23 พ.ค. เวลา 17:00 • ธุรกิจ

ลงทุนระยะสั้นกับระยะยาว ต่างกันอย่างไร

การลงทุนระยะสั้นกับระยะยาว จริงๆมันมีความแตกต่างกันอย่างมาก การลงทุนระยะสั้นถ้าให้พูดสั้นๆ เลยก็การลงทุนที่หวังผลต่างของราคา ณ ช่วงเวลานั้น แต่การลงทุนระยะยาว จะลงทุนในสิ่งนั้นๆ และรอผลตอบแทนในรูปแบบดอกเบี้ยของการลงทุนนั้นๆ
ความแตกต่างระหว่างการลงทุนหุ้นระยะสั้นกับระยะยาวมีอะไรบ้าง
การลงทุนระยะสั้น มีระยะเวลาการลงทุนตั้งแต่ 1-3 เดือน หรือ 6 เดือน ไปจนถึง 1-3 ปี เป้าหมายการลงทุนในระยะสั้นส่วนใหญ่เป็นการลงทุนที่เน้นสภาพคล่องสูง หรือต้องการพักเงินเพื่อนำเงินไปลงทุนหรือนำไปใช้ประโยชน์ด้านอื่นต่อไป จึงมุ่งหวังผลกำไรหรือผลตอบแทนแค่เพียงมากกว่าเงินฝาก สินทรัพย์การลงทุนในระยะสั้นมักจะเป็นสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำ เช่น กองทุนรวมตลาดเงิน กองทุนรวมตราสารหนี้ สลากออมทรัพย์ระยะไม่เกิน 3 ปี เป็นต้น
แต่มีผู้ลงทุนบางส่วนที่ต้องการลงทุนระยะสั้น เพื่อทำกำไรจากความผันผวนของตลาด หรือที่เราเรียกว่า “การจับจังหวะการลงทุน” ซึ่งการลงทุนในลักษณะเช่นนี้มีความเสี่ยงสูง ผู้ลงทุนต้องมีความรู้และความชำนาญในการวิเคราะห์ตลาดและติดตามการเคลื่อนไหวของราคาอย่างใกล้ชิด รวมถึงมีความพร้อมทางการเงินและสามารถรับความผันผวนของตลาดในระยะเวลาสั้นได้สูงเช่นกัน
การลงทุนหุ้นระยะยาว คือ การลงทุนที่มีระยะเวลา 1 ปีเป็นต้นไป โดยรูปแบบของการลงทุนอาจจะมีการระบุแผนไว้ชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นผลตอบแทน ระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้ ระยะเวลาการลงทุน ข้อจำกัดการลงทุนและภาษี บางแผนอาจรวมถึงเงินลงทุนทั้งในปัจจุบันและที่นำมาลงทุนเพิ่มในอนาคตด้วย
ประเภทของการลงทุนระยะยาว แต่ละแบบสินทรัพย์เพื่อการลงทุนสามารถแบ่งออกได้เป็น 5 ประเภท
1.หุ้น หุ้นที่น่าสนใจและเหมาะกับการซื้อเพื่อลงทุนระยะยาว ได้แก่ หุ้นที่มาจากกิจการขนาดใหญ่ มีผลการดำเนินงานที่ดี และบริษัทหรือองค์กรนั้น ๆ มี ฐานะทางการเงินที่มั่นคง ซึ่งจะมีปีที่ให้ผลตอบแทนเป็นบวกมากกว่าติดลบหากเล่นหุ้นต่อไปเรื่อย ๆ ในระยะยาว ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่สร้างผลตอบแทนสูงที่สุด
2.ตราสารหนี้ การลงทุนในตราสารหนี้มีทั้งระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว เป็นตราสารการลงทุนอีกประเภทหนึ่งที่จ่ายรายได้แบบคงที่ออกมาให้กับนักลงทุน ซึ่งนักลงทุนจะตกอยู่ในสถานะผู้ปล่อยกู้
3.กองทุนรวม ตัวอย่างกองทุนรวมที่หลายคนคุ้นเคย คือ กองทุนเพื่อการเลี้ยงชีพ หรือที่หลายคนรู้จักในชื่อ กองทุน RMF (Retirement Mutual Fund) ผู้ลงทุนสามารถเลือกลงทุนได้ตามความสามารถในการรับความเสี่ยงของตัวเอง จัดตั้งขึ้นมาเพื่อสนับสนุนให้คนไทยออมเงินเพื่อการเกษียณ โดยจะเป็นการออมแบบบังคับให้ลงทุนระยะยาว โดยจะมีข้อดีสำหรับผู้ที่ลงทุนครบ จะไม่ต้องนำกำไรจากการขายคืนไปรวมในการคำนวณภาษี
