24 พ.ค. เวลา 13:00 • หุ้น & เศรษฐกิจ
ตัวนี้ ผมยังไม่ได้ศึกษาเลยว่าบริษัททำธุรกิจอะไร แต่ว่าเคยมีพี่ที่ผมเคารพรักอีกท่านหนึ่ง เคยให้คำแนะนำไว้ว่า สำหรับคนที่เพิ่งเริ่มลงทุน ยังไม่รู้ว่าหุ้นตัวไหนน่าซื้อ GC ก็เป็นตัวที่น่าสนใจในช่วงเริ่มต้น เพราะรายได้-กำไรก็สม่ำเสมอ ปันผลก็ดี
พี่เค้าให้คำแนะนำกับมือใหม่แบบนี้เสมอว่า เริ่มต้นจากหุ้นแข็งแกร่ง เข้าใจง่าย ที่จ่ายปันผลดีก่อน พอเรามีเงินปันผลเข้ามา ก็น่าจะเป็นกำลังใจที่ดีให้เราศึกษาหุ้นอื่น ๆ ต่อไป
ช่วงแรกอย่าเพิ่งไปเล่นท่ายากมาก ทำให้ simple เข้าไว้
ปล นี่น่าจะเป็นครั้งสุดท้ายที่ผมจะมาพิมพ์อะไรยาว ๆ แบบนี้แล้ว (ผมหวังว่านะ) เพราะตอนนี้ผมเห็น Stage ต่อไปของชีวิต ที่ผมจะต้องทุ่มเทเวลาที่เหลือให้ นั่นคือการกลับไปวิปัสสนาอย่างจริงจัง และหาเวลาที่พอจะว่าง ไปเป็นธรรมบริกร ตามที่ตั้งใจเอาไว้
(อาจจะมีเข้ามาอัพเดทงบรายไตรมาสบ้าง ถ้าอยากทำนะ 555)
ช่วง 3 วันมานี้ ผมได้ลองกลับมาฝึกอย่างจริงจังอีกครั้ง และผมพบว่า "ผมมีความสุขมากเลย" และผมดันกลับมารู้สึกแบบนี้อีกครั้งว่า โลกนี้มีความทุกข์อยู่เยอะจัง แต่ผมไม่ขอเป็นผู้ทุกข์อีกแล้ว ผมเหนื่อยมากเหลือเกิน
บางที เหตุการณ์ต่าง ๆ ที่ผ่านมาตลอดหลายปีมานี้ ที่พบทั้งช่วงเวลาที่สุขมากและทุกข์มาก สลับหมุนเวียนไปแบบนี้ตลอด จนมาวันนี้ ที่ผมได้เห็นเหตุการณ์ที่ชวนให้สงสัยว่า
ความทุกข์ใจที่เราเคยคิดว่ามันแก้ได้ยาก พอตัดสินใจเด็ดขาด สะบั้นมันทิ้งด้วยการปล่อยวาง และไม่คิดจะหวนกลับไปแล้ว ผมกลับพบว่า ความทุกข์เรื่องนี้ มันหายสิ้นไปเลยซะอย่างงั้น
พอเห็นแบบนี้ ผมเลยตีความเข้าข้างตัวเองว่า บางทีนี่อาจจะเป็นสัญญาณที่มาบอกผมว่า ทางเลือกที่เหมาะกับผม คือหนทางนี้นี่แหละ
ตอนนี้ก็เลยคิดว่า เรื่องหุ้นก็คงจะไม่ได้ทุ่มเทอะไรสักเท่าไรแล้ว เพราะผมพอใจกับรูปแบบพอร์ตการลงทุนในปัจจุบันมากเลย ผมคิดว่า ผมเจอ Perfect Portfolio ของตัวเองแล้วล่ะ
ผมคิดว่า ผลตอบแทนที่สมเหตุสมผล เลี้ยงตัวเองและครอบครัวได้ มีเหลือพอเอาไปช่วยเหลือด้านการกุศลบ้างตามกำลัง สำหรับผมก็น่าจะเพียงพอแล้ว
(อาจารย์ของผมสอนว่า เราให้ทาน ไม่ใช่เพราะเราอยากได้บุญอะไรเพิ่มหรอก แต่เป็นการสละเพื่อละกิเลส ละความเป็นตัวฉัน-ของฉันลง)
พอรู้สึกคิดได้แบบนี้ว่า ชีวิตตอนนี้ไม่ได้รู้สึกต้องการอะไรเป็นพิเศษ พยายามจะฝึกให้ตัวเองปล่อยวางได้ต่อทุกเรื่อง (ทำเต็มที่ แต่ไม่ยึดมั่นถือมั่นแล้ว) กลับพบว่า เรารู้สึกสบายใจและมีความสุขกับปัจจุบันขณะมากเลยแฮะ
ผมเป็นคนนึงที่เชื่อเรื่องกฎแรงดึงดูดมากเลยครับ เพราะเรื่องราวของชีวิตตัวเอง พิสูจน์มาแล้วว่า ไอ้เรื่องที่เราเคยฝันไว้ หลายเรื่องสามารถเป็นไปได้แฮะ เช่น
- ผมเคยเป็นคนที่เรียนไม่เก่งเลย เคยเกือบจะโดนไทร์แล้วด้วย (ด้วยเกรดเฉลี่ย 1.36 ในเทอมแรกของปี 1) แต่ผมก็กลายเป็นคนที่เรียนเก่งมาก ได้ทุนเรียนต่อทั้งปริญญาโทและปริญญาเอก เรียนได้ที่ 1 ของรุ่น มีงานตีพิมพ์ด้วยแหละ
1
- ผมฝันอยากมีอิสรภาพทางการเงิน อยากมีซัก 1,000 ล้าน อยากลงทุนให้ Success แบบคุณปู่ Warren Buffett
Success หรือไม่ ไม่รู้ ตอนนี้ถือว่าพอมีอิสรภาพพอจะเลือกเส้นทางชีวิตตัวเองได้บ้างแล้ว ส่วนมากกว่านั้น ตอนนี้ไม่ได้คาดหวัง ถ้าได้ก็คือได้ เป็นกำไรชีวิต เพราะที่มีในตอนนี้ ก็ทึ่งกับชีวิตตัวเองมากพอแล้ว
- เป็นนักอ่านมาหลายปี ก็อยากเป็นนักเขียน แต่พื้นเพที่เรียนมา ดูไม่น่าจะไปทางนั้นได้ แต่ตอนนี้ก็เป็นนักเขียน มีคนอ่านงานเขียนไม่น้อย หลายคนมาบอกผมว่า งานเขียนของผมดี และเป็นประโยชน์กับพวกเค้ามาก
เรื่องนี้ก็น่าทึ่งดี เพราะผมได้กลายเป็นนักเขียนจริงแฮะ
หลายปีก่อน เพื่อนผมยังไม่เชื่อเลยว่า ผมจะเป็นนักเขียนได้
ทั้งหมดที่ผมเชื่อ ผมศรัทธานี้ว่าผมจะทำมันได้ แม้จะใช้เวลาหลายปีกว่ามันจะเป็นจริง แต่ที่ผ่านมา มีน้อยครั้งมากที่ผมคาดหวังถึงมัน ผมแค่ทำ ๆ ไป ไม่ได้ยึดติดว่า ผมจะต้องทำได้ตอนนั้นหรือตอนนี้
ก็แปลกดีนะ พอเราปล่อยวาง เราดันทำมันได้ค่อนข้างดี และมันดันเกิดขึ้นจริง แต่บางเรื่อง ผมคาดหวังมากเกินไป ผมก็เลยไม่ได้รับมันสักที
1
ผมชอบคำนี้จัง
"ทำเต็มที่ แต่ไม่ยึดติดต่อผล
ทำเต็มที่ แต่ก็ปล่อยวางต่อผลลัพธ์"
หวังว่าเรื่องราว การเขียนที่ดูขี้โม้มาร่วมหลายเดือนของผม คงจะพอเป็นประโยชน์ต่อใครที่ทนอ่านจนจบได้ ไม่มากก็น้อยนะครับ
1
ขอจากลาด้วยประโยคที่อาจารย์ของผมกล่าวเสมอหลาย ๆ ครั้ง ตอนไปปฏิบัติธรรม
"ภะวะตุ สัพพะมังคะลัง"
(ขอสรรพมงคล จงมีแก่ท่าน)
โฆษณา