15 พ.ค. เวลา 06:54 • การศึกษา

มีหลายคนบอกว่า "อยากสำเร็จให้เลิกขี้เกียจ"

แต่คุณคิดว่าจะเอาชนะความขี้เกียจได้ด้วยกำลังใจเพียงอย่างเดียวหรอ มันเป็นไปไม่ได้หรอก เพราะมันคือสัญชาตญาณของมนุษย์เราที่ติดตัวมาตั้งแต่เกิดและเราควบคุมความขี้เกียจไม่ได้ แต่แล้วไง เมื่อมีปัญหาก็มีย่อมมีทางแก้
"เพราะเราสามารถป้องกันมันได้"
และแน่นอนความขี้เกียจคือปัญหาใหญ่สำหรับคนที่อยากพัฒนาตัวเอง หรืออยากทำสิ่งใหม่ๆ อยากประสบความสำเร็จต้องเอาชนะความขี้เกียจให้ได้น่ะ ถูกแล้ว และฉันจะบอก 3 ข้อที่จะทำให้คุณเอาชนะความขี้เกียจได้
3 สิ่งที่คุณต้องควบคุมใน 30 นาทีแรกหลังตื่นนอน
>>สภาพแวดล้อม-ความคิด-การลงมือทำ<<
ทฤษฎี 30 นาทีแรกหลังตื่นนอนคือตัวกำหนดและใช้ 3 อย่างนี้เป็นเครื่องมือในการต่อสู้กับความขี้เกียจ
1.สภาพแวดล้อม เมื่อตื่นนอนอย่างแรกที่หลายคนทำคือการหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู คุณดูอะไรกัน ถ้าดูเกี่ยวกับข่าวอุบัติเหตุหรือเหตุร้ายมันก็จะทำให้วันนั้นทั้งวันของคุณมีอารมณ์ขุ่นมัว ถ้าคุณดูเกี่ยวกับเรื่องชาวบ้านและข่าวซุบซิบนินทามันก็จะทำให้ทั้งวันนั้นคุณสนใจแต่เรื่องคนอื่น แต่ถ้าคุณดูเกี่ยวกับการศึกษาหรือไอเดียใหม่ๆ ความคืบหน้าของงาน วันนั้นทั้งวันของคุณก็จะสนใจในเรื่องงานและมีอารมณ์ที่ขยันขึ้นเพื่อทำงาน
>>สิ่งแรกที่คุณเห็นในตอนเช้าจะกำหนดวันนั้นทั้งวัน
จงเลือกดูและรับสิ่งที่ดีเข้ามาและให้ความสำคัญกับสิ่งที่คุณกำลังทำ เพื่อจะได้มีความรู้สึกต่อเนื่องในการทำสิ่งนั้นต่อให้สำเร็จ
ไม่ใช่แค่ในโทรศัพท์เท่านั้น ห้องของคุณก็เช่นกัน หากมันรกและสกปรกก็จะทำให้คุณรู้สึกขี้เกียจขึ้นมาและรู้สึกราวกับว่าตื่นมาท่ามกลางชีวิตในกองขยะ ได้เช่นกัน ควรจัดห้องให้เป็นระเบียบสะอาดสะอ้าน มีกลิ่นหอม มันจะทำให้คุณตื่นมาแล้วรู้สึกว่าคุณมีชีวิตที่ดี และนั่นก็จะทำให้คุณรู้สึกดีที่จะดำเนินวันของคุณให้ดีขึ้นไปด้วย
2.ความคิด ความคิดที่มีอยู่ในหัวของคุณคือตัวกำหนดวันของคุณ และการเริ่มต้นคิดอะไรสักอย่างจะเป็นตัวบ่งบอกว่าวันนั้นทั้งวันของคุณจะสดชื่นและสมองจะทำงานดีได้แค่ไหน คุณจำเป็นต้องกระตุ้นสมองของคุณให้ทำงานด้วยการเริ่มต้นคิดอะไรสักอย่าง และตัวเลือกที่ดีในการทำสิ่งนี้คือการเขียนมันลงไป อาจจะเขียนสิ่งที่คุณอยากทำในวันนี้หรือเขียนไอเดียใหม่ๆที่คุณเพิ่งได้รับจากข้อมูลที่คุณดูไป
