18 ส.ค. 2024 เวลา 02:28 • ประวัติศาสตร์
สหรัฐอเมริกา

ในอิหร่านไม่มีก้นบึ้ง และผู้ทนทุกข์คือคนทำงาน

โดยมุกเก่าๆแล้วพื้นฐานของพวกเขาทั้งสองต่างก็เป็นลัทธิ แค่...พวกเขาสวมเสื้อผ้าที่แตกต่างกัน
1
การต่อสู้ทางการเมืองคือการต่อสู้ระหว่างชีวิตและความตาย สำหรับผู้มีอำนาจ ศัตรูจากต่างประเทศมักไม่มีอะไรต้องกลัวและเป็นเพียงเครื่องมือในการปลุกระดมคนในบ้าน
แน่นอน ยกเว้นข้อเท็จจริงที่ว่าซัดดัมและตระกูลของเขาฆ่าตัวตายด้วยตัวเอง
และสหรัฐฯ ช่วยเขาลงจากตำแหน่งหลายครั้งเพื่อสร้างสันติภาพกับประเทศในตะวันออกกลาง
ปี 2567 นี้ สำหรับอิหร่าน ดูจะเป็นปีที่มีความสำคัญอย่างยิ่ง เมื่อทั้งโลกตกใจ
ประธานาธิบดี Raisi ของอิหร่าน
รัฐมนตรีต่างประเทศ Abdullahiyan และผู้ว่าราชการจังหวัด 2 คน
เสียชีวิตจากอุบัติเหตุเครื่องบินตกในเวลาเดียวกัน
1
ทางการอิหร่านต้องขอยืมโดรนสอดแนมไร้คนขับจากTürkiye
และใช้เวลา 12 ชั่วโมงในการค้นหาสถานที่ ในการยืนยันครั้งสุดท้าย ไม่มีแม้แต่กระดูกเหลืออยู่
ด้วยความหวาดกลัว อิสราเอลพี่เบิ้มจึงออกแถลงการณ์อย่างรวดเร็วว่า อิสราเอลไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการหายไปของประธานาธิบดีอิหร่าน
ขณะนี้ยังไม่มีหลักฐานใดๆ สิ่งเดียวที่แน่นอนก็คือ
คนที่อยากให้ Raisi ตาย ไม่ใช่แค่นอกอิหร่านเท่านั้น
ด้วยหลักการ โลกของครอบครัว? โลกสาธารณะ?
ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในอิหร่านในปัจจุบันไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้โดยศาสนา
1
ชาวเปอร์เซียเป็นสาขาหนึ่งของชาวอารยันที่เชื่อในลัทธิโซโรแอสเตอร์
อารยธรรมเปอร์เซียที่พวกเขาสถาปนาขึ้นเป็นอาณาจักรขนาดใหญ่แห่งแรกในประวัติศาสตร์ที่ทอดยาวถึงสามทวีป
ในศตวรรษที่ 7 ชาวมุสลิมพิชิตที่ราบสูงเปอร์เซียด้วยกำลังและบังคับให้ชาวเปอร์เซียเปลี่ยนมานับถือศาสนาอิสลาม
1
ในเวลานั้น ไม่นานหลังจากการสิ้นพระชนม์ของมูฮัมหมัด ผู้ศรัทธาทุกคนต่างทะเลาะกันเรื่องผู้สืบทอดต่อจากพระองค์
คนส่วนใหญ่เชื่อว่า พระศาสดาไม่ได้กำหนดผู้สืบทอดในช่วงชีวิตของเขา
ดังนั้นทุกคนควรมีโอกาสขึ้นสู่บัลลังก์
คนกลุ่มนี้คือ ทำตามคำสอน และพวกเขามีต้นกำเนิดจากลัทธิซุนนี
อีกฝ่ายปฏิบัติตามทฤษฎีสายเลือดและเชื่อว่า...
ท่านศาสดาได้กำหนดให้อาลีลูกพี่ลูกน้องของเขาเป็นผู้สืบทอดในช่วงชีวิตของเขา
ดังนั้น ยกเว้นทายาทของศาสดาพยากรณ์และอาลี ไม่มีใครมีสิทธิ์ได้รับมรดกอีก
คนกลุ่มนี้คือต้นกำเนิดของลัทธิชีอะห์
แน่นอนว่า ชีอะห์ยังคงเป็นครอบครัวเดียวกัน และกลุ่มผู้ฟังของพวกเขาก็น้อยกว่าชาวซุนนีโดยธรรมชาติ
ดังนั้นพวกเขาจึงเป็นชนกลุ่มน้อยที่ถูกกดขี่มาโดยตลอด
แต่ขอบอก...ชุดนี้เหมาะกับชาวเปอร์เซียมาก!
ทำไมนะเหรอครับ อย่างแรก เปอร์เซียมีประวัติศาสตร์จักรวรรดิอันรุ่งโรจน์
ด้วยศีลและการกระทำที่ยาวนานกว่าพันปี
และประชาชนเองก็ให้ความสำคัญอย่างยิ่งต่อการเป็น "ออร์โธดอกซ์" และการสืบเชื้อสาย นั่นเอง
และ ในแง่ของอารยธรรมและภูมิหลังทางประวัติศาสตร์ ชาวเปอร์เซียเหนือกว่าชาวอาหรับที่เพิ่งออกจากคาบสมุทรมาก
แน่นอนว่าพวกเขาไม่เต็มใจที่จะยอมรับการเปลี่ยนแปลง
ยิ่งถูกปราบปรามและมีส่วนน้อยมากเท่าไร พวกเขาก็ยิ่งได้รับความนิยมมากขึ้นเท่านั้น
ดังนั้น ชาวเปอร์เซียจำนวนมากจึงเลือกที่จะเชื่อในลัทธิชีอะห์ ซึ่งมีโศกนาฏกรรมมามากมาย และเป็นธงทางจิตวิญญาณในการต่อต้านการรุกรานจากต่างชาติ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่ราชวงศ์ซาฟาวิดแห่งเปอร์เซียประกาศให้ชีอะห์เป็นศาสนาประจำชาติ ทำให้ที่ราบสูงของอิหร่านก็กลายเป็นบ้านทางจิตวิญญาณของชีอะห์ทั่วโลก
1
และผลกระทบของเหตุการณ์นี้ต่ออิหร่านยังคงดำเนินต่อไปจนถึงทุกวันนี้
ทำให้มีชื่อเต็มของอิหร่าน ก็คือ สาธารณรัฐอิสลาม ซึ่งเลือกประธานาธิบดีตามระบอบประชาธิปไตยและปกครองประเทศตามกฎหมายอิสลาม
แต่เพราะศาสนายิ่งใหญ่กว่าประเทศ อำนาจสูงสุดจึงตกไปอยู่ในมือของผู้นำศาสนาคาเมเนอี
การแพร่กระจายของนิกายอิสลาม
และประธานาธิบดีก็เป็นเพียงแค่.....หุ่นเชิด
1
คาเมเนอีเป็นลูกศิษย์ของโคไมนีและปกครองอิหร่านมาเป็นเวลา 43 ปี ตั้งแต่ปี 2524 จนถึงปัจจุบัน ตอนนี้เขาอายุ 85 ปี ดังนั้น ผู้ที่จะเข้ามารับช่วงต่อจึงกลายเป็นประเด็นเร่งด่วนที่สุด
แม้แต่ ความสัมพันธ์กับสหรัฐอเมริกา อิสราเอล และซาอุดีอาระเบียก็ไม่สำคัญเท่าปัญหานี้
ปัจจุบันมีผู้ได้รับเสียงสูงสุด 2 คน คือ ประธานาธิบดีคนปัจจุบัน ไลซี่ และลูกชายคนที่สอง มอยตาบา
แม้ว่าในสายตาของหลายๆ คน ประธานาธิบดี Raisi ที่เพิ่งเสียชีวิตจากอุบัติเหตุเครื่องบินตก เป็นผู้สืบทอดตำแหน่งของคาเมเนอี แต่สำหรับตัวเขาเองกลับไม่เคยพูดอะไรเลย
ท้ายที่สุด ไม่ว่าจะเป็นไปตามประเพณีของชีอะฮ์หรือด้วยแรงจูงใจที่เห็นแก่ตัว
เขาต้องการให้ลูกชายของเขาสืบทอดตำแหน่งต่อจากเขาอย่างแน่นอน เพราะเดิมทีที่ปรึกษาของเขาโคไมนีมีความคิดแบบเดียวกัน
แต่...โคไมนีมีบุตรชายถึงสองคนนะครับ
มุสตาฟา ลูกชายคนโตเป็นผู้รอบรู้และเคยเป็นนักบวชผู้ยิ่งใหญ่ในศาสนาอิสลาม เขามีศักดิ์ศรีที่สูงและไม่ต้องสงสัยเลยว่าเขาเป็น "เจ้าชาย"
1
น่าเสียดายที่ในช่วงปลายปี 2513 เขาถูกลอบสังหารโดยสายลับในอิรัก
อาเหม็ด ลูกชายคนที่สอง ที่กลับต่อต้านพ่อของเขาโดยเฉพาะ ต่อต้านการผสมผสานระหว่างการเมืองและศาสนา
สนับสนุนการทำให้เป็นประชาชน และมักจะแสดงออกต่อสาธารณะเกี่ยวกับประชาธิปไตยและเสรีภาพในการกล่าวสุนทรพจน์
ไม่ว่าโคไมนีจะมีความคิดและปัญญามากมายเพียงใด เขาก็ไม่สามารถส่งเสริมผู้ที่ไม่เชื่อให้เป็นผู้นำทางศาสนาได้...
ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องชำระเพื่อให้ได้สิ่งที่ดีที่สุดต่อไป ก่อนที่โคไมนีจะจบลง โคมัยนีจึงได้มอบบัลลังก์ให้กับคาเมเนอี
สาวกที่แน่วแน่ที่สุดของเขา
แน่นอน...คาเมเนอีโชคดีกว่าที่ปรึกษาของเขา
1
มุสตาฟา ลูกชายของเขาโชคดีที่ไม่เสียชีวิตในวัยเด็กเท่านั้น แต่เขายังไม่มีความคิดที่ "เบี่ยงเบน" เช่นนี้อีกด้วย
มีประเด็นสำคัญที่ต้องกล่าวคือ เนื่องจากการเน้นเรื่อง "ออร์โธดอกซ์" ในอิหร่าน ผู้นำสูงสุดจึงต้องเป็นตัวแทนคำสอนที่เชื่อถือได้มากที่สุดของศาสนาชีอะฮ์
ใครที่รู้คำสอน จะเชื่อถือได้มากที่สุด?
นั่นมีเพียงลูกศิษย์สายตรงและบุตรชายของผู้นำสูงสุดเท่านั้น
แต่ลูกศิษย์สายตรงยังแย่กว่าลูก เพราะสายเลือดยังไม่ "ออร์โธด็อกซ์" เพียงพอ แน่นอนว่าไม่ว่าคุณจะเป็นคนออร์โธดอกซ์แค่ไหน คุณก็ยังต้องมีความสามารถ
ในปี 2552 เมื่อเหตุการณ์ความไม่สงบปะทุขึ้นในอิหร่านหลังการเลือกตั้ง มจตาบา(Mojtaba Khamenei) หนึ่งในผู้นำศาสนา คือผู้ที่เป็นผู้นำในการปราบปราม
อย่างน้อยเขาก็ไม่ไร้ความสามารถ
ดังนั้นแม้มจตาบาจะไม่มีชื่อเสียง แต่เขาได้รับความนิยมอย่างมากในกลุ่มนักบวช และหลายคนสนับสนุนเขาในฐานะผู้นำคนถัดไป
และคาเมเนอีก็เริ่มแอบบวางแผนไว้ตั้งแต่เนิ่นๆ
ในช่วงต้นปี 2563 เขาได้มอบอำนาจบางส่วนของประเทศให้กับลูกชายของเขา และรับผิดชอบงานด้านความมั่นคง
ในเดือนกุมภาพันธ์ปีนี้ คาเมเนอียังได้กำจัด "คณะกรรมการผู้เชี่ยวชาญ" ที่(ดัน)เลือกผู้นำสูงสุด และสมาชิก 35 คนจากทั้งหมด 88 คนก็ถึงคราวเกษียณแล้ว
หลักการคือ“พระสงฆ์องค์เจ้า ควรให้โอกาสแก่เยาวชน”
1
ไม่ต้องพูดถึงเรื่องสรรพกำลัง Revolutionary Guards ถูกฝึกมาเพื่อภักดีต่อผู้นำสูงสุดเท่านั้น
ตราบใดที่ Khamenei พูด หรือบ่นออกมาแค่สักคำ Mojtaba ก็จะมีพลังมหาศาลนี้ทันที
เมื่อประกอบกับการสนับสนุนจากนักบวช ความได้เปรียบของ Mojtaba ก็ดูไม่สั่นคลอน
แต่ปัญหาก็คือในฐานะประธานาธิบดี ไลซี่ มีชื่อเสียงในประเทศสูงมาก และเขาเชื่อฟังคำพูดของคาเมเนอี และปราบปรามพวกปฏิรูปอย่างเด็ดเดี่ยว
ในกรณีนี้ โดยพื้นฐานแล้วมันเป็นไปไม่ได้เลยที่จะแทนที่เขาด้วยวิธีการทางการเมือง
แน่นอนว่าคาเมเนอีมีสิทธิที่จะบังคับแต่งตั้งผู้สืบทอด แต่ก็หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่บางคนจะไม่พอใจหากเจ้าเหนือหัวยืนกราน
หาก ไลซี่ เสียชีวิตอย่างกะทันหันด้วยอุบัติเหตุในเวลานี้ นั่นคงจะสมบูรณ์แบบ
และมันจะยอมให้จักรวรรดินิยมรับผิดชอบไปด้วย
แต่ ควรเน้นย้ำว่าเนื้อหาข้างต้นเป็นการคาดเดาล้วนๆและไม่มีหลักฐาน บางทีความจริงทั้งหมดอาจต้องรอจนกว่าจะมีการตัดสินใจผู้สืบทอดตำแหน่งผู้นำสูงสุดของอิหร่านก่อนจึงจะสามารถเปิดเผยความจริงได้ หรืออาจจะไม่มีวัน....
เพราะ ผู้ฆ่ามังกรในที่สุดก็กลายเป็นมังกร
นอกจากการต่อสู้แย่งชิงตำแหน่งแล้ว ยังมีความขัดแย้งที่ใหญ่กว่าภายในอิหร่านอีกด้วย
ในปี 2555 ประธานาธิบดีอิหร่าน Mahmoud Ahmadinejad กล่าวอย่างช่วยไม่ได้ในสุนทรพจน์ของเขาว่า ตอนนี้ นักบวช 300 คนควบคุมทรัพย์สิน 60% ของอิหร่าน
เป็นเพราะ อิหร่านส่งออกเฉพาะน้ำมัน ก๊าซธรรมชาติ และแร่ ซึ่งสามารถสร้างรายได้จากการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศนับแสนล้านดอลลาร์ทุกปี
1
อย่างไรก็ตาม ในปีพ.ศ. 2540 อิหร่านได้รับรองการซื้อขายอวัยวะอย่างถูกกฎหมาย
1
ด้วยรายได้ต่อเดือนของชนชั้นแรงงานน้อยกว่า 9,000 บาท และต้องเผชิญกับอัตราเงินเฟ้อมากกว่า 40% ดังนั้น...พวกเขาอาศัยอยู่ในความยากจน
คนไม่มีงานทำก็ยิ่งแย่ลงไปอีก เพื่อจะหาเงินให้ได้ พวกเขาต้องขายอวัยวะ และ
โฆษณานี่ก็ถูกโพสต์ไปทั่วท้องถนน
1
ทั้งหมดนี้อดไม่ได้ที่จะทำให้ผู้คนสับสนเกี่ยวกับตัวเลือกเดิมๆของพวกเขา ผลของอารยธรรมจักรวรรดิโบราณและศาสนาใหม่ที่ได้หมักดองกัน
เมื่อเวลาผ่านไป สังคมเปอร์เซียก็ค่อยๆ ก่อตั้งกลุ่มโอไรมา(Olema)ขึ้นมา(เป็นพิเศษ)หมายถึง นักบวชที่มีความรู้ในการตีความพระคัมภีร์ อันได้แก่ อิหม่าม มุลลาห์ อยาตุลลอฮ์ใหญ่ ฯลฯ
ตามรูปแบบการคิดของผม สามารถเข้าใจได้ว่า การรวมกันของเจ้าของที่ดินและนักวิชาการ+ข้าราชการเป็นหน่วยพื้นฐานที่สุดของสังคมเปอร์เซียดั้งเดิม
ตามข้อบังคับ Olema มีหน้าที่ออกคำสั่งให้กับผู้ศรัทธาระดับล่างและตอบคำถามที่พวกเขาตั้งไว้
ในทางกลับกัน ผู้นับถือศาสนาระดับล่างจะต้องแสดงความเคารพต่อพวกเขา
1
ในพื้นที่ชนบทอันกว้างใหญ่ ทุกหมู่บ้านมี Olema หนึ่งหรือสองแห่ง พวกเขาไม่เพียงแต่มีความสัมพันธ์ระหว่างครูกับนักเรียนที่เข้มงวดเท่านั้น
แต่ยังสร้างเครือข่ายความสัมพันธ์ที่ซับซ้อนผ่านการแต่งงานอีกด้วย
Olema อยู่เหนืออำนาจกษัตริย์ ควบคุมตุลาการ เศรษฐกิจ การศึกษา และควบคุมที่ดิน คฤหาสน์ วัด และความมั่งคั่งอื่นๆ จำนวนมาก
ในปี พ.ศ. 2506 ตามสถิติของราชวงศ์ปาห์ลาวีในขณะนั้น มีเจ้าของที่ดินรายใหญ่มากถึง 27 รายที่เป็นเจ้าของหมู่บ้านมากกว่า 2,000 หมู่บ้าน
แน่นอน เมื่อความยากจนจำกัดจินตนาการ ! 2,000 หมู่บ้านจะมีพื้นที่เพาะปลูกเท่าใดกัน?
ในทางตรงกันข้าม จากครัวเรือนในชนบทจำนวน 3.98 ล้านครัวเรือนในประเทศ มีเพียงที่ดินของตนเองเพียง 1.9 ล้านครัวเรือน
และส่วนที่เหลือเป็นเกษตรกรผู้เช่าทั้งหมด!!!
1
นั่นส่อถึง คำว่า นักบวช คือ นายที่แท้จริงของประเทศนี้
1
ในปี พ.ศ. 2468 พระเจ้าชาห์ เรซา ปาห์ลาวี (Reza Khan)ได้สถาปนาราชวงศ์ปาห์ลาวีโดยได้รับการสนับสนุนจากอังกฤษ และเปลี่ยนชื่อประเทศจากเปอร์เซียเป็นอิหร่าน
ซึ่ง คำว่า อิหร่าน แปลว่า อารยัน
จะเห็นได้จากชื่อประเทศว่าเขาไม่ต้องการถูกอำนาจของระบอบการปกครองครอบงำและเขาเน้นย้ำถึงประเทศชาติ
เขาทำตามแบบอย่างของ มุสทาฟา เคมัล อาทาทืร์ค (Kemal) ผู้ก่อตั้งตุรกี และส่งเสริมการปฏิรูปโลก
ควบคุมอสังหาริมทรัพย์ของคริสตจักร สร้างระบบการศึกษาแห่งชาติทางโลก และดำเนินการระบบตุลาการทางโลก...
แต่ๆๆๆๆ ....จุดยืนของนักบวชนั้นยึดมั่นมากซะจนมาตรการเหล่านี้ไม่สามารถเข้าถึงระดับรากหญ้าในชนบทได้
ในปีพ.ศ. 2484 กองทัพอังกฤษและโซเวียตได้จับกุมและเนรเทศปาห์ลาวีคนชราซึ่งอยู่ฝ่ายผิดในสงครามโลกครั้งที่สอง และสนับสนุนให้ลูกชายของเขาขึ้นสู่อำนาจ
ลูกชายของเขาปาห์ลาวี จูเนียร์ (Pahlavi Jr. )จึงเปิดตัวโครงการ "การปฏิวัติสีขาว" ที่ต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง
โดยมีเป้าหมายในการเปลี่ยนแปลงพื้นฐานระบบสังคมเก่าและเปลี่ยนอิหร่านให้กลายเป็นมหาอำนาจด้านทุนสมัยใหม่
รวมถึง แผนการปฏิรูป 19 แผน เช่น การปฏิรูปที่ดิน การแปรรูปรัฐวิสาหกิจ และสิทธิที่เท่าเทียมกันของสตรี .
ในยุคแรกๆ ทุกอย่างก็เป็นไปในทิศทางที่ดี หลังจากดำเนินการปฏิรูปที่ดิน รัฐบาลได้ให้ทุนสนับสนุนการซื้อที่ดิน "ส่วนเกิน" คืนจากเจ้าของบ้านในราคาตลาด
1
จากนั้นจึงขายให้กับเกษตรกรผู้เช่าเป็นงวดๆ ในราคาที่ต่ำกว่าราคาตลาด 30%
ในเวลาเพียงไม่กี่ปี 92% ของเกษตรกรทั่วประเทศมีที่ดินเป็นของตนเอง
1
ผู้เช่ารู้สึกขอบคุณอย่างยิ่ง แต่ ....นักบวชก็โกรธมากเช่นกัน นี่เท่ากับตัดรากฐานของพวกเขาทิ้งไปอย่างไม่ใยดี
และปัญหาก็เกิดขึ้นทันที ชาวนาไม่ได้เป็นเจ้าของที่ดินจริงๆ แต่ต้องส่งมอบให้กับสหภาพเกษตรกรรม (เทียบเท่ากับสหกรณ์การเกษตร) ที่กษัตริย์ทรงส่งเสริม
ผู้เช่าที่กตัญญูจูบพระบาทของกษัตริย์
พวกเขาเปลี่ยนจากผู้เช่ามาเป็นคนทำงานให้กับสหกรณ์ ซึ่งไม่สามารถแปลงเป็นผลผลิตได้โดยตรง
และเกษตรกรที่เดิมเป็นเจ้าของที่ดินต้องหันไปขอความช่วยเหลือจากเจ้าหนี้นอกระบบเนื่องจากข้อจำกัดด้านเงินทุนและเหตุผลอื่นๆ
ฮั่นแน่ๆๆๆ เมื่อคำว่าหนี้นอกระบบโผล่ออกมา ...ผลลัพธ์สุดท้ายคืออะไรล่ะ?
1
นับจากนั้น ที่ดินค่อยๆ กระจุกตัวอยู่ในมือของนายทุน และคนในชนบทจำนวนมากต้องเข้าในตัวเมืองเพื่อหาเลี้ยงชีพ
และ ตั้งแต่ปีพ.ศ. 2506 ถึง พ.ศ. 2521 ประชากรในเมืองของอิหร่านเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วจาก 30% เป็น 52%
ในเวลาเพียง 15 ปี ชาวนามากกว่า 8 ล้านคนแห่กันไปที่เมืองต่างๆพวกมันก็กลายเป็น "เงินปันผล" ของการพัฒนาอุตสาหกรรมและความทันสมัย
ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2503 ถึง พ.ศ. 2522 GDP ของอิหร่านเพิ่มขึ้นจาก 4.199 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เป็น 90.392 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยมีอัตราการเติบโตต่อปีที่ 17.53%
ในปี 2520 GDP ต่อหัวของอิหร่านสูงถึง 2,200 เหรียญสหรัฐ ซึ่งอยู่ในอันดับที่ 49 ของโลก (ปัจจุบันอยู่ที่ 132) และทันใดนั้นก็กลายเป็นประเทศที่ร่ำรวยขึ้นมา
จะเห็นได้ว่า การปฏิวัติสีขาวประสบความสำเร็จอย่างไม่ต้องสงสัย
อย่างน้อยก็ในแง่เศรษฐกิจ แต่ทันใดนั้นชาวเปอร์เซียก็ตกอยู่ในวิกฤติฝ่ายวิญญาณในเวลาต่อมา...
1
เมื่อปาห์ลาวี จูเนียร์ อยู่ในอำนาจ อิหร่านอยู่ในภาวะที่เปิดกว้างแบบสุดๆ
เนื่องจากวัฒนธรรมและวิถีชีวิตแบบตะวันตกแทรกซึมเข้าไปในทุกพื้นที่ของเมืองใหญ่ บาร์ คาสิโน โรงละครโอเปร่า ดิสโก้ ซ่องโสเภณี และสถานที่อื่นๆ ได้ปรากฏขึ้นในเมืองใหญ่หลายแห่งของอิหร่าน
หญิงสาวหลายคนเริ่มเลียนแบบชาวยุโรปโดยถอดผ้าคลุมหน้าออกและสวมกางเกงรัดรูปและกระโปรงสั้น
แม้ว่าสิ่งเหล่านี้จะขัดแย้งกับหลักคำสอน แต่ผู้คนก็มีความสุข
1
ในความเป็นจริง หากชีวิตทางวัตถุของทุกคนดีขึ้นเรื่อยๆ ผู้คนก็จะไม่ต่อต้านมันอย่างสุดกำลังโดยธรรมชาติ และถึงกับคิดว่าสิ่งเหล่านี้เป็นการแสดงออกถึง "ความก้าวหน้า"
หญิงสาวในกรุงเตหะรานในทศวรรษ 1970
แต่ถ้ามันแย่ลงล่ะ?
ทั่วๆไป ผู้คนกลัวความยากจนและกลัวการเปรียบเทียบมากกว่า
การทำให้เป็นฆราวาสแบบบ้านๆของอิหร่านทำให้คนทั้งประเทศมีความมั่งคั่งจำนวนมหาศาล แต่ความมั่งคั่งนั้นทำให้คนบางคนร่ำรวยเท่านั้น
และ คนส่วนใหญ่ก็เป็นเพียง "เงินปันผล" เท่านั้น
1
ผมขออธิบายก่อนนะครับว่า ก่อนการปฏิวัติ คนรวย 1% ถือครองความมั่งคั่งของประเทศ 52% ในขณะที่คนจน 91% ได้รับเพียง 18% เท่านั้น
1
ที่แย่กว่านั้นคือความมั่งคั่งมหาศาลทำให้ราชวงศ์ปาห์ลาวีลืมทุกสิ่ง ใช้จ่ายเงิน และใช้ชีวิตอย่างหรูหราฟุ่มเฟือย
1
กระแสนี้ยังนำไปสู่การคอร์รัปชั่นของสังคมทั้งหมด....ตั้งแต่ต้นน้ำ ถึงปลายน้ำ
1
ดูเมืองหลวงเตหะรานเป็นตัวอย่างซิครับ ในเวลานั้นเมืองถูกแบ่งออกเป็นสองส่วน เหนือและใต้ ทางตอนเหนือเป็นที่ที่คนรวยมารวมตัวกัน โดยมีวิลล่าหรูสไตล์ตะวันตก ตั้งอยู่ท่ามกลางไนท์คลับที่มีการร้องเพลงและเต้นรำ
ส่วนทางใต้คือเมืองกระท่อมที่มีถนนแคบ ๆ และแออัดยัดเยียด
1
ทุกสิ่งล้วนเป็น "ผลลัพธ์" ของการปฏิรูปของกษัตริย์
เมื่อ ชาวนาไม่พอใจกษัตริย์ ประชาชนไม่พอใจกษัตริย์ และเจ้าของที่ดินที่สูญเสียที่ดินของตนก็ยังไม่พอใจกษัตริย์มากยิ่งขึ้น
สลัมในเตหะราน
ผู้คนเริ่มคิดถึงอดีต และที่นั่น....นักบวชเป็นตัวแทนของอดีต พวกเขานำกลุ่มต่างๆ ออกนอกระบบราชวงศ์ปาห์ลาวี
1
รวมจำนวนพื้นที่ที่ล้าหลัง และเกษตรกรส่วนใหญ่ ให้กลับมาอย่างรวดเร็วและเริ่มต้นการปฏิวัติอิสลาม
ทำให้ ในเดือนมกราคม พ.ศ. 2522 ราชวงศ์ปาห์ลาวีหนีไปพร้อมกับราชวงศ์อย่างเร่งรีบ เมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ โคมัยนีเดินทางกลับกรุงเตหะรานด้วยเครื่องบินโบอิ้ง 747
ผู้คนหลายล้านคนมาทักทายเขาที่สนามบินและเรียกเขาว่า "อิหม่าม"
1
ณ ตอนนี้ ....อิหม่ามนิกายชีอะห์เป็นตัวกลางระหว่างผู้ศรัทธากับพระเจ้าไปเสียแล้ว..
1
ในเดือนมีนาคม อิหร่านผ่านการลงประชามติ และประชาชน 98% สนับสนุนสาธารณรัฐอิสลามให้เข้ามาแทนที่ราชวงศ์ปาห์ลาวี
โคไมนีดำรงตำแหน่งผู้นำสูงสุด รับผิดชอบในการชี้แนะประชาชนด้วยหลักคำสอน และประธานาธิบดีมีหน้าที่รับผิดชอบในกิจการเฉพาะ
“ฉันได้แต่งตั้งเขาแล้ว และเธอจะต้องภักดีต่อเขา การไม่เชื่อฟังเขาก็คือการไม่เชื่อฟังพระเจ้า”
1
ในฐานะผู้ศรัทธาที่ศรัทธามากที่สุด เราต้องสนับสนุนแม้ว่าเราจะไม่สนับสนุนก็ตาม
แต่ผู้ศรัทธาอาจถูกหลอกได้
เมื่อโคไมนีลี้ภัยไปต่างประเทศ เขามักจะตะโกนเรียกร้องความเท่าเทียมกันสำหรับทุกคน และขจัดช่องว่างระหว่างคนรวยกับคนจน
1
แต่หลังจากการปฏิวัติประสบความสำเร็จ นักบวชที่ได้รับการฟื้นฟูไม่เพียงแต่ยึดทรัพย์สินของราชวงศ์ทั้งหมดเท่านั้น
แต่ยังเข้ายึดธุรกิจส่วนใหญ่ในสังคมเป็นของตนเองอีกด้วย ไม่มีใครสามารถยับยั้งพวกเขาได้...เพราะกฎหมายอิสลามไม่สามารถควบคุมนักบวชได้
1
เพื่อบริหารจัดการองค์กรจำนวนมาก กลุ่มตัวพ่อ( Padre )ได้ก่อตั้งมูลนิธิมากกว่า 120 แห่งและผูกขาดอุตสาหกรรมเกือบทั้งหมดในประเทศ
1
ตัวอย่างเช่น ตลาดพิสตาชิโอในอิหร่านถูกผูกขาดโดยตระกูล Rafsanjani
อย่างน้อยตอนนี้ ช่องว่างระหว่างคนรวยและคนจนในอิหร่านก็กว้างกว่าที่เคยเป็นในสมัยปาห์ลาวีซะอีก
แน่นอนว่านี่เป็นเพราะการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจที่กำหนดโดยยุโรปและสหรัฐอเมริกา และมันเริ่มต้นในปี 2553 เมื่อค่าเงินของอิหร่านอ่อนค่าลงอย่างรวดเร็ว
นักบวชผู้รอบรู้หลายๆคนได้แลกเปลี่ยนเงินดอลลาร์สหรัฐผ่านตลาดมืดเพื่อรักษามูลค่าของพวกเขาไว้ และในท้ายที่สุดมีเพียงผู้เชื่อในตัวพวกเขาเท่านั้นที่ถูกหลอก
เมื่อเวลาผ่านไปก็มีฉากขายอวัยวะดังที่ผมเคยกล่าวมาข้างต้น หลายๆคนเริ่มเสียใจกับความคิดบูรณาการการเมืองและศาสนาแบบนี้ แต่ผมไม่ใช่บระเจ้า...ทุกสิ่งอย่างเป็นทางเลือกของผู้ศรัทธาเอง และคงต้องปล่อยมัน....ไว้แค่นั้น....
1
โฆษณา