12 พ.ค. เวลา 01:39 • ปรัชญา
หากเราเป็นผู้ที่ศึกษา อยู่ในคำสอนขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ที่เค้าเรียกว่า จิตสะสมบุญกุศลบารมี มีการสร้างบุญสร้างกุศล ปฏิบัติธรรม ด้วยอาศัยรอยทั้งสี่ขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า รอยของท่าน ยืนเดินนั่งนอน ทำจิตเป็นมัชฌิมา ที่จะทำให้กายนิ่งจิตนิ่งได้ นั่นเป็นรอยที่ทำให้กายนั่น ไม่มีอารมณ์นึกคิด หมดสิ่้นไปแห่งความโลภโกรธหลง รอยที่ทำให้กายมีบุญเกิดขึ้น
เราก็ดูพระปฏิมากร ดูหลวงปู่องค์พระแก้วมรกต นั่งกายนิ่งๆ จิตเฉยๆ จิตที่มีธรรม จึงจะสามารถกระทำได้ ไม่มีอะไรปรุงแต่งในกาย จิตไม่มีอะไรเลย มีแต่จิตเป็นธรรมในเรือนกาย
เมื่อกายเป็นบุญเกิดขึ้น กายบุญนั่น เป็นเหมือน กายของพวกเทพยดา ก็ทำให้จิตนั้น สามารถที่จะนำกายมา ปฏิบัติธรรมชำระสะสาง ให้กายนั่น เกิดเป็นกายของผู้ที่มีมาบารมี ที่จะต้องใช้ความขันติ ทำกายให้นิ่ง ทำให้จิตนิ่ง กายที่นิ่งจิตที่นิ่ง ก็มีแสงสว่างเกิดขึ้น ที่กายและจิต มีเรื่องราว ของสีที่เป็น กรรม มากมาย ที่จะไหลออกมาจากธาตุทั้งสี่ที่แระกอบเรือนกาย ไหลออกมาจากดินฟ้า ที่เคยไปเกิดที่นั่นที่นี่สะสมสร้างกรรมตรงนั้น ตรงนี้
แม้แต่น้ำเลือดน้ำน้ำที่เราไปกินเลือดเนื้อของผู้อื่น ก็เกิดเป็นกรรม ..เรากินเค้า เค้าก็กลับมากินเราบ้าง เวลาเป็นแผลฟอกช้ำ น้ำเลือดน้ำเป็นพิษเกิดขึ้น เค้าจะกลับมากินเราบ้าง ที่เคยกินเค้าเอร็ดอร่อย เค้าก็มากินเนื้อเราเอร็ดอร่อยบ้าง
เรื่องของการทำจิตใจให้หลุด ชำระสะสางจิตให้บริสุทธิ์ เป็นแก้วเจียระไน เค้าไปกระทำในป่า ต้องไปคนเดียว ไปอยู่ในท่ามกลางดินฟ้าอากาศ ไปนั่งนอนมีพระแม่พระธรณี เป็นเตียงใหญ่ให้นอน ไม่ได้นอนในเตียงที่คับแคบ ในเวียงวัง ไปนอนที่ไหน ก็นอนได้ ทั้งกายทั้งจิตเป็นเหมือน ดินฟ้าอากาศกาศ มันปัญญาในธรรม หลุดพ้น การเวียนว่ายตายเกิด นั้น เค้าเรียนกัน ด้วยจิต เรียนกันแบบจิตต่อจิต ไม่ได้เรียนรู้ธรรมอัตตา ที่ใช้สายตา ไปอ่านไปเขียน จดจำมาเป็นอารมณ์นึกคิด
เรื่องชาติสุดท้าย ที่จะยุติการเกิด ..จิตต้องไปสะสาง กาย สะสารงธาตุสี่ ขันธ์ทั้งห้าวิญญาณทั้งหก น้ำเลือดน้ำหนองให้บริสุทธิ์ผุดผ่อง ไม่มีมลทิน คือ กรรม ที่จะเป็นเหตุให้ต้องยึดถือ .กรรม จิตเหมือนกอดกรรมไว้ คล้ายกายเจ็บปวด จิตก็ยึดความเจ็บปวดนั่นเป็นจิต จิตก็เหมือนยึดกรรมอยู่
เมือจะไม่ยึด ก็ต้องให้กายนิ่ง ..ดูสิ่งต่างๆที่เกิดขึ้นในกาย สำรวจตรวจสอบ ภายในกาย จิตนั่นต้องมีแสงสร่าง ส่องดูสิ่งต่างๆภายในกาย ดูอารมณ์ต่างๆ แสง สี เสียง ภาพต่างๆ ที่เกิดขึ้น ก็ต้องมีปัญญาธรรม ใคร่ครวญพิจารณา เพื่อตัดขาดให้กาย นั่น มาเป็นกายของผู้ที่มีธรรม จิตมีธรรมที่ ล้วนแล้วเป็นเรื่องราว ที่เรียกว่า ปัจจัตตัง เกิดขึ้น ภายในกาย ในจิต จนจิตนั้น หลุดพ้น ..พ้นเรื่องราวของโลก
