15 พ.ค. เวลา 14:46 • ความคิดเห็น
เอาเป็นว่า
ผมขอยกประเด็นที่พื้นๆที่สุดสองประเด็น ที่เมื่อเชื่อมกันก็จะเป็นรอยร้าวที่ทำให้ถึงจุดสิ้นสุดได้!
• ประชากรโลกเพิ่มขึ้น
อันนี้ส่งผลถึงการบริหารจัดการทรัพยากรโลกแทบทุกอย่าง
การอุปโภคบริโภคจะเพิ่มขึ้น เงินเฟ้อมีแนวโน้มสูงขึ้น เพราะแย่งกันซื้อ
และแน่นอนว่า มลพิษเพิ่มขึ้น ไม่ว่า อากาศ น้ำ ดิน และที่สำคัญคือ ขยะเพิ่มขึ้น!
• น้ำ
การเพิ่มของประชากรส่งผลถึง climate change
เมื่อสภาวะอากาศแปรปรวน แถมการตัดไม้ทำลายป่า การเผาป่า
ทำให้โลกมีต้นไม้ลดลงมาก แม้แต่ป่าที่อุดมสมบูรณ์ที่สุดอย่างป่า Amazon
เมื่อฝนตก แต่ไม่มีรากไม้ไว้ดูดซึมเก็บกักน้ำฝน
ก็เกิดน้ำท่วม พอน้ำท่วมนั่นหมายถึง แทนที่น้ำจะไหลซึมลงดินเป็นน้ำใต้ดินเก็บไว้ใต้ฝืนโลกให้ได้กินได้ใช้
น้ำก็ท่วมแล้วไหลลงทะเลหมด!
และพอโลกร้อน
น้ำแข็งขั้วโลกละลายมากขึ้น
น้ำละเลหนุนสูง เข้าท่วมพื้นที่ชายฝั่งทั่วโลก
แม้แต่เมือง Jakarta เมืองหลวงของอินโดนีเซีย ก็มีแผนย้ายเมืองหนี
น้ำจืดน้อยลง น้ำทะเลมากขึ้น!
• เมื่อเราขาดน้ำจืด
เราจะเอาน้ำที่ไหนล้างมือ ล้างวัตถุดิบปรุงอาหาร?
มือสกปรก อาหารสกปรก ทำให้ร่างกายติดเชื้อจนป่วย
ไม่มีน้ำ เลี้ยงสัตว์ ปลูกพืช ไม่ได้ แล้วจะกินอะไร?
พอน้ำเหลือน้อย คนก็แย่งกัน เกิดเป็นสงคราม!
• ผมเข้าใจว่า
NASA ได้ส่งดาวเทียมเฉพาะกิจขึ้นไป เพื่อสำรวจน้ำใต้ดินทั่วโลก
มีเมืองหลายเมืองที่อยู่ในภาวะขาดแคลนน้ำรุนแรง เช่น แถบตะวันออกกลาง รวมถึงแถบ California และ South Africa
• มีคนเคยกล่าวว่า
Whenever we run out of fresh water,
this could be
the end of civilization!
โฆษณา