4.สินทรัพย์ทางเลือก ได้แก่ ทองคำ อสังหาริมทรัพย์ สินทรัพย์ดิจิทัลหรือคริปโต ซึ่งกำลังเป็นที่นิยมเป็นอย่างมากทั้งการเทรดคริปโตระยะสั้นและระยะยาว หากเป็นการเทรดซื้อ-ขายด้วยตนเอง สามารถทำได้ด้วยวิธีการ HODL คือ การถือครองคริปโตไปเรื่อย ๆ ไม่ขายออกจนกว่ามูลค่าของเหรียญจะสร้างผลกำไรเป็นที่น่าพอใจ หรืออีกวิธีคือการ Staking ซึ่งเป็นวิธีการตรวจสอบธุรกรรมโดยการวางเงินค้ำประกัน โดยผลตอบแทนจะขึ้นอยู่กับแพลตฟอร์มเป็นผู้กำหนดขึ้น นักลงทุนเลือกใช้วิธีการลงทุนแบบนี้ในช่วงตลาดหมีที่ราคาเหรียญมีความผันผวนสูง
5.ตราสารอนุพันธ์ สัญญาทางการเงินระหว่างบุคคลตั้งแต่ 2 ฝ่ายขึ้นไปเพื่อตกลงกันซื้อขายสินทรัพย์ทางการเงิน (Underlying assets) ในปัจจุบัน แต่ทำการส่งมอบและชำระราคากันในอนาคต เป็นตัวที่ช่วย ออกแบบมาเพื่อใช้เป็นเครื่องมือในการบริหารและป้องกันความเสี่ยงจากการลงทุนในตราสารทางการเงินอื่นที่เกี่ยวข้องกัน
การเตรียมตัวก่อนลงทุนหุ้นระยะยาวสำรวจตัวเอง ทั้งด้านความพร้อมในด้านการหาข้อมูลศึกษาเรื่องลงทุนในรูปแบบต่าง ๆ ให้เข้าใจอย่างแท้จริง และความพร้อมทางด้านจิตใจในการไม่รีบเร่งใจร้อนเรื่องการได้มาซึ่งผลกำไร และการยอมรับความเสี่ยงที่จะสูญเสียเงินลงทุนหากเกิดเหตุไม่คาดคิดจากการลงทุนนั้น ๆ
ศึกษาประเภทของสินทรัพย์ ทั้งประเภทของสินทรัพย์ดังที่ได้กล่าวไปข้างต้น และ การจัดสรรสินทรัพย์ (Asset Allocation) แต่ละประเภทใ้ห้เหมาะสมกับความพร้อมของตนเองด้วย
แนวคิดในการลงทุนระยะยาวที่แนะนำ
1.ไม่รีบขายไม่ขาดทุน
การถือสินทรัพย์ตามระยะเวลากำหนดหรือการถือเหรียญระยะยาวในสภาวะตลาดที่ผันผวนอย่างรวดเร็ว การไม่รีบขายไม่ขาดทุนและรอช่วงที่ตลาดฟื้นกลับคืนมาอาจเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด และจะทำให้เราไม่เสียสิทธิ์ของการได้รับผลตอบแทนหากถือระยะยาวจนครบกำหนดด้วย
2.ถัวเฉลี่ยต้นทุนด้วยเทคนิค DCA
ในช่วงตลาดหมี (Bear Market) ที่มูลค่าสินทรัพย์ต่าง ๆ มีราคาตกต่ำ เหรียญคริปโตราคาร่วง นับว่าเป็นช่วงเวลาที่ดีในการนำกลยุทธ์ DCA (Dollar-Cost Averaging) มาใช้เพื่อถัวเฉลี่ยต้นทุนในการลงทุนจากการที่คุณอาจซื้อสินทรัพย์หรือเหรียญคริปโตนั้นมาในราคาสูง โดยการเข้าซื้อในช่วงที่ราคาเหรียญนั้นร่วงจากที่เคยซื้อไว้
การลงทุนระยะยาวเหมาะกับผู้ที่มีฐานเงินเดือนประจำหรือมีรายรับสม่ำเสมอ และเงินลงทุนนั้นจะต้องเป็น “เงินเย็น” คือเงินที่นักลงทุนไม่ได้มีความจำเป็นในการใช้จ่ายในชีวิตประจำวันหรือแม้แต่เรื่องฉุกเฉิน และสามารถสูญเสียไปได้หากเกิดเหตุที่ทำให้การลงทุนไม่เป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้ ฉะนั้นก่อนลงทุนควรจัดสรรเงินเพื่อการลงทุนอย่างชัดเจนและรอบคอบและศึกษาข้อมูลสินทรัพย์ ทั้งผลการดำเนินงานในอดีต และการคาดการณ์ในอนาคตของสินทรัพย์นั้นเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง
ข้อมูลอ้างอิง
ลงทุนนานมีชัยไปกว่าครึ่ง
Easy Finance

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา