13 พ.ค. เวลา 16:57 • ประวัติศาสตร์
นครโฮจิมินห์

People's Game 1976 ฟุตบอลแมชต์แรกหลังสงครามเวียดนาม ที่ชาติได้กลับมารวมกันเป็นหนึ่งเดียวอีกครั้ง

ชาวเวียดนามรู้จักฟุตบอลอันเป็นผลมาจากกีฬาที่ชาวฝรั่งเศสนำเข้ามาเล่นตั้งแต่ศตวรรษที่ 19 แต่หลังจากที่เวียดนามถูกแยกออกเป็นเวียดนามเหนือและเวียดนามใต้ในปี 1954 คนสัญชาตินี้จึงมีทีมชาติ 2 ทีม
ทีมชาติเวียดนามใต้ยุคนั้นถือเป็นเจ้าพ่อฟุตบอลอาเซียน ร่วมกับพม่า(ได้เหรียญทองจาก SEAP Games ปี 1959) หลังจากนั้นสงครามก็ทำลายกีฬาของสองชาตินี้ไป จนถึงในปี 1976 หลังการรวมชาติเวียดนาม มีความพยายามหลากหลายที่จะฟื้นฟูความรู้สึกเป็นหนึ่งเดียวกันระหว่างเหนือและใต้ และแนวคิดในการจัดการแข่งขันฟุตบอล ก็เป็นหนึ่งในการทำให้ผู้คนรวมกันเป็นหนึ่ง นั่นจึงเป็นที่มาของแมชต์ประชับ มิตรที่ชื่อว่า People's Game
รมว. Le Buu ที่กำกับดูแลการกีฬาของเวียดนาม ได้รับมอบหมายจากรัฐบาลให้จัดแข่งขันฟุตบอลกระชับมิตรระหว่างสุดยอดทีมจากเหนือและใต้ที่โฮจิมินห์ซิตี้ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นการรวมตัวกันของกีฬาที่อยู่เหนือการเมือง
“นี่ไม่ใช่แค่กิจกรรมปกติ การแข่งขันครั้งนี้มีความสำคัญในฐานะการส่งสารแห่งสันติภาพและความปรองดองของชาติในช่วงปีแรก ๆ ของการปลดปล่อยและการรวมประเทศอีกครั้ง”
ทีมที่ได้รับคัดเลือกให้เป็นตัวแทนของฮานอยคือทีมการรถไฟ(General Department of Railways FC-CLB Tong cuc Duong sat) หรือเรียกสั้น ๆ ว่า TCDS) โค้ชของทีมการรถไฟคือ Tran Duy Long ท่านเคยเรียนที่ วิทยาลัยพละที่เคียฟ(Kiev Institute of Sport) แน่นอนการทำทีมของท่านเป็นไปตามแบบยุโรปตะวันออก คือเล่นเกมยาวสลับการเล่นไปที่ปีกและหาโอกาสยิงไกลจากระยะ 25 หลา ถือว่ารูปแบบการเล่นสุดล้ำในยุคนั้น รมว. Le Buu หางบให้ทีมการรถไฟไปทัวร์ฝึกซ้อมที่ประเทศจีนก่อนแข่งหกเดือน
ทีมของคนใต้ทีมเดียวที่พอจะรับมือ โครตทีมจากฮานอยได้ในชั่วโมงนั้น คงมีทีมเดียวคือท่าเรือไซง่อน (Cang Sai Gon) และก็มีความเหมาะสมเพราะนี่คือทีมกรรมกรคนใต้ ไม่ใช่ทีมศักดินา ที่คอมมิวนิสต์เพิ่งกวาดทิ้งไป
การท่าเรือยังคงเป็นทีมที่เก่งที่สุดในเวียดนามตอนใต้ เพราะทีมนี้เคยมีโคชสไตล์บราซิล(Flávio Costa) ตั้งแต่ 20 ปีก่อน ท่าเรือไซง่อนเล่นแบบ 4-2-4 มีความคิดสร้างสรรค์และใช้เทคนิคส่วนบุคคลมากกว่า Team Work
