12 พ.ค. 2024 เวลา 06:12 • ดนตรี เพลง

เพลงรักช้ำ ๆ ที่ฟังได้ซ้ำ ๆ ไม่เบื่อ

ไม่ได้เขียนถึงเพลงนานมากกก ซึ่งเป็นสิ่งที่ชอบพอ ๆ กับหนังสือและในหัวก็มีคอนเทนต์ที่อยากทำเยอะแยะ (แต่ไม่มีเวลา) วันนี้เลยเอาเพลงที่ชอบฟังซ้ำ ๆ อยู่ตลอด มาแชร์ให้เพื่อน ๆ ลองไปหาฟังกัน
Love, lost and pain เป็นธีมรวม ๆ ที่เรานิยามไว้สำหรับเพลย์ลิสต์นี้ จริง ๆ เราเป็นคนชอบฟังเพลงเศร้าเพราะรู้สึกว่ามันปลอบใจได้ดี ชอบแกะรายละเอียดของ Instrument และเป็นคนที่ชอบฟังว่าเนื้อเพลงต้องการสื่อสารอะไรกับความรู้สึก เลยมีปน ๆ กันบ้างทั้งเพลงที่ฟังแล้วรู้สึกมีความหวัง ได้รับกำลังใจ เจ็บหัวใจ suffer กับชีวิต คิดถึงใครบางคน และปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไป
บางเพลงฟังผ่าน ๆ เราอาจคิดว่ามันสนุกดีเนอะ ดนตรีฟังสบาย มู้ดดีมาก เนื้อเพลงต้องเป็นความหมายดี ๆ แน่เลย พอไปลองอ่านเนื้อจริง ๆ กลับพบว่ามีความเศร้า ความเจ็บ ความประชดประชันซ่อนอยู่ บางเพลงก็ดูเหมือนเป็นป็อปดาดดื่น ฟังเอาเพลิน ๆ ไม่คิดอะไรมาก แต่พอได้ดูเอ็มวี + อ่านเนื้อเพลง กลับกลายเป็นเพลงที่มีความหมายมาก ๆ และมันไม่ได้เป็นแค่เพลงรักในแง่ของคนหนุ่มสาวอย่างเดียว แต่ยังส่งพลังของการรักตัวเองมาให้เราด้วย
ลิสต์นี้ก็ค่อนข้างเลือกยากอยู่เพราะชอบหลายเพลง เมื่อไหร่ไอจีจะยอมให้โพสต์ได้ 50 รูปต่อโพสต์คะ! 5555 เลยออกมาเป็น 9 เพลงนี้ของ 9 ศิลปินที่เราชื่นชอบ ซึ่งยังเปิดฟังวน ๆ ซ้ำ ๆ เพราะเป็นคนมูฟออนจากอะไรเดิม ๆ ยาก มีบ้างที่สลับไปฟังวน ๆ ในเวอร์ชัน reverb & slow เพราะไปอีกแบบ จะมีเพลงไหนบ้าง ไปอ่านกันค่ะ
Afterthought
โจจิ หรือตาจ้อจี้ที่เราชอบเรียก เป็นคนที่ทำเพลงออกมาได้หม่นแต่ตรงเข้าถึงใจคนฟัง เราโดนตกจากเอ็มวีเพลง Slow dancing in the dark ซึ่งโคตรเศร้าโคตรช้ำ แต่จริง ๆ แล้วก่อนจะโดนตก เราได้ยินเพลงนี้ครั้งแรกจากคลิปนักสเก็ตน้ำแข็งชาวญี่ปุ่นที่เลือกเพลงนี้ไปแข่งละกลายเป็นไวรัลในยูทูบ 555 มู้ดอย่างได้ (เหตุผลที่เปลี่ยนสีรูปอัลบั้ม Nectar จากแดงเป็น น้ำเงิน-ชมพู เพราะนึกถึง Pink guy ที่ตาจ้อจี้เคยสวมบทบาทซึ่งขัดกับมู้ดเพลงที่พี่แกทำมาก 5555)
Afterthought เป็นเพลงที่พูดถึงความสัมพันธ์ที่จบกันไปแล้ว แบบยุ่งเหยิงด้วย แต่ยังคงนึกถึงวันเวลาที่ผ่านมา ต่างคนต่างตั้งคำถามว่าอีกฝ่ายเป็นยังไงบ้างเมื่อฉันไม่อยู่ตรงนั้น เหมือนบ่นพึมพำกับตัวเองว่าถ้าตอนนั้นฉันเป็นแบบนั้น เธอเป็นแบบนี้ ฉันไม่ทำอย่างนั้น เธอไม่ทำอย่างนี้ อะไร ๆ ก็คงจะยังดีอยู่
แต่สุดท้ายก็ไม่เลือกที่จะพูดกันตรง ๆ ปล่อยให้ปัญหามันขมวดปมอยู่อย่างนั้นแล้วห่างหายกันไป สมกับเป็นเพลงยี่ห้อ Joji สุด ๆ
ใครยังไม่เคยลองฟัง รู้สึกว่าแกติสต์เกินนน ลองไปฟัง Afterthought กับ 3 เพลงนี้ดูก่อนงับ Test drive, Die for you, Glimpse of us
Lighthouse
ตากะหล่ำเนี่ย (ขอเรียกแบบนี้นะ คงไม่ว่ากัน 🤣) เราชอบตั้งแต่ตอนแข่ง Britain's got talent แล้วได้ Golden Buzzer จาก Simon Cowell แล้ว เพราะเลือกเพลงมาดีมาก ตอนนั้นใช้เพลง dancing on my own ของ Robyn แต่ร้องเป็นเวอร์ชันตัวเองซะเพราะจนคนคิดว่านี่คือเพลงต้นฉบับ ไม่แปลกใจที่ตอนนี้จะดังไปไกลทั่วโลก
นอกจากพี่แกจะมีเพลง dancing on my own เป็นของตัวเองแล้ว (เอ็มวีดีมาก เศร้ามาก 🥹) มีผลงานเพลงรักซึ้ง ๆ ความหมายดีอย่าง You are the reason และอีกหลายเพลงออกมาให้ฟังกัน เราประทับใจมากที่พี่แกทำเพลงเกี่ยวกับความทรงจำและชีวิตด้วย ไม่ได้ทำแต่เพลงรักอย่างเดียว (What I miss most เป็นเพลงที่ฟังแล้วคิดถึงบ้าน คิดถึงวัยเด็ก แล้วก็อยากออกไปผจญภัยใช้ชีวิตข้างนอกมาก ๆ)
ล่าสุดเพลงที่เราฟังคือ Lighthouse ซึ่งเป็นเพลงที่พูดถึงการที่เราฝ่าฟันอุปสรรคต่าง ๆ ไปได้ ผ่านคืนที่มีพายุโหมกระหน่ำไปได้ เพราะมีคนที่เรารักเป็นแสงนำทาง เหมือนเจอไฟจากประภาคารท่ามกลางลูกคลื่นยักษ์ในมหาสมุทรอันมืดมิด
พอได้ดูเอ็มวี นอกจากเพลงนี้มันจะสื่อไปในแง่ของคนรักที่เป็นกำลังสำคัญให้เราสู้ต่อ จริง ๆ แล้วมันยังหมายถึงการรักตัวเองด้วยนะ การที่เราจะผ่านอุปสรรคอะไรไปได้ ตัวเราเองนี่แหละที่เป็นเหมือนบ้าน และเป็นแรงใจสำคัญให้ฮึดสู้กับอะไรต่าง ๆ ไปได้โดยไม่ยอมแพ้ต่อโชคชะตา ใครอยากได้กำลังใจต้องลองฟังเพลงนี้เลย (แอบคิดว่าเป็นเพลงแนว Worship สรรเสริญพระเจ้าด้วยเหมือนกัน)
Free Falling
เพลงของเจมส์เป็นเพลงที่ทรงพลังและกระทบใจคนฟังเสมอ หนึ่งในศิลปินคนโปรดที่เรารักมาก ๆ ลิสต์เพลงที่ชอบยาวเหยียดจนสามารถทำคอนเทนต์ได้อีกเป็นสิบ ๆ
