เส้นทางกาแฟ
เรื่องราวของกาแฟเริ่มต้นขึ้นในเอธิโอเปีย ซึ่งมีตำนานเล่าว่าคนเลี้ยงแพะ ชื่อ Kaldi สังเกตเห็นว่าแพะของเขามีพลังผิดปกติหลังจากกินผลเบอร์รี่สีแดงจากไม้พุ่มบางชนิด
ด้วยความอยากรู้อยากเห็น Kaldi จึงลองชิมผลเบอร์รี่ด้วยตัวเองและได้รับพลังงานเพิ่มขึ้นเช่นเดียวกัน
ในที่สุดการค้นพบนี้ก็ไปถึงคาบสมุทรอาหรับ ซึ่งการเพาะปลูกและการค้ากาแฟเริ่มขึ้นอย่างจริงจังในช่วงศตวรรษที่ 15
เมื่อถึงศตวรรษที่ 16 กาแฟได้แพร่กระจายไปยังเปอร์เซีย อียิปต์ และจักรวรรดิออตโตมัน และเริ่มการขยายตัวไปทั่วโลกของกาแฟ
การเดินทางสู่ยุโรปของกาแฟเริ่มต้นขึ้นในศตวรรษที่ 17 ในตอนแรกกาแฟได้รับการขนานนามว่า "สิ่งประดิษฐ์อันขมขื่นของซาตาน"
หลังจากนั้นกาแฟก็ได้รับการยอมรับอย่างแพร่หลาย ร้านกาแฟเริ่มขยายตัวไปทั่วยุโรป โดยทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางในการแลกเปลี่ยนทางปัญญาและสังคม
ร้านกาแฟแห่งแรกในอังกฤษที่รู้จักกันในชื่อ "มหาวิทยาลัยเพนนี" ช่วยให้ลูกค้าสามารถสนทนาและอ่านหนังสือพิมพ์ได้ในราคาเพนนี
ในไม่ช้ามหาอำนาจอาณานิคมของยุโรปก็ได้ก่อตั้งสวนกาแฟขึ้นในภูมิภาคเขตร้อน รวมทั้งแคริบเบียน อเมริกากลาง และอเมริกาใต้ และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
กาแฟ 2 สายพันธุ์ที่มีความสำคัญทางการค้ามากที่สุดคือ กาแฟอาราบิก้าและกาแฟคาเนโฟรา ซึ่งรู้จักกันทั่วไปในชื่อ อาราบิก้าและโรบัสต้า
เมล็ดกาแฟอาราบิก้าซึ่งคิดเป็นประมาณ 60-70% ของการผลิตกาแฟทั่วโลก ได้รับการยกย่องว่ามีรสชาติที่นุ่มนวล ซับซ้อน และมีปริมาณคาเฟอีนต่ำ
ในทางกลับกัน เมล็ดโรบัสต้ามีความเข้มข้นและขมมากกว่า โดยมีปริมาณคาเฟอีนสูงกว่า ทำให้เหมาะสำหรับการผสมเอสเปรสโซและกาแฟสำเร็จรูป
การปลูกกาแฟต้องมีเงื่อนไขเฉพาะ เช่น สภาพภูมิอากาศเขตร้อน ดินที่อุดมสมบูรณ์ และระดับความสูง
ประเทศต่างๆ ใน "Coffee Belt" ซึ่งครอบคลุมบริเวณเส้นศูนย์สูตรของอเมริกา แอฟริกา และเอเชีย มีสภาพแวดล้อมที่เหมาะสำหรับการปลูกกาแฟ
ผู้ผลิตกาแฟชั้นนำ ได้แก่ บราซิล เวียดนาม โคลอมเบีย และเอธิโอเปีย
ศิลปะแห่งการต้มกาแฟ การเดินทางจากเมล็ดกาแฟสู่ถ้วยเกี่ยวข้องกับขั้นตอนสำคัญหลายขั้นตอน ซึ่งแต่ละขั้นตอนมีอิทธิพลต่อรสชาติของกาแฟ
หลังจากการเก็บเกี่ยว ผลเชอร์รี่กาแฟจะถูกแปรรูปเพื่อสกัดเมล็ดกาแฟ จากนั้นนำไปทำให้แห้งและคั่ว
การคั่วเป็นรูปแบบศิลปะในตัวเอง โดยมีการควบคุมอุณหภูมิและระยะเวลาอย่างระมัดระวังเพื่อพัฒนารสชาติที่ต้องการ
วิธีการต้มมีความหลากหลายพอๆ กัน โดยแต่ละวิธีมีลักษณะเฉพาะตัว วิธีการยอดนิยม ได้แก่ กาแฟดริป โดยทั่วไปเราสามารถเทน้ำร้อนลงบนเมล็ดกาแฟบดที่มีอยู่ในตัวกรอง
ส่วน เอสเพรสโซ มีต้นกำเนิดมาจากอิตาลี วิธีนี้บังคับให้น้ำร้อนผ่านกาแฟบดละเอียดภายใต้แรงดันสูง ส่งผลให้ได้กาแฟที่เข้มข้น ช็อตเข้มข้น
โคลด์บริว เป็นกาแฟบดแช่ในน้ำเย็นเป็นเวลานาน โดยทั่วไปคือ 12-24 ชั่วโมง ชั่วโมงจึงได้เครื่องดื่มที่นุ่มนวลและเป็นกรดน้อย
เมื่อพูดถึงวัฒนธรรมกาแฟ จะเห็นว่ามีความหลากหลายทั่วโลก สะท้อนถึงขนบธรรมเนียมและประเพณีท้องถิ่น
ในอิตาลี กาแฟมีความหมายเหมือนกันกับเอสเพรสโซ โดยมักนิยมยืนรับประทานที่บาร์ ส่วนในประเทศตุรกี กาแฟจะชงในรูปแบบ Cezve และเสิร์ฟแบบไม่กรอง เสิร์ฟพร้อมกับอาหารตุรกีรสเลิศ
ในสแกนดิเนเวีย มีการบริโภคกาแฟในปริมาณมาก โดยมักรับประทานคู่กับขนมอบในประเพณีที่เรียกว่า "ฟิก้า"
ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา การเพิ่มขึ้นของกาแฟชนิดพิเศษได้เปลี่ยนแปลงอุตสาหกรรม โดยเน้นที่คุณภาพ ความยั่งยืน และการตรวจสอบย้อนกลับ
ร้านกาแฟเฉพาะจะมุ่งเน้นไปที่เมล็ดกาแฟจากแหล่งเดียว เทคนิคการคั่ว บด และชงที่แม่นยำ เป็นการส่งเสริมความชื่นชอบกาแฟในฐานะงานฝีมืออย่างลึกซึ้งยิ่งขึ้น
การเดินทางของกาแฟ จากผลเบอร์รี่ป่าในเอธิโอเปียสู่สินค้าโภคภัณฑ์ระดับโลกตอกย้ำผลกระทบอย่างลึกซึ้งต่อวัฒนธรรมและสังคม
ไม่ว่าคุณจะลิ้มรสกาแฟดริปยามเช้าหรือดื่มด่ำไปกับเอสเพรสโซ่ยามบ่าย จิบแต่ละครั้งจะเชื่อมโยงคุณเข้ากับประวัติศาสตร์ ประเพณี และนวัตกรรมอันยาวนาน.
- 2
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2024 Blockdit
