Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
ธเนศเล่าขาน "ทานทางปัญญา"
•
ติดตาม
10 พ.ค. เวลา 12:40 • ไลฟ์สไตล์
ต้องฝึกจิตให้ชำนิชำนาญ จนเกิดสติอัตโนมัติ จึงจะสามารถช่วยเราในนาทีสุดท้ายตอนจะตายได้
พระพุทธเจ้าบอกว่า ธรรมชาติของจิตไหลลงต่ำ
อย่าประมาทเชียวนะ ไหลลงต่ำเร็วมากเลย
เรานึกว่าเราแน่ เผลอแวบเดียวลงต่ำ
ถอยไม่ได้นะ ต้องสู้
มีสติในชีวิตประจำวัน ตามดูกาย ตามดูใจ
ตื่นนอนตอนเช้าหรือก่อนนอนตอนค่ำ
มีเวลาต้องทำในรูปแบบอย่างน้อยหนึ่งครั้ง
ต้องทำให้ได้
ชาวพุทธนะ ไหว้พระสวดมนต์ ทำสมาธิ
เดินจงกรมวันละครั้งนะ ทำไมทำไม่ได้
มุสลิมละหมาดวันละห้าครั้ง เขายังทำได้เลย
วันละห้าครั้งนะ ของเราหนึ่งครั้ง ทำไม่ได้หรือ
ต้องสู้นะ กิเลสมันจะพาขี้เกียจ
ถ้าเราทำในรูปแบบ ทำความสงบ มาดูกายดูใจ
หัดดูสภาวะไป
จิตใจหนีไปก็รู้ จิตไปเพ่งก็รู้
จิตสงบ จิตฟุ้งซ่าน จิตเป็นสุขเป็นทุกข์
โลภ โกรธ หลง
คอยตามรู้เรื่อยๆ
การทำในรูปแบบเนี่ย
เราตัดการกระทบอารมณ์ทางตาหูจมูกลิ้นกายไปก่อน
มาเหลือแต่การทำงานทางใจอันเดียว
เช่น เรามาหายใจเข้าหายใจออกเนี่ย
ใจเราหนีไปเรารู้ทัน ใจไปเพ่งรู้ทัน
เรารู้ทันการทำงานทางใจอยู่ที่เดียวเลย
แต่อย่าไปเพ่งใส่จิตนะ
อย่าไปเพ่งใส่จิตใส่ใจ ให้เขาทำงานไป
เรามีหน้าที่แค่ตามดูไปเรื่อยๆ
ดูท้องพองยุบไปก็ดูจิตใจเขาทำงานไป
เดี๋ยวเขาก็ไปคิด คิดกระทั่งคำบริกรรมนะ
บริกรรมว่าพองหนอยุบหนอ
นี่ก็คือการคิดนั่นเอง
ก็ให้รู้ทันว่าจิตหนีไปคิด หนีไปคิดเรื่องอื่นเราก็รู้ทัน
แล้วไปเพ่งใส่ท้อง เราก็รู้ทัน
นี่หัดรู้สภาวะนะ
ต่อไปเวลาเราอยู่ในชีวิตธรรมดาเนี่ย
จิตจะขยับเขยื้อนเคลื่อนไหวอะไรนะ
เห็นหมดเลย เห็นอัตโนมัติ
ฝึกหัดมีสติอย่างหลวงพ่อบอกนี่แหละ
ถึงจุดหนึ่งนะ จะมีสติได้ทั้งวันทั้งคืน
ตอนที่นอนไปแล้วยังช่วยตัวเองได้
มีสติขึ้นมาช่วยตัวเองได้ นี่สำคัญนะ
มันเป็นเอง
มันเป็นผลจากการที่เราฝึกเจริญสติตอนกลางวัน
เราจะเอาไว้ใช้ตอนจะตาย
ความรู้อันนี้จะใช้ตอนจะตาย
เวลาเราจะตาย จิตมันจะตัดความรับรู้กายออกไปก่อนนะ
แล้วมันจะไปรู้อยู่ที่ใจอันเดียว
