19 พ.ค. เวลา 08:17 • หนังสือ

Review หนังสือ : The midnight library โดย Matt Haig แปลโดยวรรธนา วงษ์ฉัตร

ฉันเชื่อว่าคำถามที่อยู่ในใจใครหลายคนในชีวิตของเรา คือ ถ้าวันนั้นเราทำ... แทนที่... แล้วชีวิตเราจะเป็นยังไงกันนะ ฉันคิดว่าหนังสือเล่มนี้เป็นหนังสือที่ชวนให้เราขบคิดถึงวันที่เรากำลังเผชิญกับ “ทางแยก” ของชีวิตจะเป็นอย่างไรนะ หนังสือเล่มนี้กับตัวเอกที่ชื่อว่า นอร่า ซีด ผู้หญิงคนหนึ่งที่อยู่กับแมวของเธอ ผู้ซึ่งฉันขอเรียกเธอว่าห่างไกลจากงานที่มีรายได้ประจำที่แน่นอนให้เธออยู่ได้อย่างไม่อัตคัด
คำถามที่มักเข้ามาวันเวียนในใจของเธอเสมอ คือ “ถ้าวันนั้นเธอตัดสินใจเป็นนักว่ายน้ำตามที่พ่อของเธอปรารถนา ถ้าเธอทำวงดนตรีกับพี่ชายของเธอ ถ้าวันนั้นเธอไปกับเพื่อนของเธอที่ออสเตรเลีย ถ้าวันนั้นเธอตัดสินใจไปเป็นนักวิทยาธารน้ำแข็ง หรือถ้าวันนั้นเธอตัดสินใจแต่งงานกับผู้ชายที่ใฝ่ฝันว่าจะมีบาร์เล็ก ๆ หรือรับนัดไปกินกาแฟกับผู้ชายอีกคนที่เข้ามาจีบเธอจะเป็นอย่างไรกัน”
จนวันหนึ่งเรื่องราวชีวิตก็ประเดประดังเข้ามาในชีวิตของเธอ เธอไม่รู้สึกว่าเธอยึดโยงกับโลกที่เธออยู่และความหมายอันใดในโลกใบนี้ เธอจึงตัดสินใจจบชีวิตของตัวเธอเองในท้ายที่สุด แต่...ด้วยความเป็นนิยายเธอได้หลุดเข้าไปในห้องสมุดเที่ยงคืน ซึ่งเป็นพื้นที่ระหว่างความเป็นและความตาย ที่ซึ่งเธอได้พบกับมิสซิสเอล์ม (คนหน้าคล้าย?) บรรณารักษ์ห้องสมุดสมัยเมื่อเธอเรียนชั้นมัธยม และในห้องสมุดนั้น เธอได้มีโอกาสเลือกลองใช้ชีวิตในแบบที่เธออยากลองใช้ หรือเธอได้ลองไปใช้ชีวิตใน Multiverse อื่นที่ นอร่าซีดสามารถเป็นไปได้
ประเด็นที่น่าสนใจสำหรับฉัน (และอาจสำหรับเธอเช่นกัน) คือ ชีวิตบางแบบอาจไม่ได้เป็นอย่างที่เราฝัน หรือการตัดสินใจบางอย่างอาจนำไปสู่ผลลัพธ์ที่ไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นไปได้ แต่เราอาจไม่มีทางรู้ได้จริง ๆ ถ้าเราไม่ได้ลองใช้ชีวิต ถ้าเช่นนั้นแล้วคำถามต่อมา คือ แล้วคุณค่าความหมายของชีวิตของเราคืออะไรกันนะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสถานการณ์ที่แตกต่างกัน
ชีวิตของนอร่าใน Multiverse ที่ก็ไม่รู้ว่ามีอยู่จริงหรือปั้นแต่งโดยห้องสมุดแห่งนั้น แสดงให้เห็นความหมายของนอร่า ซีด ที่ไม่ใช้นอร่า ซีดที่อยู่ในห้องสมุดเที่ยงคืนแห่งนั้นแน่ ๆ หรืออันที่จริงแล้วเราสามารถ “ประดิษฐ์” ความหมายของการมีชีวิตอยู่แม้ในสภาพที่ชีวิตดูไร้สิ้นซึ่งความหมายสิ้นเชิงหากเพียงเราต้องใช้ชีวิตกันนะ?
ซึ่งก็ทำให้ฉันคิดถึงหนังสืออีกเล่มที่ฉันเคยอ่าน คือ Man’s search for meaning ซึ่งผู้เขียนได้ชวนชี้ให้เห็นความหมายของชีวิตในการดำรงไว้ซึ่งชีวิตในสถานการณ์ที่ดูชีวิตไร้ความหมายสิ้นเชิงในค่ายกักกันนาซี ซึ่งมักมาพร้อมกับ “ความหวัง” แล้วก็กลับมาถึงตัวฉันเองว่า ในสถานการณ์ที่ฉันยังอยู่ทุกวันนี้ ชีวิตที่ต้องฝ่าฟันรถติดไป ทำงาน โดนเจ้านายด่าบ้าง ทำงานบางวันก็คิดว่าทำได้ดี อีกสองวันชีวิตก็พัง ๆ บ้าง บางวันก็อยากวิ่ง อีกหลายวันก็วิ่งไปด้วยความขี้เกียจบ้าง “ความหมาย” ของการมีอยู่ในทุกวันนี้ของฉันคืออะไร
ฉันจะไม่บอกว่าตอนจบเรื่องนี้จบยังไง แต่ฉันแค่ชอบ Quote ของนอร่า จากหนังสือที่แทบจะไม่เกี่ยว ๆ อะไรกับเรื่องที่เล่า ๆ มาเลยทั้งหมดแล้วขอจบเลยละกันว่า
เราไม่จำเป็นต้องทำทุกอย่างเพื่อให้เป็นทุกอย่าง เพราะเราไม่มีที่สิ้นสุดอยู่แล้ว ในขณะที่ยังมีชีวิตอยู่ เรามีอนาคตที่มีความเป็นไปได้มากมาย ดังนั้น จงเมตตาต่อคนที่อยู่ในตัวตนของเรา เราควรแหงนหน้ามองเป็นครั้งคราวจากจุดที่เรายืนอยู่ เพราะไม่ว่าเราจะบังเอิญยืนอยู่ที่ไหนก็ตาม ผืนฟ้าเบื้องบนจะคงอยู่ต่อไปชั่วนิรันดร์”
นอร่า ซีดในหนังสือเล่มนี้)
ปล. โพสแรกก็จะงง ๆ หน่อยนะครับ แต่จะพยายามเอาหนังสือหลาย ๆ แบบมาลงครับ
โฆษณา