18 พ.ค. เวลา 02:49 • ความคิดเห็น
ถ้าไม่รังเกียจคนขี้เหล้าแบบผม ผมก็จะขอบรรยายและเล่าให้ฟังตามภูมิความรู้ที่ผมมี เพื่อเป็นประโยชน์กับคุณแมวส้มนะครับ
เอาทีละอย่างก่อนนะครับ ก่อนที่จะตอบคำถามโดยสรุปทั้งหมดได้ ก่อนอื่นเอาความหมายของคำว่าพระโพธิสัตว์ก่อนนะครับ
พระโพธิสัตว์คือ บุคคลที่ปรารถนา"พุทธภูมิ"ครับ ดังนั้นผู้ที่เป็นพระโพธิสัตว์จะไม่เข้าสู่ความเป็นอริยบุคคลเด็ดขาดครับ ถ้าเมื่อไหร่ที่เข้าสู่ความเป็นอริยบุคคล ก็หมายถึงการยุติความเป็นพระโพธิสัตว์ครับ เพราะอริยบุคคลขั้นต้นตั้งแต่โสดาบันขึ้นไป คือผู้ที่เข้าสู่กระแสแห่งพระนิพพานครับ คือสาวกของพระพุทธเจ้า เป็นผู้ปฏิบัติตามรอยของตถาคต การเวียนว่ายตายเกิดขั้นต่ำสุดจะเกิดอีกไม่เกิน 7 ครั้งเท่านั้น ดังนั้นพระโพธิสัตว์จะเว้นซึ่งความเป็นอารยบุคคลไว้ เพราะได้ตั้งจิตปรารถนาในพุทธภูมิ
2
เป้าหมายของพระโพธิสัตว์คือ ความเป็นสัพพัญญู หรือปัจเจก โดยท่านจะตรัสรู้ด้วยตัวของท่านเอง ท่านจึงบำเพ็ญบารมีด้วยตัวเองครับ
2
เอาล่ะทีนี้เรามาว่าถึงอุปนิสัย ของพระโพธิสัตว์ และการมีครอบครัว มีลูก มีสามี มีภรรยา ว่าจะเป็นอย่างไร
พระโพธิสัตว์นั้น จะมีอุปนิสัยเข้มแข็งครับ และจะไม่ได้เกิดในตระกูลสูงเสมอไป เพราะด้วยแรงอธิษฐานที่ท่านทำ ท่านอาจจะขอให้เกิดในที่ที่มีปัญหา ในที่ที่มีอุปสรรค ในที่ที่ครอบครัวขัดสน พ่อแม่ทะเลาะกัน หรือโตมาในท่ามกลางความยากจนก็เป็นไปได้ครับ มันแล้วแต่ว่าในภพชาตินั้นท่านตั้งใจมาสะสมบารมีอะไรครับ
2
เมื่อมีลูกมีเต้า มีครอบครัว นิสัยของลูกเมียก็จะคล้ายๆพระโพธิสัตว์ครับ เพราะสัตว์ทั้งหลายเข้ากันโดยธาตุ นั่นก็คือคุณธรรมเสมอกันเท่านั้น ก็จะได้ครองรักซึ่งกันและกัน ลูกที่เกิดมาก็ต้องมีบุญสัมพันธ์กับโพธิสัตว์เช่นกันครับ การอบรมสั่งสอนจะต่างจากบุคคลทั่วไป นั่นก็คือมีความอดทนต่อความเจ็บใจ อดทนต่อความไม่ยุติธรรม เพื่อสร้างบารมีครับ
1
วิธีสังเกตที่ง่ายที่สุด พระโพธิสัตว์จะประกอบด้วยพฤติกรรมในการสร้างบารมี 10 อย่าง ดังนี้ครับ ทานบารมี ศีลบารมี เนกขัมมะบารมี ปัญญาบารมี วิริยะบารมี ขันติบารมี สัจจะบารมี อธิษฐานบารมี เมตตาบารมี อุเบกขาบารมี
1
ซึ่งในแต่ละบารมีนั้นแบ่งย่อยเป็น 3 ขั้น ได้แก่