>>เป็นทั้งการกำหนดเป้าหมายและกระตุ้นสมองในตัว
3.การลงมือทำ ใน 30 นาทีแรกหลังตื่นนอนคุณควรลงมือทำอะไรสักอย่างเพื่อขยับร่างกาย อาจจะเริ่มต้นลุกมาจัดเตียง ไปล้างหน้าแปรงฟันอาบน้ำ เพราะหากคุณใช้เวลานานกว่านั้นในการลุกจากเตียงมันจะทำให้ร่างกายของคุณขี้เกียจ เมื่อเป็นแบบนั้น คุณจึงต้องลุกขึ้นมาขยับร่างกายหรือเริ่มต้นลงมือทำอะไรสักอย่างก่อนที่ความขี้เกียจจะเกิดขึ้น เพื่อกระตุ้นให้ร่างกายรู้ตัวว่าได้เวลาทำงานแล้ว และวันนั้นทั้งวันของคุณจะกระฉับกระเฉงและควบคุมร่างกายได้ดั่งใจมากขึ้น
ความรู้สึกของร่างกายนั้นก็สำคัญ ถ้าคุณอาบน้ำทำความสะอาดร่างกายดี แต่งตัวดี มีกลิ่นหอม คุณก็จะรู้สึกดี อยากจะใช้ร่างกายนี้ในการดำเนินชีวิต หากแต่เมื่อคุณปล่อยตัวซกมกจิตใต้สำนึกของคุณก็จะไม่ชอบร่างกายนี้และทำให้ขี้เกียจจะสั่งการร่างกายนี้ให้ทำอะไร
คุณเห็นหรือยังว่าคุณสามารถป้องกันการรู้สึกขี้เกียจได้และทั้ง 3 อย่างนี้ต้องทำร่วมกันเพราะมันสัมพันธ์กัน ทั้งอารมณ์ ความคิด และการลงมือทำ เพื่อจะทำให้จิตใต้สำนึกของคุณตื่นขึ้น และกระตุ้นให้ สมองและร่างกายของคุณนั้นขยันขึ้น
>>การทำใน 30 นาทีแรกหลังตื่นนอน
"นั่นคือหัวใจของการป้องกันความขี้เกียจ"
แม้ความขี้เกียจจะเป็นเรื่องธรรมดาที่สามารถเกิดขึ้นได้ แต่เมื่อเกิดขึ้นบ่อยเกินไปก็จะทำให้คุณเป็นได้แค่คนธรรมดาอย่างที่เคยเป็น เมื่อคุณมีเป้าหมาย มีสิ่งที่อยากทำและอยากทำความฝันให้สำเร็จก็ต้องเริ่มต้นเปลี่ยนแปลงตัวเอง และความขี้เกียจนึ่แหละคือตัวขัดขวางที่ยากจะเอาชนะมากที่สุด
จงจำไว้เสมอว่า
"ถ้ายังควบคุมตัวเองไม่ได้ก็ควบคุมชะตาชีวิตอะไรไม่ได้ทั้งนั้นแหละ"
จงหาวิธีการ จงวางแผน จงลงมือทำมัน...ทำมันเพื่อตัวคุณเอง อนาคต และความที่คุณรัก ชีวิตที่คุณอยากใช้ #Ninl
หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์ต่อคนที่เข้ามาอ่าน ฉันตั้งใจเขียนมันอย่างดีและทุกอย่างนั้นกลั่นกรองออกมาจากความรู้และความคิดของฉันด้วยความอุตสาหะ ฉันหวังว่าทุกคนจะชอบมัน
จาก -ผู้้เขียน
โฆษณา