การที่จะทำให้หลุดพ้นเรื่องราวของโลก มันเป็นเรื่องของจิต ที่ต้องฝึกหัดทำขึ้นมาเอง ยุคต้นพุทธกาล จิตที่สะสมบุญกุศลมาเป็นอเนกชาติ ท่านก็รู้ว่า จะมีผู้ที่ สำเร็จเป็นพระพุทธเจ้า มาจุติที่เมืองมนุษย์ ท่านก็ติดตามลงมาเกิดเพื่อฟังธรรม จากพระสุรเสียงของท่าน ที่มีแสงรัตนะเจิดจ้า ให้แสงนั้นไปสะกิดที่จิต ให้เห็นทางที่จะชำระสะสาง ประพฤติปฏิบัติธรรม ให้ยุติการเกิด
พระอัครสาวก ท่านฟังแล้ว ก็นำไปปฏิบัติ จนจิตท่านเข้าถึงธรรม หลุดพ้นการเกิด จึงไม่มีเรื่องของการบันทึก เป็นลายลักษณ์อักษร มีแต่การถ่ายทอดจากจิตสู่จิต ..ที่เป็นเรื่องราวการสะสมบุญกุศลบารมี หนีเวรกรรม ..เพื่อยุติการเกิด จิตดวงไหนหลงโลก เค้าก็ไม่สนใจ เหมือนเทวทัต ฟังธรรมจากพระพุทธเจ้า
แต่จิตเทวทัต ไม่มีปัญญาธรรม มีแต่ความหลงใหล ในฌานโลกีย์ อิทธิฤทธิ์โลกีย์พาตกนรก หลงว่าเป็นผู้ยิ่งใหญ่ มีอารมณ์ยิ่งใหญ่ ทะเยอทะยาน ..สิ่งที่ได้ คือ กรรมนำพาจิตลงนรกอเวจี ต้องไปอยู่กับทุกข์ ทุกข์ทรมาน ยาวนานในเหมือนนรก ไม่คุ้มกันเลย กับการได้กายมนุษย์ให้อาศัยเพียงแค่แปดสิบปีร้อยปี กายนี้ก็ไม่มีให้ใช้อีกเลย ไม่มีกายมนุษย์ให้ใช้อีกยาวนาน มีแต่ทุกข์ที่จิตต้องเป็นผู้รับ ในสิ่งที่ตนเองทำเอง สร้างเอง
สร้างกรรมก็ได้กรรม สร้างบุญก็ได้บุญ สร้างบารมี ก็ได้บารมี ตัดขาดอารมณ์กรรม ตัดสวาททั้งเรือนกาย มันจะตายที่ไหน ก็ชั่งมัน
มีผู้ที่เราเคารพนับถือ ท่าบอกว่า พระพุทธเจ้าท่านฝากร่องรอย การปฏิบัติธรรม การสร้างบุญกุศลบารมีไว้กับดินฟ้าอากาศ ที่มีธาตุดินน้ำลมไฟ ไม่ได้ฝากไว้กับผู้หนึ่งผู้ใด จิตดวงใด มาเกิดได้กายเป็นมนุษย์ สะสมนิสัยสร้างบุญกุศลบารมีมากับจิต เกิดมาพบพระศาสนา ก็นำกายที่อาศัยมาฝึกหัด อม้แต่การนั่งนิ่งๆ จิตเฉย ..ก็สำรวจตรวจสอบ ลมที่เข้าออก ลมที่เข้าออกมีอะไรเข้ามาในกาย มีอะไรที่ออกไปจากกา ..บางที่ก็เหมือนของที่เรากินเข้าไป ที่ว่าเป็นของดีของไม่ดี กินเข้าไปแล้ว ร่างกายก็ต้องขับออกถ่ายออกไป
แต่อารมณ์ที่ไหลเข้ามา พร้อมกับลมหายใจ เราก็ต้องตรวจสอบ ลมดีลมเสียที่เป็นอารมณ์ คัดเอ้าท์ออกไป
..นั่นก็จะเป็นรายละเอียด ของการเรียนรู้จัก เพื่อคัดเอ้าท์กรรมออกไป จากกายและจิต ที่ต้อง อาศัยการสร้างกายให้เป็นกายบุญเกิดขึ้น ให้กายบุญ เป็นการบารมี ที่จะจิตสามารถ พิจารณาในสิ่งที่ละเอียดอ่อนมากๆ ในคำว่า ธาตุทั้งสี่ วิญญาณทั้งหก ขันธ์ทั้งหก ไม่ใช่แค่ว่า เป็นทุกขังอนิจจังอนัตตา เพียงแค่นึกคิด ..แล้วจบสิ้น.มันต้องทำจิตทำกาย .เข้าไปศึกษาเรียนรู้จัก ..เป็นมะโนทะศึกษา ของจิตที่ใฝ่ในพระธรรมคำสอนขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า
