15 พ.ค. เวลา 14:04 • ความคิดเห็น
โลกมนุษย์ใบนี้ ไม่มีเจ้าของ มันเป็นโลก ที่กึ่งกลาง ให้เกิดมาเลือกที่นำพาจิตไปหาสถานที่ทุกข์หรือสุข มีจิตมากมาย ทั่วทั้งจักรวาล ที่อยากมาเกิดเป็นมนุษย์ แค่จิตที่เวียนว่ายตายเกิด ในโลกมนุษย์ ก็มีนับไม่ถ้วน จิตที่ได้กายมนุษย์ มีจำนวนน้อยนิด
ในโลกที่เราพบเห็นด้วยสายตา ก็มีจิตมนุษย์ไปเกิด เป็นหมูหมากาไก่ มดปลวกจิ้งจก ตุ๊กแก กุ้งหอยปูปลา แล้วยังมีจิตที่ตาเรามองไม่เห็นอีกมากมาย ที่รอ..คิวจอง อยากมีกายเป็นมนุษย์ แม้เป็นเทพยดาอินทร์พรหม หมดบุญกุศลพยุงกายเทพยดา ก็ต้องลงมาเกิด อาศัยกายมนุษย์ สร้างบุญกุศล เพื่อกลับไปที่เก่า หรือ สูงขึ้นไป บ้างก็ลงลึก ไปอบาย
ที่ว่าโลกเจริญ ย้อนหลังไป สองสามร้อยปี ชีวิตผู้คนเกิดกันอย่างไรไม่มีเทคโนโลยี เจ็บป่วยรักษากันอย่างไร ไม่มียาเม็ด สารบำรุง ปรุงแต่งด้วยเทคโนโลยี แต่สมัยนี้ ต้องไปให้หมอรักษา เจ็บนิดหน่อย แผลถลอก ก็ต้องให้หมอรักษา ปวดท้องปวดไส้ ก็ส่องกล้อง ให้มันเห็น น้ำเลือดน้ำหนองอะไรๆมากมาย
..แล้วค่าใช้จ่าย กว่าจะหาเงินทองมารักษากาย สิ้นเปลื้องไป ใครละที่ที่ได้ประโยชน์ ..ธุรกิจกำไร ใครละที่เกิดมาทุกข์ยากลำบากกาย ..สิ่งเหล่านี้ มันเปลี่ยนแปลงรวดเร็วตามยุคสมัย ในการดูแลกาย ..ทั้งที่อยู่อาศัย การเสาะแสวงหาปัจจัยมาเลี้ยงสังขาร ชั่วขณะหนึ่ง มันพัฒนาทุกด้าน .. แต่ที่เห็นๆ คนก็เกิดน้อยลงไป คนชรามาขึ้น บ้านล้างก็มีมากขึ้น ..โรงเรียน ก็ไม่มีคนจะไปเรียน ..เหมือนที่เค้าว่า ต่อไป บ้านจะไม่มีคนอยู่ ข้าวไม่มีคนกิน .คนมันน้อยลงไปเรื่อย .. ไม่มีโอกาสได้มาอาศัยกายมนุษย์ แก้ไขดีชั่วได้
แม้แต่ไปเกิดเป็นสัตว์ ดันไปเกิดในเล้าหมูเล้าไก่ เค้ามีเครื่องป้อนอาหารกักขังให้ ขุนจนอ้วน ..ได้เกณฑ์มาตรอุตส่าห์หากรรม มีเครื่อง ชะแหละ แปรสภาพ แทงคอ เชือดเฉือน แล่เนื้อเถือหนัง แปรสภาพ เป็นไส้กรอกรมควัม ให้เนื้อนั่น ไปเป็นน้ำเลือดน้ำหนองหล่อเลียงเรือนกายมนุษย์ กินเอร็ดอร่อย.มีมาตรฐาน อย.เนื้อนี้สะอาดสะอ้าน ปลอดภัย ..
