20 พ.ค. 2024 เวลา 05:00 • หุ้น & เศรษฐกิจ

‘ตราสารหนี้ระยะสั้น’ ทางเลือกสร้างผลตอบแทนยุคดอกเบี้ยขาขึ้น

ในช่วงท้ายของยุคดอกเบี้ยขาขึ้น คือจังหวะที่นักลงทุนหลายคนมักให้ความสนใจกับการลงทุนใน #ตราสารหนี้ เป็นพิเศษ เพราะว่าในช่วงที่อัตราดอกเบี้ยอยู่ในขาขึ้นนั้น สินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำอย่างตราสารหนี้จะมีแนวโน้มให้ผลตอบแทนสูงขึ้น
‘ตราสารหนี้’ คือเครื่องมือการระดมทุนรูปแบบหนึ่ง ที่ผู้ออกตราสารหนี้จะมีสถานะเป็น ‘ลูกหนี้’ และนักลงทุนหรือผู้ซื้อตราสารหนี้จะมีสถานะเป็น ‘เจ้าหนี้’ โดยนักลงทุนจะได้รับผลตอบแทนเป็นดอกเบี้ยตามอัตราที่ระบุไว้หน้าตั๋ว
ส่งผลให้ตราสารหนี้เป็นสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำ แต่มีโอกาสได้รับผลตอบแทนที่สม่ำเสมอ และมีสภาพคล่องสูง เพราะสามารถซื้อขายเปลี่ยนมือได้ในตลาดรอง (Secondary Market) อีกด้วย
ปัจจุบัน ตราสารหนี้มีหลายประเภทให้เลือกลงทุน เช่น พันธบัตร หุ้นกู้ ตั๋วแลกเงิน ซึ่งแตกต่างกันไปตามจุดประสงค์ของการระดมทุนและผู้ออกตราสารหนี้ แต่จุดสำคัญที่นักลงทุนควรให้ความสนใจคือ ‘อายุของตราสารหนี้’ เพราะสิ่งนี้จะเกี่ยวข้องกับผลตอบแทนและความเสี่ยงที่ยอมรับได้ของนักลงทุน โดยมีให้เลือกทั้งระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว ซึ่งมีข้อแตกต่างกันดังนี้
#ตราสารหนี้ระยะสั้น คือตราสารหนี้ที่มีอายุน้อยกว่าหรือเท่ากับ 1 ปี เป็นตราสารหนี้ที่ใช้ระยะเวลาสั้นที่สุดในการลงทุน ผลตอบแทนจึงต่ำกว่าตราสารหนี้อื่น ๆ แต่ก็มีความเสี่ยงที่ต่ำตามไปด้วยเช่นกัน นักลงทุนหลายคนจึงเลือกลงทุนในตราสารหนี้ระยะสั้นเพื่อเป็นเครื่องมือในการบริหารสภาพคล่องหรือพักเงินลงทุน เพราะมีความเสี่ยงที่ต่ำ แต่ก็มีโอกาสสร้างผลตอบแทนในอัตราที่สูงกว่าเงินฝาก
#ตราสารหนี้ระยะกลาง คือตราสารหนี้ที่มีอายุระหว่าง 2-10 ปี เป็นตราสารหนี้ที่มีความเสี่ยงต่ำกว่าตราสารหนี้ระยะยาว แต่มีผลตอบแทนสูงกว่าตราสารหนี้ระยะสั้น จึงเหมาะสำหรับนักลงทุนที่ต้องการกระจายความเสี่ยงในการลงทุนจากสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูง
#ตราสารหนี้ระยะยาว คือตราสารหนี้ที่มีอายุระหว่าง 10-30 ปี เป็นตราสารหนี้ที่มีระยะเวลาในการถือครองยาวนาน ทำให้มีผลตอบแทนสูงกว่าตราสารหนี้ระยะอื่น ๆ การลงทุนในตราสารหนี้ประเภทนี้จึงเหมาะสำหรับนักลงทุนที่สามารถลงทุนในระยะยาวและยอมรับความเสี่ยงได้ อย่างไรก็ตาม การลงทุนในตราสารหนี้ระยะยาวจะมีความเสี่ยงในการผิดนัดชำระหนี้ได้ เนื่องจากต้องถือครองเป็นระยะเวลานาน นักลงทุนจึงต้องมีข้อมูลในการมองหาผู้ออกตราสารหนี้ที่มีความน่าเชื่อถือและประกอบกิจการที่มีความมั่นคง