จิตอาศัยรอยทั้งสี่ของท่านนำมาปฏิบัติ รอยของของท่าน ยืนเดินนั่งนอน ไม่นึกคิดอะไร มีแต่คำว่าพุทโธ ..จิตอยู่กับพระ จิตจะมีปัญญาธรรม รักษากายให้นิ่ง จิตให้นิ่ง สิ่งที่ทำให้กายไม่นิ่ง ขันธ์ห้าไม่นิ่ง วิญญาณทั้งหก ไม่นิ่ง ก็ต้องหมั่นตรวจดูแล ว่าสิ่งเหล่านั้นมาจากไหน มาแล้วเกิดอะไรที่กายที่จิต จิตจะทำอย่างไร ตัดขจัด ..ในสิ่งที่ไหลเข้ามา ให้กายและจิตเกิดเป็นมลทิน ..เกิดกรรมขึ้นที่กายและจิต ..ยึดจมอยู่กับทุกข์
มีผู้ที่เล่าให้ฟังว่า เจ้าชายสิทธัตถะ ไปนั่งอยู่ในป่า เมื่อกายหิวกระหายน้ำ ท่านก็เดินไปเป็นกิโล เพื่อดื่มน้ำ ประทังสังขาร เดินไปเพื่อดื่มน้ำ ไม่ได้เดินไปตักน้ำ สะสมมาดื่มกิน ท่านดื่มแล้วก็ เดินกับมานั่ง กายนิ่ง จิตนิ่ง ไม่เอาน้ำมาสะสมอยู่ข้างกาย ท่านกระทำเพื่อ .รีดความทุกข์ออกไปจากกาย จากจิต ..ท่านกระทำได้ ด้วยจิตที่มีขันติเป็นบารมี ..จิตเข้าไปถึงคำว่่าธรรม จนสามารถ ตรัสรู้ ในธรรม มีผู้บอกว่า จิตไปนั่งอยู่ในธรรมจักร ..เรืองรองด้วย พระฉัพพรรณรังสีแสงรัตนะธรรม สำเร็จเป็นองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า
ทุกข์ของจิตที่มีกรรม..กรรมนำเกิดแก่เจ็บตาย ..ไม่จบสิ้นได้เลย ..เกิดมีกาย ที่นั้นที่นี่ ..เมื่อไหร่จิตจะจบสิ้นแห่งการเกิดมีกาย ที่ไม่เที่ยงนี้ได้..
เรื่องราวรอยทั้งสี่ขององค์พระสัมมาสัมพุุทธเจ้า บุคคลใดที่หลงใหล ในอิทธิฤทธิ์โลกีย์ คาถาอาคม เวทมนต์ ไสยศาสตร์ มันเกิดเป็นมลทินให้จิตนั่นมีแต่กรรม จิตออกจากร่างจากกายมนุษย์ ยังตามไปเสียบจิต กดลงนรก ..ที่ว่าเกจิอาจารย์ ..ทำไมตกนรก .มันน่ากลัว เมื่อไหร่จะมีกายเป็นมนุษย์อีก จิตเค้าย่อมไม่สามารถ สร้างบุญกุศล ไม่สามารถ นำกายนำจิต มากระทำในรอยทั้งสี่นี้ได้เลย รอยของผู้ที่มีบุญกุศลบารมี ไม่มีอารมณ์นึกคิดอะไร ไม่ยึกยืออะไร มีพระพุทธพระธรรมพระสงฆ์อัครสาวก เป็นที่พึงของจิต มีธาตุนะโมสงเคราะห์ให้จิต
เมื่อธาตุนะโมเป็นธาตุของบุญเกิดขึ้น สงเคราะห์ให้จิต ..เข้าไปให้พระ .. ผู้ที่ไม่รู้จักพระคุณพ่อแม่ ก็ยากที่จะนำกายพ่อแม่มาเดินในรอยทั้งสี่นี้ได้ เพราะกายนั้นจะร้อนจะแสบร้อนขึ้นมา ไปไฟเผาจิตของผู้ที่มีกรรม กรรมที่ตัวเองทำมา จะสกัดเป็นอุปสรรค ให้ไม่สามารถใช้กายนี้มากระทำในรอยทั้งสี่ รอยคัดเอ้าท์กรรม . ให้กายและจิต ปราศจากอารมณ์โลกโกรธหลง รอยของผู้ที่ศึกษา ธรรมโลกุตระ ขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า
โฆษณา