13 พ.ค. 2024 เวลา 03:38

เมื่อเรือใหญ่มารับ

ก่อนหน้านี้ เราก็เหมือนคนกำลังหนีตายกลางสมรภูมิรบริมชายฝั่ง
บนชายฝั่งมีไฟลุกโชน ทหารล้อมไว้ทุกทาง หาทางออกไม่ได้
แม้จะพยายามตีฝ่าวงล้อมหลายครั้งแล้วก็ตาม ก็ไม่มีวี่แววที่จะรอดไปได้
ต้องออกทางทะเลอย่างเดียว
อีกทั้งยังมีลูกน้องคนสนิทร่วมหัวจมท้ายติดตามมาด้วย
จึงตัดสินใจให้ลูกน้องทยอยลงเรือหนีกันไปก่อน
เตชะบุญ ลูกน้องทุกคนได้พบเรือลำใหม่และยินดีที่จะให้ขึ้นไปหลบภัย
ส่วนเรานั้นรีบคว้าเรือไม่สมประกอบที่พอจะใช้การได้ ออกเป็นคนสุดท้าย
เรือแล่นมาสักพักเกิดอับปาง พยายามดิ้นรนไม่ให้จมน้ำ และรีบว่ายไปเกาะเรือที่ผ่านไปผ่านมาแถวนั้น
อันที่จริงก็มีเรืออยู่หลายลำที่แล่นอยู่ แต่จังหวะนั้นเลือกอะไรไม่ได้มาก
เรือลำไหนยินดี ยื่นมือมาช่วย เราก็คว้าไว้ก่อน
เรือที่เข้ามาช่วย เป็นเรือขนาดกลาง ไม่เคยเดินเรือออกไปไหนไกล อยู่แต่น่านน้ำที่คุ้นชิน
ลูกเรือบนนี้ จิตใจดี มีความพยายาม อยากไปล่องในน่านน้ำใหญ่กับเขาบ้าง ได้แต่กล้าๆ กลัวๆ
ถึงแม้เรือลำนี้อาจจะไม่ใช่เรือที่แล่นได้ดีที่สุด แต่ก็ตระหนักอยู่เสมอว่า ลูกเรือบนเรือลำนี้ได้ยื่นมือมาช่วยเราเป็นคนแรก ไม่ว่าจะเลวร้ายแค่ไหน ก็ขอให้ได้ตอบแทนพระคุณตามความสามารถ
ตั้งปณิธานไว้ว่า จะไม่มองหาเรือลำอื่น ไม่ว่าจะดีขนาดไหนก็ตาม
จะทำให้คนบนเรือลำนี้เก่งขึ้น ทัดเทียมเรืออื่นๆ ในมหาสมุทรให้ได้
ลูกเรือทุกคนก็เห็นชอบ สนับสนุนกันเต็มที่ ด้วยความหวังมที่ว่า นี่จะเป็นอนาคตใหม่ให้กับทุกคนบนเรือ
วันคืนผ่านไป ก็เกิดโกลาหลขึ้น (ซึ่งให้คิดเสมอว่า มนุษย์ทุกคนย่อมคิดถึงตัวเองก่อนเสมอ ไม่มีใครคิดถึงคนอื่นก่อนตัวเอง)
บรรยากาศบนเรือเริ่มร้อนระอุ และอยู่ยากขึ้น
เมื่อเกิดเหตุไม่ดี จวนตัว เราก็เหมือนคนนอก เป็นจุดให้เขามุ่งเป้าได้ง่าย
สิ่งสำคัญคือ Trust มันต้องใช้เวลาสร้าง แต่ต่อให้เราตั้งใจดีขนาดไหน แต่ความไว้เนื้อเชื่อใจเป็นปัจจัยที่สำคัญเสมอ
อะไรที่เห็นว่าดี เราขอทำ แต่กัปตันเรือก็ให้แบบไม่มั่นใจ ตั้งคำถามเหมือนไม่มีทางสำเร็จ
ทัพยากรที่มีก็เหมือนไม่มี เหลือแต่ความตั้งใจของลูกเรือที่คิดแบบเดียวกัน ยินดีที่จะทำ แม้ไม่ได้ผลตอบแทนก็ตาม
คล้ายๆ กับให้ต่อยมวยแบบโดนมัดมือมัดเท้า และถามว่าทำไมถึงเอาชนะไม่ได้
เป็นสถานการณ์ที่ไม่เหมือนกับตอนแรกที่ขึ้นมาบนเรือ
ก่อนหน้านี้มีเรือลำอื่นๆ แวะเวียนมาบ้าง แต่ก็ไม่ได้สนใจอะไรนัก
แต่ครั้งนี้ ในขณะที่ชลมุนกันอยู่นั้น ก็มีเรือใหญ่ที่คุ้นเคย แล่นผ่านม่านหมอกออกมาเหมือนมีราชรถมาเกย และถามว่าจะไปด้วยมั้ย
ในใจลึกๆ คิดถึงเรือลำใหญ่นี้อยู่เนืองๆ
เรือลำนี้เป็นเหมือนครู สร้างกรอบความคิดที่ถูกต้องในทุกมิติของการทำงาน
อีกทั้งลูกเรือข้างบนนั้นให้เกียรติและเคารพ (เกิดจากความจริงใจที่ให้กันและกัน)
บ่มเพาะฝีมืออยู่นานเกือบ 10 ปี จนเป็นที่ยอมรับในวงการ
ตอนที่ก้าวจากเรือใหญ่ครั้งนั้น เรียกได้ว่าเป็นจุดพีคของการทำงานเลยก็ว่าได้
แต่ตอนที่ออกมาแล้ว เราทำเรื่องที่คาดไม่ถึงไว้ (แต่ไม่ได้เสียใจที่ทำ)
ทำให้ดูเหมือนไม่มีโอกาสกลับไปเรือลำใหญ่ได้อีก
...แต่ก็คิดถึงอยู่เนืองๆ
ดังนั้น เมื่อมีโอกาสกลับไป อีกทั้งสถานการณ์บีบบังคับ จึงตัดสินใจได้ไม่ยาก ที่จะตอบรับ
เหมือนฝันไปก็ว่าได้
รวมแล้ว 5 ปี 3 เดือน
แต่สิ่งที่ต้องตระหนักไว้เสมอ ก็คือ
คนบนเรือใหญ่คงเปลี่ยนไปแล้ว ไม่มากก็น้อย
ถ้างานมันง่าย เขาคงไม่คิดถึงเรา เพราะฉะนั้น งานยากแน่นอน
"Brace for Impact!"
โฆษณา