รู้หรือไม่? เกือบไม่มีพระราชวังต้องห้ามให้พวกเราได้เที่ยวชมกัน
พระราชวังต้องห้ามหรือที่รู้จักกันในชื่อกู้กงเคยเกือบถูกทำลายลง เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อไหร่ เพราะเหตุใดจึงมีความความพยายามที่จะทำลายสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ของจีนแห่งนี้ เราไปร่วมกันหาความตอบพร้อมกันครับ
“พระราชต้องห้าม” หรือ “กู้กง” ถูกสร้างขึ้นในรัชสมัยของจักรพรรดิหย่งเล่อแห่งราชวงศ์หมิงพร้อมกับการย้ายเมืองหลวงจากหนานจิงไปยังปักกิ่ง เป็นพระราชวังหลวงอันเป็นที่ประทับของจักรพรรดิ จักรพรรดินี และพระบรมวงศานุวงศ์ ตั้งแต่ช่วงต้นของราชวงศ์หมิงจวบจนสิ้นระบอบกษัตริย์ในแผ่นดินจีน
ภายหลังสถานที่แห่งนี้ได้กลายเป็นสมบัติของชาติที่รัฐบาลรับหน้าที่ดูแล หลักจากที่จีนได้เปลี่ยนแปลงการปกครองเป็นระบอบคอมมิวนิสต์ภายใต้รัฐบาลพรรคคอมมิวนิสต์จีน พระราชวังต้องห้ามก็ยังคงเป็นสถานที่ที่ได้รับการดูแลและคุ้มครองโดยรัฐบาลอยู่
ภาพแบบแปลนของพระราชวังต้องห้าม
จุดเปลี่ยนสำคัญเกินขึ้นในปี 1966 เมื่อ “เหมา เจ๋อตง” ผู้สถาปนาประเทศจีนยุคปัจจุบัน ได้ริเริ่มโครงการใหญ่ที่เรียกกันว่า “การปฏิวัติทางวัฒนธรรม” โดยประธานเหมาเห็นว่าประเทศเปลี่ยนแปลงการปกครองมาได้ระยะหนึ่งแล้วสมควรที่จะมีการชำระความคิดของคนในประเทศให้มีความเข้าใจในอุดมการณ์ปฏิวัติอยู่ตลอด และล้างบางวัฒนธรรมและแนวคิดเก่าให้หมดสิ้นไปจากแผ่นดินจีน
โดยกองกำลังสำคัญในการปฏิวัติครั้งนี้คือเด็กที่เกิดและเติบโตมาพร้อมกับการบ่มเพาะอุดมการณ์คอมมิวนิสต์อย่างเต็มที่ ภายใต้ชื่อ “ยุวชนแดง” หรือ “เรดการ์ด” โดยมีคำสั่งจากประธานเหมาไม่ให้ทหารและตำรวจเข้าไปยุ่งเกี่ยวหรือขัดขวางการกระทำของเด็กกลุ่มนี้อย่างเด็ดขาด การกระทำใด ๆ ของยุวชนแดงถือว่าเป็นสิ่งที่ชอบด้วยกฎหมาย
ภาพยุวชนแดงหรือเรดการ์ด
การปฏิวัติที่เข้มข้นได้เริ่มเปิดฉากขึ้น ผู้คน สถานที่ และทุกสิ่งอย่างที่ถูกมองว่าเป็นวัฒนธรรมเก่าล้วนแล้วแต่ถูกเรดการ์ดทำลายลงจนหมดสิ้น ประชาชนถูกลากออกมาทรมานและฆ่าทิ้งในที่สาธารณะ สิ่งของและสถานที่ต่าง ๆ ถูกทุบและเผาทำลาย กระกระทำของเด็กกลุ่มนี้เริ่มรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ โดยปราศจากการควบคุมดูแล
แน่นอนว่าพระราชวังต้องห้ามก็เป็นอีกหนึ่งเป้าหมายซึ่งหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะโดดทำลายลง โดยก่อนหน้านั้นก็มีการบุกทำลายสุสานของราชวงศ์มาแล้ว มีการลากพระบรมศพของอดีตจักรพรรดิหลายพระองค์มาทำลายและมาตั้งโชว์ในที่สาธารณะ
ภาพคนที่ถูกนำมาประจานและทรมาน
ภาพซากพระบรมศพของอดีตจักรพรรดิว่านลี่ในสภาพยับเยิน
“โจว เอินไหล” นายกรัฐมนตรีของจีนในขณะนั้น เมื่อเห็นสถานการณ์ที่เกินควบคุมนี้ ถึงขนาดที่ต้องออกคำสั่งให้ทหารและตำรวจเข้าไปควบคุมดูแลบุคคลและสถานที่สำคัญในสายตาของรัฐบาลในทันที บุคคลสำคัญ เช่น “ผู่อี๋” อดีตจักรพรรดิพระองค์สุดท้ายแห่งราชวงศ์ชิง สถานที่สำคัญ เช่น บ้านมาดามซุนยัตเซ็นและพระราชวังต้องห้ามที่เรากล่าวถึงกันนี่เอง
(อารมณ์ประมาณว่า “ไหว้แหละ ขอแหละ ขอนะ ขออย่าทำลายพระราชวังต้องห้ามแห่งนี้เลย” เพราะโดยแนวคิดทางอุดมการณ์แล้ว สถานที่แห่งนี้ถือเป็นเศษซากศักดินาในระบอบเก่าชิ้นใหญ่ที่สมควรได้รับการกวาดล้างและทำลายลงอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้)
ภาพโจว เอินไหล
สุดท้ายแล้วพระราชวังต้องห้ามก็ไม่ได้ถูกทำลายและอยู่รอดมาได้จนถึงปัจจุบัน ให้พวกเราได้เข้าไปท่องเที่ยวถ่ายภาพ ได้เห็นถึงความยิ่งใหญ่ของจีนในอดีตที่มีประวัติศาสตร์รวมทั้งวัฒนธรรมเป็นของตนเองมาอย่างยาวนาน และกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญที่ทางรัฐบาลจีนใช้หารายได้เข้าประเทศอย่างมหาศาลในแต่ละปี
(ลองคิดดูนะครับ ว่าถ้าหากพระราชวังต้องห้ามถูกทำลายลงไปในวันนั้น ประเทศจีนจะสูญเสียสิ่งสำคัญต่าง ๆ ไปมากมายขนาดไหนกันนะ)
ภาพนักท่องเที่ยวที่เข้าชมพระราชวังต้องห้ามเป็นจำนวนมาก
สิ่งที่ผมนำมาเล่าในวันนี้ มาจากการศึกษาค้นคว้าหาข้อมูลอย่างต่อเนื่องตามความชอบความสนใจของตัวเอง ร่วมกับการคิดวิเคราะห์และแสดงความคิดเห็นออกมา อาจมีข้อมูลบางอย่างคาดเคลื่อนหรือไม่ตรงกับข้อมูลชุดอื่น ๆ ทางผู้เขียนขอแจ้งให้ทราบไว้ก่อนนะครับ
สุดท้ายนี้ขอฝากทุกคนกดไลค์ กดแชร์ กดติดตามเพจเพื่อเป็นกำลังให้กัน แล้วพบกันใหม่ในโพสต์หน้า ขอบคุณครับ:)
- 2
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
