#ศีล #ทำให้มีความบริสุทธิ์
ทางกาย ทางวาจา
การใช้ชีวิตที่ถูกต้องไม่เบียดเบียนกัน
ตรงนี้ก็จะทำให้เกิดกุศลธรรมในจิตใจเช่นกัน
ที่พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า..
"ศีล" อันเป็นกุศล
การรู้จักใช้ชีวิตที่ถูกต้อง
ชีวิตที่ดีงาม ไม่เบียดเบียนกัน
รู้จักการแบ่งปัน เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ต่อกัน
มีเมตตากรุณา
#มีศีลอันเป็นกุศล
#ก็คือชีวิตที่ปกติที่ร่มเย็น
ไม่เบียดเบียนกัน
ก็จะทำให้เกิด "อวิปฏิสาร"
ก็คือ ความไม่เดือดเนื้อร้อนใจ
เรียกว่า สบายอก สบายใจ
สังเกตเวลาเราทำสิ่งที่ไม่ดี
.. มันรู้สึกผิด
.. รู้สึกกินแหนงแคลงใจ
.. มันไม่สบายใจ
.. เกิดความเดือดเนื้อร้อนใจ
#ต่อให้คนอื่นเขาไม่รู้ #แต่ใจเราก็รู้
ทำแล้วมันก็เร่าร้อนอยู่ข้างใน
แต่ถ้าเราใช้ชีวิตถูกต้อง
งดเว้นจากการเบียดเบียนทั้งปวง
คิดดี พูดดี ทำดี ทำแต่สิ่งที่ดีงาม
ก็ไม่เกิดความเดือดร้อนใจ
#รู้สึกดีกับตัวเองได้ #เคารพตัวเองได้
ไม่มีอะไรที่ต้องกินแหนงแคลงใจตัวเอง
เมื่อเกิดอวิปฏิสาร
ความไม่เดือดเนื้อร้อนใจ
สบายอกสบายใจ เคารพตัวเองได้
ก็จะทำให้เกิด "ปราโมทย์"
ความร่าเริงเบิกบานใจขึ้นมา
เกิดความรู้สึกดี เบิกบานใจ
"#ปราโมทย์" ความร่าเริงเบิกบานใจ
ก็จะทำให้ชีวิตมีความสดชื่น กระปรี้กระเปร่า
มีความรู้สึกดีในการใช้ชีวิต
มองอะไรก็เจริญหูเจริญตา
เพราะว่า "จิตใจ" มันออกมาในรูปของ
ความร่าเริงเบิกบานใจ ยิ้มแย้มแจ่มใส
ก็จะทำให้เกิดปราโมทย์
เกิดความอิ่มอกอิ่มใจ
เกิดความปลาบปลื้มใจ
ถ้ามากเข้า มากเข้า "#ปีติ"
ที่เรียกความอิ่มใจมีกำลัง
เกิดความชุ่มชื่นกายชุ่มชื่นใจ
ก็จะทำให้เกิด "ปัสสัทธิ" ความสงบ
ความผ่อนคลายจิตใจ
ความผ่อนคลายกาย
.
.
ธรรมบรรยาย โดย พระมหาวรพรต กิตฺติวโร
เช้าวันที่ 5 ธันวาคม 2566
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