ให้มนุษย์กินน้ำเลี้ยงน้ำของสัตว์มีกรรม กินเนื้อกรรมที่เค้าทุกข์ยา เค้าไปหล่อเลี้ยงสังขาร แล้วสังขารมนุษย์ก็อุดมสมบูรณ์ ด้วยเลือดเนื้อของสัตว์มีกรรม ก้นไปมันก็แก่เจ็บตาย เหมือนสัตว์ที่เค้าฆ่ามาให้กิน
โลกมนุษย์แต่ละยุค มันก็มีจิต มาอาศัยเกิด มาจากอบายภูมิ เค้าก็มาใช้อารมณ์โลภโกรธหลงมาก ทะเยอทะยานไม่สิ้นสุด โลกก็ร้อน .ร้อนด้วยอารมณ์ที่จิตนั้น มุ่งมั่นหา ..ให้อารมณ์นำพาจิต สร้างแต่เวรกรรม พอจะไปยุคที่คนมีบุญกุศลจะมาเกิด เค้าก็มีการชำระสะสาง เอาจิตมุ่งมั่น หาแต่กรรม เก็บจิตไปลงนรก .. เค้าตระเตรียมคนดีๆ สร้างบุญกุศลลงมาเกิด ดินฟ้าอากาศก็แปรปรวน ..มหาธาตุแปรปรวน ดินถล่ม ฝนตก คลื่นลมรุนแรง ไฟก็แปรปรวน ภูเขาไฟปะทุ .ตรงนั้นตรงนี้
จิตมนุษย์ก็วิปริต เข่นฆ่ากันเอง พัฒนาอาวุธมาเข่นฆ่ากันเอง จะได้ตายกันทีละมากๆ ..เก็บจิตวิญญาณไปคราวละมากๆ .. ความไม่รู้จักพระคุณพ่อแม่ มนุษย์ก็ไม่รู้จัก ทำตนเดินตามเยี่ยงอย่างเดรัจฉาน แม่เลี้ยงให้โต ก็จากกันไป เข้าว่าเป็นธรรมชาติ ธรรมชาติเยี่ยงอย่างสัตว์เดรัจฉาน ..ความหฤโหด เห็นอกเห็นใจกันมันก็ขาดหายไปจากจิตที่ได้กายมนุษย์ ดินฟ้าอากาศท่านมีการตระเตรียม ให้จิตที่จะมาเกิด ..สร้างบุญกุศล ลงมาเกิด มันจึงเป็นเรื่องราว ของยุคพระศรี ที่ว่า เดินกันเสียนาน กว่าจะเจอะเจอมนุษย์สักคน
โลกมนุษย์ใบนี้ ในยุคที่วัตถุเจริญ จิตใจก็เสื่อมถอย ยุคที่เจริญจิตใจ วัตถุก็เสื่อมถอยความเจริญ ..มันสลับผลัดเปลี่ยน หมุนเวียนกันไป..ในคำว่าวัฏฏะ ..
เราคงไม่ต้องไปถึง อยู่ไม่ถึงอนาคตชาติ ..เอาชาติปัจจุบันนี้แหละ ที่มาอาศัยกายมนุษย์ ได้กายมนุษย์มาทั้งที่ เอามาสร้างอะไรกัน วัตถุก็เป็นของโลก เราไปหาวัตถุของโลกเพียงพอประทังสังขาร ..หามามาก ..มันก็ต้องทิ้งไว้ในโลก หามาได้ เราก็แบ่งปัน ขยับขยายจิต ไม่ให้คับแคบ ..แปรสภาพให้วัตถุนั้นเป็นทาน เป็นบุญเกิดขึ้น ..เพราะจิตเรามดวงเดียว ไปก็ไปดวงเดียว จะเอากรรมไปหรือบุญกุศลบารมี ไปกับจิตดวงเดียว
โฆษณา