1 บารมีขั้นต้น คือ เนื่องด้วยวัตถุ และทรัพย์นอกกาย เช่น การสละทรัพย์ช่วยผู้อื่น
2 บารมีขั้นกลางหรืออุปบารมี คือ เนื่องด้วยเลือดเนื้อ อวัยวะ เช่น การสละเลือดเนื้ออวัยวะแก่ผู้อื่น
3 บารมีขั้นสูงสุดหรือปรมัตถบารมี คือ เนื่องด้วยชีวิต เช่น การสละชีวิตเป็นทานแก่ผู้อื่น จัดเป็นทานปรมัตถบารมี ยอมสละแม้ชีวิตเพื่อจะรักษาคำพูด
3
รวมทั้งหมดเป็นบารมี 30 อย่าง หรือบารมี 30 ทัศนั่นเองครับ
บางชาติเกิดมาเพื่อถูกกลั่นแกล้ง เกิดมาอย่างน่าเวทนาขัดสน จบไม่สวย เพราะจะต้องสะสมบารมีอย่างยิ่งยวดครับ เกิดมาเพื่อสู้เพื่อคนอื่น สู้เพื่อคนที่เกลียดตัวท่านด้วย ทำเพื่อส่วนรวมโดยบริสุทธิ์ใจ และทำด้วยขันติอย่างยากลำบาก ท่ามกลางในสิ่งที่คิดว่าไม่น่าจะเป็นไปได้ แต่พระโพธิสัตว์ก็ยังจะทำต่อไป เพื่อมุ่งสั่งสมบารมีอย่างเดียว
3
ดังนั้นพระโพธิสัตว์จะไม่ปรารถนาในการเข่นฆ่าใคร ไม่รับรองหรือออกคำสั่งให้คนอื่นไปฆ่าใคร หรือไปทำร้ายรังแกใคร ไม่รับรองรัฐประหารด้วย😂 อิอิ ไม่ให้ใครผูกขาด หรือไม่ประสงค์ให้ใครมาถวายเงินให้ใช้ตามพระราชอัธยาศัยเพื่อผูกขาดธุรกิจ หรือฮั่วกับกลุ่มอำนาจเพื่อยึดครองผลประโยชน์ เช่น กองทัพ หรือแต่งตั้งยศทหาร อันนี้ไม่ใช่พระโพธิสัตว์นะครับ อิอิ
8
เอาล่ะทีนี้เรามาว่าถึง"อริยบุคคล"บ้าง
1
อริยบุคคลก็คือ สาวกของพระผู้มีพระภาคเจ้า ผู้ที่เจริญรอยตามพระธรรมคำสอนของตถาคต จนเข้าสู่กระแสแห่งพระนิพพาน ขั้นต่ำสุดก็คือโสดาบัน ผู้ที่จะเกิดอีกไม่เกิน 7 ชาติ ก็จะปรินิพพานตามพระพุทธองค์ไปในที่สุด
1
อริยบุคคล จะไม่เป็น พระโพธิสัตว์
เพราะอริยบุคคล หยุดแล้ว ถึงแล้ว ยุติการสั่งสมบารมี สละซึ่งตัณหาอุปทาน ตัดสินใจเจริญรอยตามพระพุทธเจ้า ตามธรรมวินัยและคำสอน รู้ซึ้งถึงปฏิจจสมุปบาท เพื่อเป้าหมายเดียวคือพระนิพพาน
1
อริยบุคคล มีครอบครัวได้ไหม
คำตอบคือมีได้ครับ มีลูกมีเมียได้ มีเซ็กส์มีอะไรกับสามีภรรยาได้ แต่จะต้องเป็นระดับ โสดาบัน กับ สกิทาคามี เท่านั้นนะครับ ถ้าระดับสูงกว่านั้นท่านจะละซึ่งกามโดยสิ้นเชิงครับ นั่นก็คือ พระอนาคามี และพระอรหันต์ เพราะคือผู้ที่จะไม่กลับมาแล้ว จึงเว้นจากกามทั้งปวงซึ่งเป็นความสุขแบบหยาบๆ
1
