17 พ.ค. เวลา 05:45 • สุขภาพ

สธ.ห่วงโรคระบาด ช่วงเด็กเปิดเทอม หลัง 5 เดือนพบผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่ 1.4 แสนคน!

กรมควบคุมโรค แถลง รับมือโรคและภัยสุขภาพช่วงเปิดเทอม แนะผู้ปกครองระวังบุตรหลายป่วยหลายโรค โดยเฉพาะไข้เลือดออก และไข้หวัดใหญ่ที่ระบาดสูงตั้งแต่ต้นปี
แพทย์หญิงจุไร วงศ์สวัสดิ์ นายแพทย์ทรงคุณวุฒิ ผู้ช่วยอธิบดีกรมควบคุมโรค และนายแพทย์วีรวัฒน์ มโนสุทธิ นายแพทย์ทรงคุณวุฒิ โฆษกกรมควบคุมโรค ร่วมดำเนินการแถลงข่าว “รับมืออย่างไร โรคและภัยสุขภาพช่วงเปิดเทอม” พร้อมแนะนำประชาชน รวมถึงผู้ปกครองและคุณครู ถึงวิธีการรับมือโรคและภัยสุขภาพช่วงเปิดเทอมโดยระบุว่า
  • ไข้หวัดใหญ่ โรคประจำฤดูที่มักเกิดการระบาดในช่วงฤดูฝน ประกอบกับเป็นช่วงใกล้เปิดเทอม จึงขอเน้นย้ำให้ประชาชนดูแลตนเองและบุตรหลานอย่างใกล้ชิด ดูแลสุขอนามัยส่วนบุคคลอย่างเคร่งครัด
เปิดเทอมวันแรก
ตั้งแต่ต้นปี 2567 พบผู้ป่วย จำนวน 144,574 ราย ซึ่งผู้ป่วยส่วนใหญ่เป็นกลุ่มเด็กเล็กและกลุ่มวัยเรียน ได้แก่
  • อายุแรกเกิด - 4 ปี (15%)
  • อายุ 10-14 ปี (14%)
แนะนำประชาชนกลุ่มเสี่ยงฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้น ปีละ 1 ครั้งช่วงก่อนฤดูกาลระบาดสามารถติดต่อเข้ารับวัคซีนได้ฟรีที่สถานพยาบาลของรัฐใกล้บ้าน
  • โควิด 19 ขอเน้นย้ำผู้ปกครองดูแลบุตรหลาน ดูแลสุขอนามัยส่วนบุคคลอย่างเคร่งครัด โดยในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา (วันที่ 5 - 11 พฤษภาคม 2567) พบผู้ป่วยติดเชื้อโควิด 19 ที่ต้องรักษาตัวในโรงพยาบาลจำนวน 1,880 ราย เฉลี่ย 269 รายต่อวัน ผู้ป่วยอาการรุนแรงปอดอักเสบ 588 ราย ใส่ท่อช่วยหายใจ 237 ราย เสียชีวิต 11 ราย ผู้เสียชีวิตทุกรายเป็นกลุ่มผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป และมีโรคเรื้อรัง
ดังนั้นนอกจากดูแลบุตรหลานแล้ว ขอเน้นย้ำประชาชนรักษาสุขอนามัยส่วนบุคคลอย่างเคร่งครัด หากไปในสถานที่ปิดหรือแออัด ควรสวมหน้ากากอนามัย และล้างมือบ่อยๆ โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยง 608 ถ้าจำเป็นต้องเข้าไปในพื้นที่ที่มีคนหมู่มาก ควรสวมหน้ากากอนามัยเสมอ และล้างมือบ่อยๆ หากป่วยให้รีบไปพบแพทย์
  • ไข้เลือดออก โรคที่มีการระบาดทุกปีในช่วงฤดูฝน ตั้งแต่ต้นปีพบผู้ป่วย 27,334 ราย ผู้ป่วยส่วนใหญ่เป็นกลุ่มเด็ก 5-14 ปี จำนวน 8,033 ราย
ซึ่งผู้ป่วยส่วนใหญ่เป็นกลุ่มเด็กนักเรียน และจากผลการสำรวจแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลาย พบสูงสุดในกลุ่มโรงเรียนและโรงธรรม จึงขอให้ทุกสถานศึกษาเร่งสำรวจและทำลายแหล่งเพาะพันธุ์ลูกน้ำทุกสัปดาห์ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป เพื่อลดความเสี่ยงที่จะเกิดการแพร่ระบาด สำหรับผู้เสียชีวิต 31 ราย พบเป็น เด็ก 11 ราย ผู้ใหญ่ 20 ราย แนะนำ หากมีอาการไข้สูง ยาลดไข้ที่ปลอดภัยคือพาราเซตามอลในขนาดที่เหมาะสม และหากไข้ไม่ลดใน 1-2 วัน ควรรีบไปพบแพทย์
สำหรับโรคอื่นๆ ที่มักพบมีการระบาดได้ช่วงเปิดเทอม ได้แก่
