25 พ.ค. เวลา 12:00 • หนังสือ

วิกฤตสุขภาพจิตในยุคสมาร์ทโฟน: บทเรียนจาก 'The Anxious Generation'

ในยุคที่เทคโนโลยีดิจิทัลมีบทบาทสำคัญ สมาร์ทโฟนกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตเด็กและวัยรุ่น แต่พร้อมกับความสะดวกสบาย กลับมีผลกระทบทางจิตใจที่ร้ายแรง 'The Anxious Generation' เป็นหนังสือที่สำรวจและวิเคราะห์วิกฤตสุขภาพจิตในกลุ่มเจเนอเรชัน Z โดยนำเสนอข้อมูลสถิติที่ชัดเจนเกี่ยวกับการเพิ่มขึ้นของภาวะซึมเศร้า ความวิตกกังวล และการทำร้ายตนเอง พร้อมทั้งอธิบายว่าสมาร์ทโฟนเป็นสาเหตุหลักของปัญหาเหล่านี้
กลุ่มเจเนอเรชัน Z คือคนที่เกิดระหว่างช่วงปี 1997 ถึง 2012
1) สมาร์ทโฟนเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดปัญหาสุขภาพจิตในวัยเด็กและวัยรุ่น
การศึกษาของ US National Survey on Drug Use and Health พบว่าอัตราการเกิดภาวะซึมเศร้าในเด็กผู้หญิงเพิ่มขึ้น 145% และในเด็กผู้ชายเพิ่มขึ้น 161% ตั้งแต่ปี 2012"
แนวทางการแก้ไข:
  • จำกัดการใช้สมาร์ทโฟน: ผู้ปกครองควรกำหนดเวลาการใช้สมาร์ทโฟนของเด็ก และส่งเสริมกิจกรรมที่ไม่เกี่ยวข้องกับหน้าจอ เช่น การเล่นกีฬา การอ่านหนังสือ หรือการทำกิจกรรมในครอบครัว
  • สร้างความเข้าใจ: ให้ความรู้เกี่ยวกับผลกระทบของสมาร์ทโฟนต่อสุขภาพจิตแก่เด็กและวัยรุ่น เพื่อให้พวกเขารู้จักการใช้สมาร์ทโฟนอย่างมีสติ
2) การเล่นแบบเสรีช่วยส่งเสริมพัฒนาการที่ดี
ตัวอย่างข้อความอ้างอิง: "การเล่นแบบเสรีช่วยให้เด็กพัฒนาทักษะการเข้าสังคม การอ่านภาษากาย และการสร้างความสัมพันธ์ การใช้สมาร์ทโฟนมากเกินไปทำให้เด็กพลาดโอกาสในการพัฒนาทักษะเหล่านี้"
แนวทางการแก้ไข:
  • ส่งเสริมการเล่นแบบอิสระ: ผู้ปกครองและโรงเรียนควรสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการเล่นได้อย่างอิสระ โดยให้เด็กมีเวลาและพื้นที่ในการเล่นอย่างไม่มีข้อจำกัด
  • ลดการใช้หน้าจอ: ผู้ปกครองควรจำกัดเวลาการใช้สมาร์ทโฟนและส่งเสริมกิจกรรมที่ไม่เกี่ยวข้องกับหน้าจอ เพื่อให้เด็กได้มีโอกาสเล่นและพัฒนาทักษะทางสังคม
3) การใช้สมาร์ทโฟนส่งผลเสียต่อสุขภาพของเด็กในหลายด้าน
การใช้สมาร์ทโฟนทำให้เกิดการขาดการมีปฏิสัมพันธ์ทางสังคม การนอนหลับไม่เพียงพอ การสูญเสียสมาธิ และการเสพติด
แนวทางการแก้ไข:
  • สร้างกิจวัตรการนอนที่ดี: ผู้ปกครองควรกำหนดเวลาเข้านอนที่สม่ำเสมอและห้ามใช้สมาร์ทโฟนก่อนนอน เพื่อให้เด็กได้นอนหลับเพียงพอ
  • ลดการใช้สมาร์ทโฟนในเวลากลางวัน: จำกัดการใช้สมาร์ทโฟนในระหว่างวันเพื่อป้องกันการสูญเสียสมาธิและส่งเสริมการทำกิจกรรมอื่น ๆ
4) ผลกระทบเชิงลบจากสมาร์ทโฟนสามารถแก้ไขได้
การเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างในระดับสังคม เช่น การออกกฎหมายเพื่อปกป้องเด็กในโลกออนไลน์ และการส่งเสริมการเล่นแบบอื่น ๆ ในโรงเรียน เป็นสิ่งที่จำเป็น
แนวทางการแก้ไข:
  • การออกกฎหมายและนโยบาย: รัฐบาลควรออกกฎหมายเพื่อปกป้องเด็กในโลกออนไลน์ เช่น กำหนดอายุขั้นต่ำในการใช้สื่อสังคมออนไลน์ และสร้างระบบการยืนยันอายุที่มีประสิทธิภาพ
  • ส่งเสริมการเล่นแบบเสรีในโรงเรียน: โรงเรียนควรเพิ่มโอกาสในการเล่นแบบเสรีและลดการใช้เทคโนโลยีในการเรียนการสอน เพื่อให้เด็กได้พัฒนาทักษะทางสังคมและการแก้ปัญหา
ในยุคที่สมาร์ทโฟนกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวัน เด็กและวัยรุ่นเจเนอเรชัน Z ซึ่งมีอายุระหว่าง 12 ถึง 27 ปี ต้องเผชิญกับปัญหาสุขภาพจิตที่เพิ่มขึ้นอย่างน่ากังวล 'The Anxious Generation' วิเคราะห์และนำเสนอข้อมูลทางสถิติที่แสดงถึงการเพิ่มขึ้นของภาวะซึมเศร้า ความวิตกกังวล และการทำร้ายตนเองในกลุ่มวัยรุ่น โดยชี้ว่าสาเหตุหลักมาจากการใช้สมาร์ทโฟนอย่างแพร่หลาย
หนังสือเล่มนี้เน้นย้ำถึงความสำคัญของการเล่นแบบเสรีในการพัฒนาทักษะทางสังคมและอารมณ์ของเด็ก พร้อมทั้งเสนอแนวทางการแก้ไข เช่น การจำกัดเวลาการใช้สมาร์ทโฟนและส่งเสริมกิจกรรมในโลกจริง เพื่อสนับสนุนการพัฒนาที่แข็งแกร่งและมีสุขภาพดีให้กับเด็กและวัยรุ่นในยุคดิจิทัล
โฆษณา