25 พ.ค. เวลา 14:27 • หุ้น & เศรษฐกิจ

MAGURO เคาะราคาไอพีโอ 15.90 บาท

จองซื้อ 28-30 พ.ค.นี้ระดมทุนขยายธุรกิจ- หนุนการเติบโต และเสริมแกร่งการเงิน จ่อเทรด 5 มิ.ย. 67
บริษัท มากุโระ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือMAGURO กำหนดราคาเสนอขาย IPO ที่หุ้นละราคา 15.90 บาท เตรียมเปิดให้นักลงทุนจองซื้อ 28-30 พ.ค.นี้ พร้อมเข้าเทรด 5 มิ.ย. 67
บล. ฟินันเซีย ไซรัส  ในฐานะผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย มั่นใจนักลงทุนตอบรับดีเยี่ยม
ชูจุดแข็งเป็นหนึ่งในผู้นำร้านอาการญี่ปุ่นและเกาหลีระดับพรีเมี่ยมแมส ฐานลูกค้าแข็งแกร่ง ศักยภาพการเติบโตสูง
นายสมภพ กีระสุนทรพงษ์ กรรมการผู้อำนวยการ บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) ผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญ เปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้กำหนดราคา  ที่ราคาหุ้นละ 15.90 บาท/หุ้น เปิดจองซื้อระหว่างวันที่ 28-30 พฤษภาคมนี้ และคาดว่าจะเข้าซื้อขายวันแรกในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) กลุ่มอุตสาหกรรมเกษตรและอาหาร (AGRO) ในวันที่ 5 มิถุนายน 2567 ในชื่อย่อหลักทรัพย์ว่า "MAGURO"
ทั้งนี้เพื่อเสนอขายหุ้นไอพีโอ (IPO) จำนวนไม่เกิน 34.06 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) 0.50บาท/หุ้น แบ่งเป็นหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวน 21.46ล้านหุ้น คิดเป็นร้อยละ 17.03 ของจำนวนหุ้นทั้งหมดภายหลังการเสนอขายหุ้นในครั้งนี้ และหุ้นสามัญเดิมที่เสนอขายโดย Holistic Impact Pte Ltd จำนวน 12.60 ล้านหุ้น คิดเป็นร้อยละ 10.00 ของจำนวนหุ้นทั้งหมดภายหลังการเสนอขายหุ้นในครั้งนี้
“MAGURO ถือเป็นธุรกิจร้านอาหารที่มีการเติบโตอย่างโดดเด่น ซึ่งการกำหนดราคา IPO ที่ 15.90 บาทเป็นราคาที่เหมาะสม สอดคล้องกับปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่งของบริษัทฯ ซึ่งมี Brand Portfolio ที่โดดเด่น เริ่มต้นจากแบรนด์ “MAGURO” (มากุโระ) ร้านซูชิและอาหารญี่ปุ่นระดับพรีเมี่ยม ซึ่งเป็นที่ยอมรับของลูกค้ามายาวนานกว่า 9 ปี
และในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา บริษัทฯ สามารถพัฒนาและสร้างแบรนด์ใหม่ได้อีก 2แบรนด์ ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดีไม่ว่าจะเป็น“SSAMTHING TOGETHER” (ซัมติง ทูเก็ตเตอร์)  ร้านปิ้งย่างเกาหลีพรีเมียม และ “HITORI SHABU” (ฮิโตริ ชาบู) ร้านชาบูและสุกียากี้สไตล์ญี่ปุ่นดั้งเดิม
ซึ่งร้านอาหารทั้ง 3 แบรนด์ นี้ สามารถดึงดูดลูกค้าได้ด้วยชื่อเสียงของแบรนด์จากคุณภาพและรสชาติของอาหาร จนทำให้บริษัทฯ มีฐานลูกค้าที่แข็งแกร่ง โดยมียอดผู้ติดตามบน Social Media มากกว่า 500,000 ราย และเป็นกลุ่มลูกค้าที่เป็นสมาชิก (Membership) กว่า 145,000 ราย
ในปี 2566 สมาชิกดังกล่าวสามารถสร้างรายได้ให้กับบริษัทฯ กว่า 54.36%ซึ่งถือว่าเป็นลูกค้าประจำที่สามารถสร้างรายได้ให้กับบริษัทฯ ได้อย่างต่อเนื่อง และเป็นฐานสำคัญสำหรับการสร้างแบรนด์ใหม่ในอนาคตของบริษัทฯ
นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมีการเติบโดที่โดดเด่น ทั้งรายได้และกำไร โดยในช่วงปี 64-66บริษัทฯ มีอัตราการเติบโตเฉลี่ยที่สูงถึง 64.91% และ 96.38% ต่อปี ตามลำดับ ซึ่งเป็นผลทั้งจากการเปิดสาขาใหม่ และการเติบโตจากรายได้ของสาขาเดิม
ในขณะเดียวกัน บริษัทฯ มีศักยภาพในการเติบโตอย่างต่อเนื่องในอนาคต ทั้งจากการขยายสาขาเพิ่มเติมและการเปิดแบรนด์ใหม่ โดยในปีนี้บริษัทฯ ยังมีแผนในการเปิดสาขาใหม่ 11 สาขา ซึ่งจะส่งผลให้ ณ สิ้นปี บริษัทฯ จะมีสาขาเพิ่มเป็นจำนวน 36 สาขา เติบโตขึ้นจาก 25 สาขา ณ สิ้นปีที่แล้ว ซึ่งถือเป็นการเติบโตอย่างก้าวกระโดด
พร้อมกันนี้  มีผู้จัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายอีก 5 แห่ง ได้แก่ บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน), บริษัทหลักทรัพย์ ดาโอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน), บริษัทหลักทรัพย์ ทรีนีตี้ จำกัด, บริษัทหลักทรัพย์ บียอนด์ จำกัด (มหาชน) และ บริษัทหลักทรัพย์ ลิเบอเรเตอร์ จำกัด
#ข่าวหุ้น #ข่าววันนี้ #มากุโระ #MAGURO
โฆษณา