เครื่องบินสิงคโปร์แอร์ไลน์ ตกหลุมอากาศ บาดเจ็บมากถึง 43.5% และเข้าไอซียู 8.4%

จากเหตุการณ์อุบัติเหตุที่รุนแรงมากครั้งหนึ่งของสายการบินสิงคโปร์แอร์ไลน์ ที่ตกหลุมอากาศเมื่อวันที่ 21 พฤษภาคม 2567 มีรายละเอียดที่น่าสนใจดังนี้
1) เป็นเครื่องโบอิ้ง 777 เที่ยวบิน SQ 321 บินออกจากอังกฤษ ปลายทางอยู่ที่สิงคโปร์
2) ขณะเกิดเหตุ บินอยู่เหนือน่านฟ้าประเทศเมียนมาร์ ที่ระดับความสูง 37,000 ฟุต และตกลงมาที่ 31,000 ฟุต
3) กัปตันเครื่องบิน ได้ติดต่อขอนำเครื่องลงฉุกเฉินที่ประเทศไทยคือ สนามบินสุวรรณภูมิ
4) เที่ยวบินนี้ มีผู้โดยสาร 221 คน และลูกเรือ 18 คน
5) ในจำนวนนี้ มีผู้บาดเจ็บรวมทั้งสิ้น 104 คน คิดเป็น 43.5%
6) เป็นผู้ป่วยหนักมาก ต้องเข้าไอซียู 20 คน คิดเป็น 8.4% และเสียชีวิต 1 คน
7) มีผู้โดยสารที่ต้องเข้ารับการผ่าตัด 14 คน
8) รักษาตัวที่คลินิกของสนามบินสุวรรณภูมิ และกลับบ้านได้ 19 คน
9) มารักษาตัวที่โรงพยาบาล 85 คน แล้วกลับบ้านได้อีก 27 คน เหลือพักรักษาตัวในโรงพยาบาล 58 คน ต้องเข้าไอซียู 20 คน และเป็นผู้ป่วยอยู่ในโรงพยาบาล 38 คน
จัดเป็นอุบัติเหตุร้ายแรงอีกครั้งหนึ่ง สำหรับกรณีที่มีสภาวะอากาศแปรปรวน (Air Turbulence) และเครื่องบินไม่สามารถจะควบคุมได้
ตลอดจนในช่วงเวลาดังกล่าว ผู้โดยสารจำนวนราวครึ่งหนึ่งไม่ได้รัดเข็มขัดนิรภัย จึงทำให้เกิดการลอยตัวขึ้นกระแทกเพดานหรือชั้นเก็บของ
1
จนได้รับบาดเจ็บจำนวนมาก ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นที่กระดูกสันหลังบริเวณต้นคอและหลัง
จึงมีคำแนะนำดังนี้
1
1) ในขณะอยู่บนเครื่องบิน ขอให้รัดเข็มขัดไว้ตลอดเวลา
2) ในกรณีที่มีเหตุจำเป็น ทำให้ไม่ได้รัดเข็มขัด ต้องรีบดำเนินการต่างๆให้สั้นที่สุด ได้แก่
2.1 เมื่อไปทำธุระในห้องน้ำ ขอให้รีบกลับมาที่นั่งโดยเร็ว
2.2 ไม่ควรยืนรอคิวหน้าห้องน้ำ เพราะเป็นจังหวะที่อันตราย ถ้าเครื่องตกหลุมอากาศ
2.3 ไม่ควรลุกขึ้นไปยืนคุยกับเพื่อนผู้โดยสารด้วยกัน
3) ไม่ควรวางข้าวของไว้ระเกะระกะ ขอให้นำไปเก็บบนที่เก็บของเหนือศรีษะทั้งหมด
4) ให้ปฏิบัติตามคำสั่งของนักบินหรือลูกเรือโดยเคร่งครัด
มีรายงานว่า ภาวะโลกร้อนน่าจะส่งผลให้มีภาวะอากาศแปรปรวน จนเครื่องบินประสบอุบัติเหตุเพิ่มขึ้น
โฆษณา