  • โรคมือ เท้า ปาก ติดต่อจากการได้รับเชื้อไวรัสเข้าทางปาก โดยเชื้อติดมากับมือหรือของเล่นที่เปื้อนน้ำมูก น้ำลาย ของผู้ป่วย หรือติดต่อจากการไอ จาม รดกัน ผู้ป่วยส่วนใหญ่เป็นกลุ่มเด็กเล็ก จะมีอาการไข้ต่ำๆ อ่อนเพลีย ตุ่มแผลในปาก ทานไม่ได้ ร่วมกับอาจมีตุ่มพองเล็กๆ บริเวณฝ่ามือ ฝ่าเท้า หากอาการรุนแรงมีไข้ขึ้นสูง ซึมลง ชักเกร็ง หายใจหอบเหนื่อย อาเจียนมาก ต้องรีบไปพบแพทย์โดยเร็ว ขอเน้นย้ำผู้ปกครองและครูช่วยกันดูแลสังเกตอาการเบื้องต้นของเด็ก หากมีอาการให้รีบพบแพทย์ หยุดเรียนจนกว่าจะหายตามดุลยพินิจของแพทย์
  • ท้องร่วงเฉียบพลัน จากการติดเชื้อ ส่วนใหญ่มักเกิดจากเชื้อไวรัส และแบคทีเรีย เกิดขึ้นได้ทุกเพศทุกวัยโดยเฉพาะในเด็กวัยเรียน พบการระบาดได้ตลอดทั้งปี พื้นที่ที่มีคนอาศัยอยู่รวมกัน เช่น โรงเรียน สถานที่ท่องเที่ยว จะเกิดการระบาดได้ง่าย ผู้ป่วยจะมีอาการถ่ายเหลว ถ่ายเป็นน้ำ อาเจียน ปวดท้อง บางรายอาจมีไข้ น้ำมูกไหล หรือไอร่วมด้วย การป้องกัน ยึดหลัก “สุก ร้อน สะอาด” รับประทานอาหารปรุง สุก ใหม่ อาหารที่เก็บไว้นานเกิน 2 ชม.
ต้องนำมาอุ่นร้อนให้ทั่วถึงก่อนกิน ขวดนม จุกนม ต้องล้างทำความสะอาดหลังการใช้ทันทีและฆ่าเชื้อโดยการต้มจนเดือดอย่างน้อย 10-15 นาที สอนให้เด็กล้างมือด้วยสบู่และน้ำให้สะอาดทุกครั้งหลังเข้าห้องน้ำ และโดยเฉพาะทุกครั้งก่อนหยิบจับอาหาร นักเรียนป่วยควรหยุดเรียน ผู้ใหญ่ควรหยุดงานและงดการปรุงประกอบอาหารจนกว่าจะหาย
  • โรคติดต่อในกลุ่มที่ป้องกันได้ด้วยวัคซีน เช่น หัด ไอกรน เป็นต้น ที่แพร่ระบาดทางระบบทางเดินหายใจ ขอให้ผู้ปกครองเช็กประวัติวัคซีน หากเด็กได้รับวัคซีนไม่ครบตามกำหนดวัย ควรเข้ารับวัคซีนที่สถานพยาบาลใกล้บ้านให้ครบ
ซึ่งในช่วงเปิดเทอมนี้ แนะนำให้ทั้งนักเรียนและบุคลากรในโรงเรียนทุกคน รักษาสุขอนามัยส่วนบุคคล สวมใส่หน้ากากอนามัยในสถานที่ปิด (เช่นห้องที่ใช้เครื่องปรับอากาศ) และล้างมือบ่อยๆ หลีกเลี่ยงการสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วยระบบทางเดินหายใจ หรือที่มีไข้ออกผื่น หากป่วย ควรหยุดพักและรีบไปพบแพทย์ เพื่อรับการวินิจฉัยและรักษาอย่างถูกต้อง
นอกจากโรคที่ต้องป้องกันในช่วงเปิดเทอม เดือนพฤษภาคมนี้ ยังมีวันสำคัญที่เน้นย้ำการร่วมมือร่วมใจแก้ไขปัญหาสุขภาพที่สำคัญ ได้แก่ วันที่ 17 พฤษภาคม ที่จะถึงเป็นวันความดันโลหิตสูง ซึ่งปีนี้ให้ประเด็นรณรงค์ “วัดความดันอย่างไร สูงเกินไปคุมให้ดี ช่วยยืดชีวีให้ยืนยาว” โดยสถานการณ์ประเทศไทยพบผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูงมากถึง 14 ล้านคน คิดเป็นร้อยละ 25.4 (1 ใน 4 ของประชากรทั้งหมด) ขึ้นทะเบียนรักษาเพียง 7 ล้านคน และผู้ป่วยที่ได้รับการรักษาแต่ไม่สามารถควบคุมระดับความดันโลหิตได้มากถึง 2.8 ล้านคน
ซึ่งอาจนำมาซึ่งปัญหาสุขภาพอื่นตามมา เช่น โรคหลอดเลือดสมอง โรคหัวใจ เป็นต้น และในวันที่ 31 พฤษภาคม เป็นวันงดสูบบุหรี่โลก ประเด็นการรณรงค์ปีนี้คือ “บุหรี่ไฟฟ้าหยุดโกหกได้แล้ว” เพื่อสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับบุหรี่ไฟฟ้า ให้ประชาชนทุกเพศและทุกวัยได้รับรู้ เข้าใจ และไม่ริลองใช้ผลิตภัณฑ์ยาสูบทุกรูปแบบ
ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมที่เว็บไซต์ https://www.pptvhd36.com
และช่องทาง Social Media
โฆษณา