แม้ว่าการลงทุนในตราสารหนี้จะมีความเสี่ยงต่ำและมีโอกาสได้รับผลตอบแทนที่สม่ำเสมอ แต่การลงทุนในตราสารหนี้โดยตรงก็อาจไม่ใช่เรื่องที่หลายคนสามารถทำได้ เพราะต้องใช้เงินลงทุนจำนวนมาก ต้องมีประสบการณ์การลงทุน และต้องใช้เวลาในการติดตามข้อมูลข่าวสาร ดังนั้น การลงทุนในตราสารหนี้ผ่านกองทุนรวมที่มีผู้จัดการกองทุนคอยดูแลจึงเป็นทางเลือกที่น่าสนใจ
BBLAM ขอแนะนำกองทุนตราสารหนี้ระยะสั้น กับ ‘กองทุนเปิดบัวหลวงตราสารหนี้ระยะสั้น’ หรือ B-ST ทางเลือกใหม่ของกองทุนตราสารหนี้ที่มีนโยบายลงทุนในตราสารหนี้ที่มีอายุเฉลี่ยไม่เกิน 1 ปีทั้งในและต่างประเทศ โดยเน้นไปที่ตราสารหนี้ระยะสั้นที่มีความยืดหยุ่นทั้งของภาครัฐและเอกชน
ช่วยบริหารสภาพคล่องและเพิ่มโอกาสสร้างผลตอบแทนที่มากกว่าเงินฝากให้กับนักลงทุนที่ยอมรับความเสี่ยงได้น้อยกว่าการลงทุนในหุ้น
กองทุนเปิดบัวหลวงตราสารหนี้ระยะสั้น (B-ST) จะเปิดเสนอขายหน่วยลงทุนครั้งแรก (IPO) ในวันที่ 21 - 28 พฤษภาคม 2567 นี้ ผู้ลงทุนที่สนใจสามารถลงทุนได้ง่ายๆ ผ่านโมบายแบงก์กิ้งจากธนาคารกรุงเทพ หรือแอป BF Fund Trading จาก BBLAM และตัวแทนที่ได้รับการแต่งตั้ง โดยเริ่มต้นลงทุนเพียง 500 บาท
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมที่ BBLAM
• โทร. 0 2674 6488 กด 8
• เว็บไซต์ www.bblam.co.th
• ลงทุนด้วยตนเองง่าย ๆ ผ่านโมบายแบงก์กิ้งจากธนาคารกรุงเทพ หรือแอป BF Fund Trading จาก BBLAM ได้ที่ https://www.bblam.co.th/BFTTrade
คำเตือน : การลงทุนมิใช่การฝากเงินและมีความเสี่ยงที่ผู้ลงทุนอาจไม่ได้รับเงินลงทุนคืนเต็มจำนวนเมื่อไถ่ถอน (ไม่คุ้มครองเงินต้น) / ผู้ลงทุนต้องศึกษาและทำความเข้าใจลักษณะสินค้า ข้อมูลสำคัญ นโยบายการลงทุน เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยง ก่อนการตัดสินใจลงทุน / กองทุนที่มีการลงทุนในต่างประเทศมิได้มีนโยบายป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนทั้งหมดหรือเกือบทั้งหมด
ทั้งนี้ อยู่ในดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุน ดังนั้น ผู้ลงทุนอาจขาดทุนหรือได้กำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนจากการลงทุนในกองทุนดังกล่าว หรืออาจได้รับเงินคืนต่ำกว่าเงินลงทุนเริ่มแรกได้
#BBLAM #กองทุนบัวหลวง #BFFundTrading #MobileBanking #ธนาคารกรุงเทพ #IPO
โฆษณา