เพลงนี้เป็นเพลงที่สื่อค่อนข้างชัดว่า เรากำลังหมดหวัง ตอกย้ำตัวเองว่าไม่มีค่าพอ ไม่เชื่อมั่นในตัวเอง และต้องการใครสักคนมาเป็นพื้นที่ปลอดภัย ช่วยปลอบใจทีว่าเรายังไม่เป็นไร เรายังมีคุณค่าบางอย่าง เราจะผ่านวันร้าย ๆ ไปได้
อาจจะแปลกสักหน่อยถ้าเราจะบอกว่าเพลงนี้เราฟังแล้วเรานึกถึงช่วงที่อยากลาออกจากงานเดิม และกำลังจะได้ไปสัมภาษณ์งานที่ใหม่ (ซึ่งได้รับการคัดเลือกแล้ว และตอนนี้ก็ทำอยู่💙) เพลงนี้เข้ามาในจังหวะนั้นพอดี ตอนที่เรารู้สึกท้อใจ Self-esteem ต่ำ รู้สึกว่าตัวเองไม่มีความสามารถอะไร ไม่เก่งอะไรสักอย่าง ไม่มีศักยภาพมากพอจะไปสู้คนอื่นได้ ซึ่งมันแย่มาก ๆ เราได้แต่ปลอบใจตัวเองด้วยเพลงนี้ เอาแต่นึกถึงประโยคเหล่านี้ซ้ำ ๆ และคอยถามตัวเองว่า เรามีค่าพอจะอยู่ในที่ที่เห็นคุณค่าของเราบ้างมั้ย
Maybe I'm free falling
Maybe I'm out of time
Tell me I'm worth something
Still be you
David Hodges เป็นนักร้องและนักแต่งเพลงคนนึงที่เก่งมาก ๆ และคิดว่าหลายคนอาจจะไม่เคยรู้จัก เพราะส่วนใหญ่แกจะทำงานเบื้องหลังซะเยอะ (แกแต่งเพลงให้ศิลปินดัง ๆ มาแล้วหลายเพลงน้าาาา ตอนที่รู้ก็อึ้งเหมือนกัน) แต่เพลงที่แกร้องเองแต่งเองก็ดีทุกเพลง เสียดายที่มันไม่ปังเท่าที่ควร
เรารู้จักเดวิดครั้งแรกจากหนังเรื่อง If I Stay (นานมากแล้ว เป็น 10 ปีได้) เราเซิร์ชหาเพลงประกอบหนังแล้วเจอเพลง Silence ของวง Arrows To Athens ฟังแล้วชอบ เพราะดี มีความร็อกหน่อย ๆ ไม่มากไป เลยไปหาเพิ่มว่าอ๋อออ คนนี้ร้อง ก็เลยได้เจอเพลงดี ๆ ของเดวิดอีกเพียบบบบ ละตั้งวงเก่งเกินนนน ยังมีวงชื่อ Trading yesterday อีก สับสนไปหมด 555 ใครชอบความร็อกนิด ๆ ต้องฟัง My Last Goodbye กับ Revolution
จากร็อกกลับมาแนวหวาน ๆ บ้าง ใจชื้นที่ปัจจุบันแกยังทำเพลงอยู่ Still be you เป็นเพลงที่เพราะและน่ารักมากกกก ดีทั้งอัลบั้มเลย ฟังแล้วอยากมีแฟนเลยอ่ะ อยากเจอคนที่รักเราแบบในเพลงนี้ 🤣 เหมือนเพลงบอกรักเลยแหละ หลัก ๆ ความหมายเพลงคือสื่อว่า จากนี้ ไม่ว่าระหว่างทางจะต้องยอมแลก สูญเสียอะไรไป หรือโลกจะแตก เราก็ยังเลือกที่จะรักเธอ (แอบเลี่ยนนะคุณเดวิด)
Maybe Next Time
เศร้านะเพลงนี้ ความหมายของเพลงเหมือนอารมณ์ตัดพ้อกับความสัมพันธ์ที่พยายามอยู่ฝ่ายเดียวจนเหนื่อย ได้แต่หวังว่าครั้งหน้า (ซึ่งไม่รู้ว่าจะมาถึงเมื่อไหร่) ฉันคงจะเป็นคนที่ดีพอที่เธอจะไม่ยอมแพ้ไปง่าย ๆ คงเป็นตาเธอบ้างที่วิ่งไล่ตามและใส่ใจความรู้สึกของฉัน น้อนเจมี่เสียงดีมากกก ที่ชอบอีกเพลงคือ Empty room ค่ะ ไปลองฟัง
Get Away
Mac Ayres ศลป. คนโปรดตลอดกาลลล เคยเขียนถึงไปแล้วเพราะเพลงแกมู้ดดีมากกก ผสมกันไปหมดระหว่างป็อป อาร์แอนด์บี โซล บลู และอื่น ๆ แต่ได้เพลงที่ลงตัวทุกเพลง ถ้าซิกเนเจอร์เลย ทุกคนอาจจะรู้จักแม็กผ่านเพลง Easy แนะนำให้ฟัง The devil's in the details และ Slow down ด้วย ดือมาก ยิ่งอัลบั้มใหม่ยิ่งไม่ต้องพูดถึง อวยยศอยู่แล้ว
Get Away เป็นเพลงที่เราชอบเพราะจังหวะเพลงดี ตอนแรกก็ฟังเอาสนุก แต่หลัง ๆ ลองไปอ่านเนื้อดู น้ามตาตก มันคือเพลงของคนอยากมูฟออน (แต่ยังมูฟไม่ได้ T^T)
เนื้อเพลงเข้ากับสถานการณ์ตอนนี้มากกก อยากหนีไปให้ไกลจากใครบางคน (แม้ว่าลึก ๆ จะไม่อยากหนีก็ตาม 🥹) ความหมายของเพลงก็ตรงตามชื่อ มันคือการที่เราอยากหนีออกไปจากความสัมพันธ์ที่ไปต่อไม่ได้ และทำให้เราอึดอัด ต่อให้อยู่ตรงนั้นต่อไป เขาคนนั้นก็ไม่คิดจะ take action อะไรกับเราให้ความสัมพันธ์มันคืบหน้า อยากหนีไปให้ไกล ๆ จะได้ไม่ต้องนึกถึงเธออีก (จะใจร้ายมากถ้าอีกฝ่ายตอบว่า หนีก็หนีไปดิ ใครห้าม)
Waiting
Night Traveler เป็นวงดูโอ้ที่มีเสียงเป็นเอกลักษณ์ทั้งคู่ สไตล์เพลงก็ด้วย ได้ยินเมื่อไหร่จำได้แน่นอน (คนทางด้านขวาเค้ามีอีกวงนึง ชื่อ By the coast แล้วเราไปเจอด้วยความบังเอิญเพราะลองกดเข้าไปฟังเพลงแล้วดันจำเสียงนักร้องได้ คิดดูววว ยูนีกขนาดไหน) เพลงดีหลายเพลงเลยนะ โดนตกครั้งแรกจากเพลง Miss you เมื่อหลายปีก่อน ชอบเพลง Burn กับ 1984 เวอร์ชัน Native มาก และล่าสุดที่มู้ดดีอีกเพลงคือ Blue eyes
ส่วน Waiting ก็ตรงตามชื่อ เป็นเพลงที่พูดถึงการรอคอยให้ใครบางคนกลับมา แม้จะเลิกกันไปแล้วแต่ก็ยังแอบหวังและรอ ฟีลตัดพ้อด้วยว่า เราเปลี่ยนจากคนรักกันเป็นคนแปลกหน้าตอนไหนนะ? หรือฉันเป็นคนที่ยากเกินกว่าจะอยู่ในสมการรักของใคร
Solar Eclipse
เพลงนี้เป็นเพลงให้กำลังใจสำหรับใครก็ตามที่ยังติดหล่มอยู่ในความเศร้าและความผิดหวังจากรัก (แนะนำเพลง Silence อีกเพลงด้วย) เราแปลกใจอย่างนึงว่า ตอนฟัง ๆ ไป พอใกล้จะจบดันมีเสียงคนพูดด้วยแฮะ เลยลองฟังดูว่าเค้าพูดอะไร แล้วพูดยาวด้วย แต่ปิดจบอย่างสวยงามและเราประทับใจมาก ๆ ด้วยประโยคที่ว่า
A new love exists because of the pain
And in retrospect, we can clearly see the rainbow through the rain
วงนี้เรารู้จักเพราะยูทูบสุ่มเพลง Clouds มาให้ พอไปอ่านเบื้องหลังการแต่งเพลงว่าแต่งเพลงนี้ให้กับ Christina Grimmie ยิ่งน่าเศร้าใจไปใหญ่ ช่วงนั้นกำลังเป็นข่าวดังพอดีเลย แต่ก็ดีใจที่ได้มีโอกาสรู้จักหนุ่ม ๆ ทั้งสามมาหลายปีแล้ว (ซึ่งเป็นพี่น้องกันด้วยนะ) เก่งกันทุกคน เพลงดีทุกอัลบั้ม ตอนนี้ดูเหมือนจะผันตัวไปเป็นเบื้องหลังให้กับศิลปินดัง ๆ หลายคนด้วยแหละ แต่ได้โปรดออกเพลงใหม่เถอะะะ รอฟังแล้วววว
Flashes
ชูป้ายไฟแบบอลังการ เพราะ The Paper Kites เป็นวงที่รักสุด ๆ ฟังมาแล้วเกือบทุกเพลง และมีลิสต์โปรดที่ฟังซ้ำ ๆ อยู่หลายเพลง หลายคนอาจจะไม่ชอบเพลงแนวอินดี้เย็น ๆ ประมาณนี้ แต่ถ้ามองหาเพลงที่ฟังสบาย ๆ เพราะ ๆ เราว่าวงนี้ควรลองเปิดใจนะ แต่จะบอกให้ว่าเพลงที่โดนตกเพลงแรก ดันออกไปทางร็อก ๆ อัลเทอร์เนทีฟซะงั้น 555 ซึ่งคือเพลง Electric Indigo รักแรกพบสุด ๆ โคตรของโคตรชอบ ตั้งแต่นั้นเลยหาเพลงอื่นของวงนี้ฟังเรื่อยมา
Flashes เป็นเพลงฟีลเหงา ๆ ปลอบใจตัวเอง ว่าอย่าพึ่งหมดหวัง เดี๋ยวเรื่องไม่ดีใด ๆ มันก็จะผ่านไปได้ โอกาสของเราจะมาถึงในสักวันนึง ต้องมีความหวังเข้าไว้ เพราะความหวังนั้นจะเป็นแสงสว่างนำทางเราไป เป็นฟีลคิดบวกสุด ๆ ถ้าใครฟังตอนกำลังง่วงบอกเลยว่าาาา หลับสบาย 555555
จะฝนตกรถติด นั่งเหงา ๆ อยู่บ้าน นั่งทำงานอยู่หน้าคอม หรือนั่งเศร้าอยู่ริมทะเล เพลงจาก The Paper Kites ช่วยปลอบใจให้เบาสบายขึ้นได้ ไม่เชื่อลองไปฟังดูววว
เอาละะะ จบกันไปแล้วกับลิสต์ 9 เพลงที่เอามาฝาก เพลงรักช้ำ ๆ ที่ฟังซ้ำได้เรื่อย ๆ ไว้จะหาเวลามาทำคอนเทนต์นี้สนองนี้ดตัวเองอีกกก ใครทนอ่านมาจนจบถึงตรงนี้ (และตามไปฟังเพลงด้วย) ก็ขอขอบคุณมา ณ ที่นี้ด้วยค่ะ ซาบซึ้งใจมาก 🥲
ฝากไปติดตามกันที่ไอจีด้วยน้า
#รีวิวเพลง
#ท่อนเพลงที่ชอบ #แนะนำเพลง
#รีวิว #พื้นที่รีวิว #เพลงรัก #เพลงเศร้า #เพลงสากล #เพลงเพราะ #เพลงเพราะๆ #lyric #lyrics #songs #song #music #musiclover #musicrecommendation #songrecommendation #musicreview #songlyrics #joji #calumscott #jamesarthur #davidhodges #jamiemiller #macayres #nighttraveler #beforeyouexit #thepaperkites
โฆษณา