ส่วนซุปตาร์ของวงการฟุตบอลเวียดนาม และอยู่ในทีมรถไฟชุดนั้นคือเล ทวี้ ไฮ(Le Thuy Hai) เล่นกลางรับ ปัจจุบันเป็นหนึ่งในโค้ชระดับตำนานของวงการเวียดนามมีฉายาจากสื่อว่า “โฮเซ่ มูรนโญแห่งฟุตบอลเวียดนาม” ท่านเป็นโคชเจ้าของแชมป์ V-League สามสมัย(ปัจจุบันป่วยหนักจากมะเร็งตับอ่อน) และซุปตาร์อีกท่านมาย
ดึ๊ก จุง(Mai Duc Chung) เล่นกองหน้าท่านเป็น โคชทีมชาติหญิงเวียดนามและกรรมการสโมสร V.League หลายสโมสร ท่านพูดถึงเบื้องหลังแมชต์นี้ว่า “ก่อนที่เราจะไปฝึกที่จีน และไปแข่งที่ไซ่ง่อนเราทุกคนต่างกระตือรือร้นมาก ชื่อเสียงและระดับของฟุตบอลของการท่าเรือทำให้พวกเราตื่นเต้นมาก”
การแข่งขันเกิดขึ้นในวันที่ 7 พย. 1976 ณ สนามกีฬา Reunification Stadium หลังจากแยกทางกันไป 22 ปีในที่สุดนักฟุตบอลของทางเหนือและทางใต้ ก็ได้กลับมารวมตัวกันอีกครั้ง เกมจะเริ่ม แต่ประตูก็ต้องปิดตั้งแต่ช่วงเที่ยงวัน เพราะสนามมีความจุความจุ 25,000 แต่พอตกสาย ๆ มีคนทะลักเข้าสนามไปแล้ว 40,000 คน ว่ากันว่าการแข่งขันเต็มที่ไม่มีใครยอมใคร
เกมจบลงด้วยชัยชนะของการรถไฟที่พร้อมกว่ายิง 2-0 ในช่วง 30 นาทีสุดท้าย
หลังจากผู้ตัดสินเป่านกหวีดจบเกมส์ผู้ชมรอบ ๆ สนามก็ลุกขึ้นยืนปรบมือเสียงดังสนั่นนั่นเองเป็นจุดเริ่มตั้งไข่ลีกฟุตบอลของเวียดนามในปี 1980 เพื่อพัฒนาฟุตบอลเวียดนามใหม่ที่หยุดชะงักจากสงครามกลางเมืองเป็นเวลานาน หลังจากการปฏิรูป ĐổiMới
ในปี 1989 เวียดนามเริ่มกลับมาสู่ทัวร์นาเมนต์ระดับนานาชาติ ทีมฟุตบอลชาติเวียดนามที่กลับมารวมตัวเป็นหนึ่งเดียวอีกครั้ง ลงเล่นใน ระดับนานาชาติในซีเกมส์ในปี 1991 เสมอกับฟิลิปปินส์ ไป 2:2 ล่าสุดพวกเขาแข่งขันฟุตบอลโลกรอบคัดเลือกปีที่แล้ว เสมอกับเราแบบไปกลับ
และตอนนี้พวกเราคนไทยคงมองเวียดนามว่าเป็นหนึ่งในคู่แข่งรายสำคัญอันดับต้น ๆ ทั้งฟุตบอล และการพัฒนาเศรษฐกิจครับ
#การพูดถึงประวัติศาสตร์แบบให้คุณค่าแก่ผู้อ่าน
สามารถติดตามเนื้อหาที่เกี่ยวข้องต่อเน่ื่องได้ที่ กลุ่มเฟสบุค
ชมรมผู้ศึกษาสงครามเวียดนาม
ที่สร้างขึ้นมาเพื่อศึกษาประวัติศาสตร์ อย่างเป็นกลาง ปราศจากอคติต่าง ๆ
สามารถแสดงความเห็นได้อย่างผู้ศึกษาและเคารพประวัติศาสตร์
โฆษณา