23 พ.ค. เวลา 09:20 • หุ้น & เศรษฐกิจ

ปัจจัยจีนกับราคาทองคำ - Blockdit Originals โดย ดร. อาร์ม ตั้งนิรันดร

ราคาทองคำที่ขึ้นสูงทำประวัติศาสตร์รอบแล้วรอบเล่า เป็นเพราะดีมานด์จากจีนจริงไหมครับ
ดีมานด์จากจีน มีทั้งส่วนที่มาจากรายย่อยครัวเรือนจีน สมัยก่อนคนจีนมักแนะนำต่อๆ กันให้ลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ เพราะซื้อบ้านมีแต่ราคาขึ้น ไม่เคยตก
1
แต่วันนี้ไม่ใช่แล้ว ภาคอสังหาริมทรัพย์ในจีนเกิดวิกฤต ราคาดิ่ง ส่วนตลาดหุ้นจีนก็ดิ่งลงติดต่อกันสามปี บิตคอยก็ซื้อไม่ได้ การลงทุนที่ดีที่สุดตอนนี้สำหรับครัวเรือนและนักลงทุนรายย่อยชาวจีนจึงเป็นการซื้อทองคำ ซึ่งราคาก็ปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่องมาตลอดให้ชื่นใจ
แต่ผู้ซื้อทองคำรายใหญ่ตัวจริงคือ รัฐบาลจีนครับ ซึ่งค่อยๆ เพิ่มการสะสมทองคำมาอย่างต่อเนื่อง แถมนักวิเคราะห์หลายคนเชื่อว่าตัวเลขที่ทางการจีนประกาศน่าจะน้อยกว่าตัวเลขการสะสมจริงของรัฐบาลจีนอีกด้วย
ทิศทางใหญ่คือ รัฐบาลจีนค่อยๆ ลดการสะสมเงินตราต่างประเทศ โดยเฉพาะการถือดอลล่าร์สหรัฐฯ เปลี่ยนมาสะสมทองคำแทน
เรียกได้ว่าเป็นกระบวนการเลิกยึดติดดอลล่าร์ (de-dollarization) ความมุ่งหมายคือต้องการค่อยๆ เซาะกร่อนบ่อนทำลายสถานะการเป็นสกุลเงินหลักของโลกของดอลล่าร์สหรัฐฯ จีนพยายามสะสมทองคำเพื่อเป็นหลังพิงส่งเสริมสถานะของสกุลเงินหยวน หวังให้ผงาดขึ้นมาเทียบชั้นดอลล่าร์ให้ได้ในอนาคต
แต่อนาคตนั้นใกล้หรือไกลเพียงใด นักวิชาการ Claude Erb และ Campbell Harvey เพิ่งเขียนในบทความวิชาการชื่อ Is there still a golden dilemma? ตอนหนึ่งว่าความพยายามของจีนในการล้มบัลลังก์ดอลล่าร์ด้วยการสะสมทองคำนั้นไม่น่าจะเป็นไปได้
สาเหตุเพราะจีนจะต้องสะสมทองคำต่อประชากร (per capita) ให้ได้สัดส่วนทัดเทียมกับสหรัฐฯ ให้ได้เสียก่อน เงินหยวนของจีนจึงจะมีโอกาสได้รับความเชื่อถือแบบเดียวกับดอลล่าร์สหรัฐฯ
3
ในปัจจุบัน จีนมีทองคำสำรอง 7.3 ล้านออนซ์ นักวิชาการทั้งสองประเมินว่าจีนต้องสะสมเพิ่มให้ได้เป็น 1.1 พันล้านออนซ์ จึงจะมีทองคำต่อประชากรอยู่ในสถานะเทียบเคียงได้กับสหรัฐฯ
1
ขณะที่ในปี 2012 ทั้งโลกขุดทองเพิ่มได้เพียง 116.6 ล้านออนซ์ เท่ากับว่าจีนต้องซื้อทองคำที่ขุดใหม่ทั้งหมดในโลกติดต่อกันถึง 9 ปี จึงจะเทียบชั้นสหรัฐฯ ได้ แล้วจีนจะซื้อไหวไหม
4
ข้อสรุปในเรื่องนี้ข้อแรกก็คือ การล้มบัลลังก์ดอลล่าร์ไม่ใช่เรื่องง่าย น่าจะใช้เวลาอีกนาน และคงไม่ใด้เกิดขึ้นเพียงด้วยปัจจัยการสะสมทอง แต่อาจต้องมีปัจจัยอื่นมาผสมด้วย เช่น พลังความแข็งแกร่งด้านเทคโนโลยีและด้านการทหารที่จะทำให้คนเชื่อมั่นในความเป็นมหาอำนาจเบอร์ 1 และให้คนเชื่อถือเงินสกุลของตนเป็นเงินสกุลหลักของโลก จึงไม่แปลกที่เราเห็นการแข่งขันกันลงทุนและพัฒนาเทคโนโลยีทางการทหารของทั้งสองชาติ และการกีดกันเทคโนโลยีระหว่างกัน
3
ส่วนข้อสรุปอีกข้อก็คือ ถึงแม้ฝันใหญ่ของจีนจะยังคงเป็นไปไม่ได้ในระยะสั้น แต่ทิศทางความฝันที่จะล้มบัลลังก์ดอลล่าร์นั้นชัดเจน รัฐบาลจีนกำลังลดการสะสมดอลล่าร์ ลดการสะสมพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ และหันไปค่อยๆ ซื้อสะสมทองคำแทน ซึ่งแปลว่าดีมานด์ของทองคำก็จะยังคงมีอยู่สูงอย่างต่อเนื่องต่อจากนี้
แถมในยุคภูมิรัฐศาสตร์โลกที่ผันผวน ทองคำดูจะเป็นการลงทุนที่เสถียรและเป็นแหล่งปลอดภัยที่สุดในท่ามกลางความไม่แน่นอน
1
รอบนี้ที่ราคาทองคำทะลุประวัติศาสตร์ซ้ำแล้วซ้ำอีกจึงแตกต่างจากเวลาที่ราคาทองพุ่งสูงตามรอบวงจรขึ้นลงในอดีต เพราะรอบนี้มีปัจจัยจีนและปัจจัยภูมิรัฐศาสตร์เข้ามาเกี่ยวข้อง ซึ่งอาจผลักราคาทองคำไปต่อท่ามกลางไฟการแข่งขันและความขัดแย้งของมหาอำนาจ
1
โฆษณา