงตรงๆ ไม่ได้ มันจึงถูกดันให้ตกลงไปทางด้านข้างที่มีโพรงขุดไว้
โพรงนี้จะวิ่งยาวจากด้านบนของจอมปลวกลงไปสู่ชั้นล่างสุดของจอมปลวก ระหว่างที่อากาศกำลังตกลงช้าๆ นั้น ที่ผนังด้านข้างของโพรงนี้จะมีช่องทางเล็กๆ เปิดออกสู่ด้านนอก ทำให้อากาศที่ไหลลงตามโพรงนี้สามารถแลกเปลี่ยนกับอากาศภายนอกจอมปลวกได้
ความร้อนและคาร์บอนไดออกไซด์ส่วนหนึ่งจึงระบายออกไปสู่ภายนอก และเมื่ออากาศตกลงมาจนถึงชั้นล่าง คาร์บอนไดออกไซด์ในอากาศจะลดลงจากเดิมประมาณ 1.5% จากนั้น อากาศที่เย็นและบริสุทธิ์เหล่านี้ก็จะถูกพัดผ่านเข้าไปในห้องที่เก็บเชื้อราอีกครั้งวนเวียนเช่นนี้ไปเรื่อยๆ
กลับมาที่จอมปลวกในประเทศออสเตรเลีย...
คำถามที่เรายังไม่ได้ตอบคือ ทำไมจอมปลวกบริเวณนี้มันจึงมีรูปร่างแบนต่างไปจากจอมปลวกทั่วไป? ถ้าปลวกมันอยากจะสร้างบ้านให้อุ่นการสร้างบ้านให้มีรูปร่างแบนเช่นนี้มันไม่น่าจะสู้รูปทรงเจดีย์ได้ เพราะรูปร่างที่แบนมันจะมีพื้นที่ผิวให้เสียความร้อนมากกว่า
ถ้าเราพิจารณาแค่จอมปลวกอันเดียวเราอาจจะไม่เห็นภาพใหญ่ แต่ถ้าเรามองจอมปลวกบริเวณนั้นทั้งหมด เราจะเห็นความแปลกของจอมปลวกเหล่านี้อีกข้อ นั่นคือการเรียงตัวของมันจะวางตัวหันด้านแบนของจอมปลวกไปในทิศเดียวกันคือทิศตะวันออก-ตะวันตก และจอมปลวกเหล่านี้จะตั้งอยู่ห่างจากกันระดับหนึ่ง เมื่อมองจากระยะไกลจึงดูเหมือนว่าการเรียงตัวของมันค่อนข้างเป็นระเบียบ เป็นไปได้หรือไม่ว่าทิศทางที่มันวางตัวจะเกี่ยวกับทิศทางของแสงแดด?
บริเวณที่อุทยานแห่งชาติลิทช์ฟิลด์ตั้งอยู่ เป็นบริเวณที่มีอุณหภูมิแกว่งตัวรุนแรงมาก กลางวันแดดอาจจะร้อนขึ้นไปถึง 40 องศาเซลเซียส แต่พอตกกลางคืนอุณหภูมิอาจจะลดต่ำลงไปจนเกือบถึง 0 องศาเซลเซียส
การที่มันสร้างบ้านให้ด้านแบนหันไปทิศทางเดียวกับที่พระอาทิตย์ขึ้น ทำให้ด้านแบนของมันรับแดดเช้าและแดดบ่ายได้เต็มที่
ในทางตรงกันข้ามการที่มันมีรูปร่างแบนและยอดแหลมทำให้พื้นที่ผิวด้านบนน้อยมันจึงไม่ต้องรับแดดตอนเที่ยงซึ่งแรงกว่ามาก
ทั้งหมดที่คุยกันมาแม้ว่ามันจะฟังดูสมเหตุสมผล อย่างไรก็ตามมันก็เป็นแค่สมมติฐาน เราพิสูจน์ได้ไหมว่ามันเป็นจริงดังที่เราคิดไว้หรือเปล่า?