ส่วนอุปนิสัยในการมีครอบครัวและพฤติกรรมของท่านจะเป็นอย่างไร ก็คล้ายๆกับพระโพธิสัตว์ครับ แต่จะละเอียดปราณีต และจะต่างออกไปนิดหน่อย
นั่นก็คืออริยบุคคลจะหยุดในการแสวงหา หรือปรารถนาในแบบของพระโพธิสัตว์ อริยบุคคลจะเข้าถึงความเข้าใจโดยธรรมชาติว่าทุกสิ่งขับเคลื่อนด้วยแรงกรรม อันประกอบด้วยปฏิจจสมุปบาท อริยบุคคลจึงค่อนข้างจะนิ่งๆ และเยือกเย็นกว่าพระโพธิสัตว์
1
ในเรื่องของการมีครอบครัวส่วนใหญ่แล้ว ท่านจะค่อนข้างหาคู่ครองยากครับ เพราะจะหาคนคุณธรรมที่เสมอกับท่านนั้นไม่มีเลย ส่วนใหญ่แล้วคู่ครองต้องเป็นอริยบุคคลเหมือนกันเท่านั้น เหมือนดังคำที่พระพุทธเจ้าสอนว่าบุคคลย่อมเข้ากันโดยธาตุ ศีลต้องเสมอกันเท่านั้น สัตว์จึงจะอาศัยอยู่ร่วมกันได้ อริยบุคคลส่วนใหญ่ก็เลยอยู่เป็นโสดน่ะครับ
5
แต่ถ้าท่านมีลูกมีเมีย การสั่งสอนลูกก็จะเป็นไปเพื่อการสละ การวาง เพื่อตัดภพชาติ เพราะท่านเห็นแล้วว่า ภัยแห่งวัฏสงสารนั้นน่ากลัวขนาดไหน จึงสั่งสอนครอบครัวไปในทางเดียวกับที่ท่านเป็นครับ
3
อริยบุคคล คือผู้ไม่หวั่นไหวในคำสอนของพระพุทธเจ้านะครับ อริยบุคคลนั้นจะไม่มีทางเลยที่จะกราบไหว้หรือบูชาสิ่งที่นอกเหนือจากคำสอนของพระพุทธเจ้า เช่นศาลพระภูมิ ไหว้เจ้าเข้าผี พิธีกรรมศาสนาพราหมณ์ฮินดู รดน้ำมนต์ ห้อยพระของขลัง วิธีปลุกเสกต่างๆ อันนี้เป็นสิ่งที่นอกเหนือจากคำสอนของพระพุทธเจ้า
3
อริยบุคคล จะมองว่าพระพุทธเจ้าเป็นพ่อ อริยบุคคลคือสายเลือดแห่งธรรมของพระพุทธเจ้านะครับ เป็นผู้ไม่สะดุ้งหวั่นไหว ไม่ตกใจกับสิ่งที่นอกรีตอะไรอีกแล้ว
2
ดังนั้นถ้าเห็นใครกราบไหว้สิ่งที่นอกเหนือจากพระธรรมคำสอนพระพุทธเจ้า นั่นไม่ใช่อริยบุคคลนะครับ
1
เราเรียนรู้ได้จากพุทธประวัตินะครับ สังเกตเจ้าชายสิทธัตถะสิครับ ท่านคือผู้ประท้วง ท่านคือผู้ปฏิวัติในยุคนั้นเลยนะครับ ลูกชายกษัตริย์ ออกจากวังเพื่อประท้วง สละซึ่งวรรณะ ยุติการแบ่งชนชั้น คนทุกคนเท่าเทียมกัน เป็นสิ่งมีชีวิตเหมือนกัน หรือดูในละครซีรีส์พระพุทธเจ้าก็ได้นะครับ
5
ผู้ที่นำศาสนาพุทธ หรือนำคำว่าพุทธะมาหากิน หรือนำมาแปะหน้าวิธีรีตองที่ไม่ใช่ศาสนาพุทธ เพียงแต่นำศาสนาพุทธมาตกแต่งส่งเสริมเพื่ออำนาจบางอย่าง อันนั้นเป็นบาปมหันต์นะครับ
1
ตาสว่างมั้ยครับ
โฆษณา