24 พ.ค. เวลา 03:36 • การเมือง

ติดบ่วง !

ปัญหาเฉพาะตัวของ พรรคเพื่อไทย เกิดขึ้นระลอกแล้ว ระลอกเล่า อันเป็นผลสืบเนื่องมาจากการปรับครม. เศรษฐา1/1
จากกรณีการลาออกของ ปานปรีย์ พหิทธานุกร ภายหลังได้รับการแต่งตั้งเป็นรมว.ต่างประเทศ เหลือเพียงเก้าอี้เดียว ยังไม่รับความอึดอัดคับข้องใจจาก คนอกหัก ที่ถูกปรับออกจากตำแหน่งรัฐมนตรี ในพรรคเพื่อไทย ทั้ง นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ,ไชยา พรหมา และพวงเพ็ชร ชุนละเอียด
มาถึงกรณีล่าสุดเมื่อการแต่งตั้ง พิชิต ชื่นบาน ให้นั่งในตำแหน่ง รมต.ประจำสำนักนายกฯ ทั้งที่รู้ว่าคุณสมบัติการเป็นรัฐมนตรีมีปัญหาที่อาจขัดต่อรัฐธรรมนูญ
ต่อมาถูก กลุ่ม40สว. เข้าชื่อยื่นคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญ วินิจฉัยความเป็นรัฐมนตรี ทั้งพิชิต และ เศรษฐา ทวีสิน นายกฯ สิ้นสุดลงด้วยหรือไม่
 
แม้เรื่องนี้ พรรคเพื่อไทย จะแก้เกมด้วยการที่ พิชิต ตัดสินใจลาออกจากรัฐมนตรี
เมื่อวันที่ 21 พ.ค.67 ที่ผ่านมา เพื่อหวัง ตัดตอน ไม่ให้ไฟลุกลามไปถึงนายกฯเศรษฐาแต่กลายเป็นว่า ศาลรัฐธรรมนูญ ยังคงมีมติ รับคำร้อง เอาไว้พิจารณา
แต่ไม่มีคำสั่งให้นายกฯ หยุดปฏิบัติหน้าที่
 
ซึ่งแตกต่างไปจากกรณีที่มีการเทียบเคียงกรณีเมื่อครั้งที่ศาลรัฐธรรมนูญ รับคำร้อง ของสส. ฝ่ายค้าน ที่ขอให้วินิจฉัยวาระการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของ
พล.อ.ประยุทธ์ โดยศาลฯมีคำสั่งให้ หยุดปฏิบัติหน้าที่ตั้งแต่ 24 ส.ค. 65 จนกว่าศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัย
แต่ในรายของนายกฯเศรษฐา เมื่อศาลรัฐธรรมนูญ มีมติรับคำร้องเอาไว้พิจารณา แต่ยังไม่สั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่
ย่อมไม่ได้หมายความว่า พรรคเพื่อไทยและตัวเศรษฐาเอง จะมั่นใจได้ว่า คำวินิจฉัยให้เขาต้องสิ้นสุดการเป็นรัฐมนตรี สืบเนื่องจากการเสนอชื่อพิชิต จะไม่เกิดขึ้น ตามมาหลังจากนี้
 
ปฏิบัติการของ กลุ่ม40สว. จะบรรลุเป้าหมายหรือไม่ จะหวังไกลไปถึงขั้นให้เศรษฐาต้องหลุดจากเก้าอี้นายกฯคนที่30 จะเกิดขึ้นได้จริงหรือไม่
แต่นาทีนี้ อย่างน้อยที่สุดคือการที่ เจ้าของรัฐบาลอย่าง ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ประเมินได้แล้วว่าดีลลับ ที่เคยทำเอาไว้ก่อนหน้านี้ อาจไม่ใช่มี ตัวเขาเองที่มีแต่ได้กับได้เท่านั้น โอกาส เสีย และถูกเขย่า เกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ !
โฆษณา