23 พ.ค. เวลา 14:09 • ความคิดเห็น
เรื่องราวของความฝัน จิตที่เค้าฝึกหัดมาดี ไม่ค่อยมีอารมณ์อะไรค้างคาใจ ก่อนนอนก็ สวดมนต์กราบพระ ภาวนาสักพัก แล้วก่อนนอน มันไม่ก็ไม่ค่อยมีเรื่องฝัน เรื่องของคำว่า เจตจิตออกไป ท่องเที่ยว มีอารมณ์ฝัน คราวนี้ เรื่องอารมณ์ มีผู้แนะนำว่า ไม่ต้องนอนที่นอนนิ่มๆ ให้ไปนอนกับพื้น เอาหนังสือมาหนุนนอน ให้ลองนึกไปถึง เจ้าชายสิทธัตถะ ท่านนอนในป่า นอนกับใบไม้แห้งๆ พลิกตัว ก็มีเสียงดังรบกวน ท่านก็บอกให้ลองฝึกดูว่าเป็นยังไง แล้วท่านก็บอกว่า พวกอารมณ์ตัณหาราคะ มันไม่ชอบที่นอนแข็ง หมอนแข็งๆ เราก็ทดลองบ้าง
เรื่องฝันนั่นนี้ มันก็เป็นอารมณ์ เหมือนกับที่เราใช้ชีวิตประจำวัน จิตเรามันไม่เท่าทันอารมณ์ บ้างก็ว่าไหลมาจากจิตใต้สำนึกบ้าง บ้างก็ว่าอย่างนั้นอย่างนี้ แต่นั่นมันก็เป็นอารมณ์ปรุงแต่ง แต่จิตเรามันไม่เท่าทันอารมณ์ แม้ในฝัน มันยังยินดีอยู่กับอารมณ์ ไม่ต้องไปคิดถึงเรื่อง ศีลอะไรหรอก ปล่อยมันผ่านไป เริ่มต้นใหม่ .. เพียงแต่ว่า เป็นเรื่องของสติ ที่เรายังเคยชิน เคยใช้อารมณ์นั่นอยู่ เราก็หาวิธี ให้เกิดสติของจิตเกิดขึ้น
แม้ในการประพฤติปฏิบัติธรรม เค้าก็มีการทดสอบ ทดลอง ให้เห็นเป็นภาพสตรีสวยงามผิวพรรณเปล่งปลั่งเนื้อเหมือนทอง กลืนหอมรัญจวนจิต เดินเข้ามาหา ไม่มีอาภรณ์อะไรเลย ดู ..ซิ จิตของผู้ที่ประพฤติปฏิบัติธรรม ภาวนา ..จะเป็นอย่างไร จะประคองจิตประคองใจ อยู่กับคำถาวนาได้มั้ย ..จะมีเรื่องราวอะไร ให้จิตน้อยหวั่นไหวมั้ย. กายจะนิ่งอยู่มั้ย แล้วจิตล่ะ ปรคองกายนิ่งได้มั้ย ที่ไม่นิ่งเป็นเพราะอะไรเกิดในเรือนกาย กายเหมือนต้องพายุ..มั้ย นี่สมมุติน่ะ สมมุติ
1
นั่นก็คือ สิ่งที่สมมุติขึ้นมา เรานั่นยังอยู่กับโลก ยังเป็นผู้ที่ยินดี ใช้อารมณ์อยู่่ กลับมาสมมุติต่อ..สาวสวยผู้นัน ที่ปราศจากอารมณ์ เปลี่ยนรูปเป็น เหมือนปีศาจหรือว่าร่างกายเหี่ยวย่น เป็นร่างกายของคนอายุเป็นร้อยปี ฟันฟางไม่มี ผมขาวโพลน ..เรายังชอบผู้หญิงรูปนั่น อีกมั้ย อยากเป็นเจ้าของอีกมั้ย ..นี่สมมุติน่ะ
สิ่งที่เราสมมติ ก็มาจากเรื่องพระอานนท์ ที่พระพุทธเจ้า บอกให้พระอานนท์ ทำจิตดีๆ นั่งกายตรงๆ กายนิ่งๆ จิตนิ่ง ๆ พระอานนท์บอกว่า ท่านทำได้แป๊บเดียว กายก็ห่อลงมา ยุบลงมาแล้ว พระพุทธเจ้าท่าน ก็บอกให้ทำแบบพี่นี่ แล้วท่านก็ทำให้ดู ..พระอานนท์ก็ดู พระพุทธเจ้าท่านนั่ง..นั่งเหมือนตอไม้ แข็งไปหมดทุกส่วนสัด พระอานนท์ ท่านก็ทำบ้าง พระพุทธเจ้าท่านก็นำพาพระอานนท์ ขึ้นสวรรค์ แล้วให้ท้าวสักกะ หานางฟ้าที่สวยที่สุดมาให้พระอานนท์ชม พระอานนท์ บอกว่าตอนนั้น ข้าพเจ้าก็ยังมีราคะปนอยู่นิดๆ
พอพระพุทธเจ้า ถามว่าอยากแต่งกับนางฟ้ามั้ย พระอานนท์บอกว่า อยากพระเจ้าค่ะ ..แล้วพระพุทธเจ้า ท่านก็บอกพระอานนท์ ทำจิตดีๆ ทำสมาธิดีดีๆ แล้วให้ดูนางฟ้า รูปนั้นก็เปลี่ยนแปลงไป เป็นหญิงชรา อายุเป็นร้อยปี ท่านก็ถามพระอานนท์ว่า อยากแต่งอีกมั่ย ท่านก็บอกว่าไม่เอาแล้ว แก่เฒ่าอยู่เป็นร้อยปี ฟันฟางไม่มี
พอพระอานนท์เห็นอย่านั่น ท่านก็พิจารณา นี่ถ้าเราแต่งงาน ภรรยา อยู่ไปจนแก่เฒ่า เราก็ต้องเดืนมาจูง คนแก่เฒ่าฟันฟางไม่มี นี่ถ้าเกิดตาย ก็ต้อมาจูงคนแก่ฟันฟางไม่มีอีก ..ไม่มีเสียดีกว่า จิตของท่านก็ตัดขาดอารมณ์ ตัณหาราคะ นั้นออกไปได้
โฆษณา