วิธีที่นักวิทยาศาสตร์ทดลองก็ไม่ได้มีอะไรไฮเทคมากนัก แรกสุดนักวิทยาศาสตร์ต้องพิสูจน์ให้ได้ก่อนว่าอุณหภูมิภายในจอมปลวกนั้นอุ่นคงที่ตลอดเวลาจริง ซึ่งสามารถทดสอบโดยการนำเครื่องมือวัดอุณหภูมิที่มีขนาดเล็กมากๆ สอดเข้าไปภายในจอมปลวก แล้ววัดดูอุณหภูมิภายในจอมปลวกตลอดทั้งวันทั้งคืน เพื่อดูว่าในแต่ละช่วงของวันนั้นอุณหภูมิมีการเปลี่ยนแปลงมากน้อยแค่ไหน
ผลที่ได้คือ ไม่ว่าอุณหภูมิภายนอกจะเปลี่ยนแปลง ไปมากน้อยแค่ไหน อุณหภูมิภายในจอมปลวกจะคงที่ประมาณ 30 องศาเซลเซียสตลอด
ขั้นที่สอง นักวิทยาศาสตร์ต้องพิสูจน์ว่าทิศทางการวางตัวของจอมปลวกนั้นเป็นเหตุที่ทำให้อุณหภูมิของจอมปลวกคงที่จริงเพราะแม้ว่าคำอธิบายจะฟังดูดี แต่เราไม่สามารถกระโดดไปสรุปว่ารูปร่างที่แบนนั้นเป็นสาเหตุให้อุณหภูมิภายในคงที่ เราบอกได้แค่ว่ารูปร่างที่แบนกับอุณหภูมิที่คงที่นั้นมันสัมพันธ์กัน หมายความว่าจอมปลวกอาจจะแบนด้วยสาเหตุอื่น อุณหภูมิอาจจะคงที่ด้วยสาเหตุอื่น แต่เราจับสองเรื่องมาโยงกันด้วยเหตุผลที่เราทึกทักขึ้นเอง
ถ้ารูปร่างที่แบนและทิศการวางตัวของจอมปลวก มันเป็นเหตุให้จอมปลวกอุ่นคงที่จริง ถ้าเราจับจอมปลวกหมุนไปทิศอื่นความสามารถในการเก็บความร้อนให้คงที่ของจอมปลวกก็ควรจะเสียไปด้วย การทดลองก็ทำได้ไม่ยาก แค่เราขุดจอมปลวกไป วางบนแผ่นล้อเลื่อนที่ทำขึ้น แล้วแต่ละวันทดลองหันจอมปลวก ไปในทิศทางอื่นๆ แล้ววัดอุณหภูมิภายในดูว่ามีการเปลี่ยนแปลงไปบ้างหรือไม่?
ผลที่ได้เมื่อนักวิทยาศาสตร์จับจอมปลวกหมุนไปในทิศทางต่างๆ คือ จอมปลวกเสียความสามารถในการทำให้อุณหภูมิภายในอุ่นคงที่ไป
ดังนั้นคำอธิบายที่ดีที่สุดในปัจจุบันสำหรับจอมปลวกเหล่านี้คือ มันถูกออกแบบเพื่อให้ภายในบ้านอบอุ่นคงที่นั่นเอง
💜 หมายเหตุ : เนื้อหาย่อและเรียบเรียงมาจาก หนังสือ “เหตุผลของธรรมชาติ”
เรียบเรียงโดย : แอดมินเอ็ม
ภาพโดย : แอดมินฝ้าย
กดซื้อหนังสือแบบ E-book ได้แล้ววันนี้ที่
💗 Chula book : https://bit.ly/3GdY7dO
💗 Bookcaze : https://bit.ly/40O6Cpl
💗 Naiin ebook : https://bit.ly/3OHiWTk
💗 ปิ่นโต ebook : https://bit.ly/3OSko5o
กดซื้อหนังสือแบบเล่ม ได้ที่
💚 Line My Shop : https://bit.ly/3PlxYyt
โฆษณา