เราจะมาทำกัมมัฏฐานที่กายอันเดียว
ระวังก็แล้วกันนะ กายหายไปแล้ว
นาทีสุดท้ายไม่มีกายนะ จะทำอย่างไร
จะทำกัมมัฏฐานอะไร
ต้องฝึกจนชำนิชำนาญเข้ามาที่จิตอัตโนมัติให้ได้
เวลาคนเราจะตาย
มันจะเกิดนิมิตอันหนึ่งเรียกกรรมนิมิต
นิมิตถึงสิ่งที่เคยทำ
อีกอันหนึ่งเรียกว่ากรรมอารมณ์
กรรมนิมิตนี่มันจะนิมิตไปถึงเรื่องราวที่เคยทำ
อีกอันหนึ่งเรียกคตินิมิต มันจะเห็นที่ไปข้างหน้า
เนี่ยมีสามอัน
มีกรรมอารมณ์ กรรมนิมิตอารมณ์ คตินิมิตอารมณ์
รวมความแล้ว ก็คือมันฝันนั่นเอง
ฝันไปถึงเรื่องราวที่เคยทำมาในอดีต
เช่น คนหนึ่งหลวงพ่อเคยรู้จักพ่อของเพื่อน
ใจดีนะ ตอนหนุ่มๆ เพื่อนมาบ้านทุกวันเลย
มาสีซอกัน เล่นปี่พาทย์ เล่นสีซอ
ทุกวันจะสั่งลูกน้องเชือดไก่วันละตัวเลี้ยงเพื่อน
เวลาจะตายเนี่ย เกิดนิมิตเห็นไก่
เห็นไก่มารออยู่ข้างหน้า
บางทีก็เห็นที่ไปข้างหน้า ที่จะไปเกิด
เกิดเห็นไฟท่วมขึ้นมาเลยเนี่ย จะไปเกิดแล้วในที่ไม่ดี
แต่ถ้าหากฝึกสติเอาไว้จนชำนาญนะ
พอเห็นไก่ปุ๊บ ใจมันย้อนดูจิตเลย
มันเคยชินที่จะฆ่าไก่ พอเห็นไก่ปุ๊บ
แหม มันอยากเชือดคอขึ้นมา สติเกิดวับเลย
นี่มันอยากฆ่าไก่แล้วเห็นวับ นิมิตนั้นดับ
ไม่ไปเกิดเป็นตรงนั้นแล้ว
หรือฝันไปเห็นนรก นิมิตไปเห็นนรกปุ๊บ
กลัวสติระลึกถึงความกลัวปั๊บ
ขาดเลย นรกดับไปเลย
ทุกคนสร้างนรกของตัวเองนะ
ทางใครทางมัน
ฉะนั้นนรกไม่เคยเต็ม อย่าเล่นๆ นะ
ไม่ใช่ของหลอกเด็กนะ อย่าเล่นๆ นะ
ตอนไม่รู้ไม่เห็นก็ผยอง
พอรู้เห็นก็คร่ำครวญ ช่วยอะไรก็ไม่ได้
เป็นภูมิที่ช่วยไม่ได้แล้วนะ
ไม่มีใครเข้าไปช่วยได้เลย
ถ้าเป็นเปรตยังช่วยได้
ถ้าเราฝึกสติเอาไว้ดีนะ
พอนิมิตไม่ดีเกิดปุ๊บ ขาด
เราจะตื่นขึ้นมา จะไปสู่สุคติ
ฉะนั้นสำคัญนะ
ฝึกสติในชีวิตประจำวันจนมันอัตโนมัตินะ
กระทั่งหลับมันก็ทำงานได้
สติปัญญาต้องฝึกเอาไม่ใช่เรื่องเหลือวิสัยนะ
🌣🌣🌣🌣🌣🌣🌣🌣🌣🌣
หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
ธรรมะ
ธรรมะภาคปฏิบัติ
คำสอน
2 บันทึก
2
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2024 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย