13 พ.ค. 2024 เวลา 04:09 • ความคิดเห็น
โดยปกติมนุษย์เรา จะเห็นทุกข์ก่อนเห็นธรรมเสมอค่ะ ดูอย่างพระศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า ท่านเกิดมาบนความพร้อม บนความเกษมสำราญ บนความเป็นที่รัก บนความเป็นที่ยิ่งใหญ่ สิ่งเหล่านี้ปิดหูปิดตาท่าน ต่อเมื่อภายหลังท่านได้เปิดตา จึงเห็นทุกข์ของการเกิด แก่ เจ็บ และตาย เห็นว่าสรรพสิ่งเกิดขึ้น ตั้งอยู่แต่ทนแรงบีบคั้นไม่ได้ ที่สุดต้องเปลี่ยน จนดับสิ้นไปไม่เหลือเลย "มันจึงไม่มีตัวคุณและตัวเธอตั้งแต่แรก มีแต่กองแห่งรูปและนาม หรือขันธ์ 5"
ต่อให้บุรุษเพศอย่างคุณ เข้าใจในกฎไตรลักษณ์อย่างลึกซึ้ง เมื่อคุณได้พบเจอหญิงสาวที่น่ารักน่าใคร่น่าปรารถนา งดงามอ่อนช้อย ซ้ำยังยั่วยวน เหนียมอายอย่างขวยเขิน บอกรักทอดสะพานสายตาให้คุณ คุณก็อาจทานทนไม่ได้ เผลอไผลตกหลุมรักเข้าอย่างจัง ไม่ทันได้ตรึกนึกถึงกฎไตรลักษณ์ด้วยซ้ำไป ผัสสะถูกกระตุ้นเร่งเร้าในชั่วพริบตาสั้นกว่าอัตโตวินาที! "ก็ในเมื่อไม่มีคุณและเธอตั้งแต่เรก คุณและเธอ จึงบังคับบัญชาใครหรืออะไรไม่ไ่ด้เลย! "
แต่ "สุขลัดสั้น" นั้น เกิดแล้วดับฉับพลัน คุณไม่มีทางตามทัน ความทุกข์เกิดขึ้นครอบงำคุณฉับพลันทันที คุณจะหึงหวงเธอ คิดมากกังวลสารพัด อยากเอาอกเอาใจได้เธอมาครอบครอง จนเมื่อไ่ด้เสพสมเป็นที่พอใจแล้ว ความพอใจนั้นดับลงฉับพลันอีกครั้ง คุณและเธอต่างก็จะเกิด "ความเบื่อหน่าย" มันจะวนไปมาอยู่อย่างนี้ ตราบเท่าที่กรรมซึ่งเป็นธรรมะ จะจัดสรรให้คุณและเธอ เกิดความบาดหมางเลิกรา นอกใจ หรือใครใดคนหนึ่งตายจากไป ไม่ทางใดก็ทางหนึ่งอยู่ดี "ก็เพราะคุณและเธอบังคับบัญชาใครหรืออะไรไม่ไ่ด้เลย!"
ดั่งคำโบราณท่านสอนว่า "จะรักกันดูดดื่มแค่ไหน ไม่จากเป็น ก็จากตายอยู่ดี"
กว่าจะรู้ได้ละเอียดลึกซึ้งอย่างนี้
คุณต้องเกิดความทุกข์ก่อน ต้องได้บทเรียนก่อน
ต้องอยากพ้นทุกข์ แล้วตรึกนึกมันซ้ำแล้วซ้ำเล่า
เพื่อให้คุณค่อยๆ ละคลายจากความยึดข้อง
และแม้จะค่อยๆละคลาย แต่เนื่องจากคุณยังไม่ถึงมรรค ผล นิพพาน
ดังนั้น คุณก็อาจจะยังคงวนเวียน ไปรักสาวคนใหม่ได้อีก
พร้อมกันนั้น อดีตแฟนคุณก็อาจจะมีหนุ่มคนใหม่อีก
.....แต่ก็เป็นปกติธรรมดา เพราะมันเป็นธรรมะ.....
นี่ต่างหากที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าต้องการจะบอกพวกเรา
เพื่อให้เราสามารถดำรงอยู่ท่ามกลางสิ่งเหล่านี้
ได้อย่างเข้าใจ ยอมรับ และละคลาย
โฆษณา