21 พ.ค. เวลา 03:02 • ความคิดเห็น
เรื่องตรรกะ จริง เจอ จริง มันก็เป็นจริง จริงเจอเท็จ มันก็เป็นเท็จ มันก็เป็นปัญหา ในด้านสติปัญญา เหมือนกัน ที่จะแยกแยะเหตุและผล แยกน้ำขุ่นน้ำใสออกจากกันไม่ได้ จะแยกน้ำใสมาดื่ม ก็ไม่รู้จะทำยังไง ก็ดื่มๆมันไปให้หายหิว ยิ่งว่าอันไหนจริงอันไหนหลอก เพราะเหมือนกายนี้ ที่อาศัย สติปัญญาของเรา ยังแยกไม่ออกสิ่งไหนจริง สิ่งไหนหลอก มายาของกาย มายาของอารมณ์ แล้วยังมีเรื่องราวของคำว่า ตรรกะวิบัติอีก มันเกิดขึ้นมาจากเรื่องราวอะไรกันน่ะ
1
แล้วมันก็มีความแตกต่างกันมากมาย ระหว่างคนที่ลงมือทำ กับคนมี่ใช้ตรรกะ จมอยู่กับคำภีร์ตำรา อับจนปัญญาไม่ฝึกหัด พอใครเค้ายอกอะไรหน่อย ทำตัวเป็นผู้รู้เชียว รู้แล้วๆ รู้จริงมั้ย มัวอยู่แค่ในอารมณ์ที่ที่ปรุงแต่ง มันแตกต่างกัน เหมือนฟ้ากับเหว เหมือนพูดว่า ยอดเขา เราก็พูดกันได้ ..
แล้วเราจะขึ้นยอดเขา ..ไปดูยอดเขามีอะไร มันต้องป่ายปีน ฝ่าฟันอุปสรรคต่างๆ มันขึ้นไปดูได้ง่ายมั้ย ไม่เหมือนนั่งคิดจินตนาการ ว่าไปอยู่บนยอดเขา ..มันง่ายสะดวกสบายตามอารมณ์ที่ปรุงแต่งให้ คนที่ปีนขึ้นกับคน ที่มัวแต่่คิดถึงยอดเขา มันแตกต่างกันอย่างไร บางที่จะขึ้นยอดเขา ก็ยังมีหลงทาง ถูกผีมันหลอกบ้าง ปีนตกหน้าผาตายก็มี . อะไรจริง อะไรเท็จ .ต้องป่ายปีนขึ้นไปดูด้วยตัวเอง เรืรองยอดเขา นั้นมันเหมือน เรื่องเค้าเล่าว่าเป็นอย่างนั้นอย่าง ให้อารมณ์มายาจินตนาการ
1
ที่จิตมาอารมณ์เรือนกายนี้ กักขังจิตนี้อยู่ ยึดใช้กายนี้อยู่ เราก็ไม่มีความสามารถที่ ที่จะทะลุออกไปจากกายนี้ไปได้เลย ก็ต้องทนทุกข์ทรมาน ไปกับสิ่งที่เกิดขึ้น หลงไหล ในสิ่งที่เกิดขึ้น แล้วก็ยึดเอาอารมณ์นั่นเป็นตัวเป็นตน เอาอารมณ์นั่นเป็นจิต มันไม่รับรู้อะไรเลย ไม่รู้เหมือนเรื่องตรรกะนั่นแหละ แม้แต่จิตที่อาศัยในกายที่เป็นสัตว์ ..เค้าก็ไม่รับรู้อะไรเลย เหมือนพวกเป็ดไก่ เค้าก็กินนอน อยู่ในเล้า ..เค้าไม่ทุกข์ร้อน มีที่นอนที่กินก็เป็นสุขแล้ว
1
โฆษณา