28 พ.ค. เวลา 10:24

note for you

หรือ ทุกข์ทรมารทางร่างกายขึ้นมา ทักษะความสามารถเหล่านี้ก็ไร้ประโยชน์ และโลกทั้งใบก็กลายเป็นเรื่องไร้สาระไปเลยทันที
จึงควรแบ่งสัดส่วนให้ถูก หากว่าเรียนรู้การดำรงชีวิต8ชั่วโมง/วัน ก็ควรจะเรียนรู้วิธีปล่อยชีวิต มากกว่านั้น คือ 9ชั่งโมงขึ้นไป
เช่น เรียน4ชั่ว พัก1ชั่วโมง รวมเป็น 5ชั่วโมงในหนึ่งวัน เราก็ควร ฝึกนั่งสมาธิเจริญสติ 6ชั่วโมง
ต่อเมื่อทำเช่นนี้ วันใดวันหนึ่ง ในอนาคตที่ต้องมาถึง ต่อให้จะเป็นโรคร้ายเเรง ต่อให้ตาบอดหูหนวก หรือต่อให้ทุกข์ทรมารแสนสาหัสก็ตาม เราย่อมปล่อยวางมันได้แน่นอน เพราะเราฝึกด้านการปล่อย โลกมากกว่าด้านการดำรงโลก มายาวนาน
หากทำตามนี้1-2ปีแรก อาจจะยังทำไม่ได้ เนื่องจากชีวิตที่ผ่านมาเราฝึกด้านการดำรงโลกมามาก เมื่อมาฝึกการปล่อยโลกใหม่ๆ ก็ยังสู้ไม่ไหว จำเป็นต้องฝึกไปนานๆ นานจนกว่าเราจะสิ้นลมหายใจ
แล้วมาวัดผลกันที่ลมหายใจสุดท้าย ว่าเราจะปล่อยได้มากแค่ไหน นี่ถึงจะเป็นปริญญาที่แท้จริงของชีวิต
ติดเป็นสันดานความเคยชินของจิตดวงนี้ไปจนถึงชาติต่อๆไป
ไม่เหมือนกับใบปริญญาของโลก ที่เป็นแค่สิ่งสมมุติขึ้นมา เพื่อรองรับคนที่เสียงส่วนมาก คิดว่าเป็นคนมีความสามารถ ทั้งที่ความจริงแล้วอาจไม่ใช่ก็ได้
คนคนนั้น อาจจะทุกข์ทรมาร เดือดร้อนกายใจในทุกๆวันของชีวิต หรืออาจจะมีความรื่นเริงใจ แต่ชอบกระทำในสิ่งที่โหดร้ายต่อผู้อื่น ก็เป็นไปได้
เพราะงั้น สิ่งเหล่านี้มันวัดอะไรไม่ได้ เมื่อชีวิตมาถึงเส้นทางตัน เส้นทางที่ต้องมาถึง ซึ่งคนที่เพลิดเพลินในโลกไม่ได้ตระหนักถึงเลย ไม่เคยคิด ว่าตัวเองต้องตาย ไม่เคยจำช่วงเวลาที่ร่างกายนี้เจ็บปวด แม้ครั้งหนึ่งจะเคยจมน้ำ แม้ครั้งหนึ่งจะเคยโดนรถชน แม้ครั้งหนึ่งจะเคยป่วยจนเกือบตาย เขาเหล่านั้นก็อาจไม่ได้หวนนึงถึง และลืมมันไป
สุดท้าย ก็กลับมาใช้ชีวิตอย่างตามอำเภอใจเช่นเดิม คือเพลินเพลินอยู่กับโลก ใจอยากทำอะไรก็ทำ เห็นกงจักร เป็นดอกบัว ใช้เวลาไปกับสิ่งไม่ดี อย่างไร้คุณค่า ใช้ชีวิตที่มีขีดจำกัดอย่างสิ้นเปลือง
ทำแบบนี้มีแต่จะทำร้ายตัวเขาเอง ไม่เกี่ยวกับผู้อื่นเลย ทุกคนแม้จะอยู่ร่วมกัน ให้ความเกรงใจกัน เมื่อมีชีวิตอยู่ นั่นคือส่วนหนึ่งของการดำรงอยู่เพื่อสันติ แต่ไม่ได้หมายความว่าเราต้องเอาตัวเองไปผูกไว้กับใคร
แม้คนคนนี้จะสำคัญต่อเรามาก แม้คนคนนั้นรักเรามาก แต่หากเราต้องทำร้ายตัวเองเพราะพวกเขาแล้ว ก็เป็นเรื่องที่ไม่สมควร เพราะสุดท้ายแล้ว คนที่แบกรับทุกอย่าง ก็คือตัวจิตของเรานี้
เพราะฉะนั้น ไม่จำเป็นต้องให้ใครมามีอิทธิพลต่อเราในการทำเรื่องไม่ดี ไม่ต้องกลัวว่าใครจะรังเกียจเราหากเราปกป้องตัวเอง
ในเมื่อเบื้องหน้าคือหุบเหว เราไม่กระโดด ก็เพราะเราปกป้องตัวเอง ใครจะว่าเราก็ไม่กระเทือน เพราะนี่คือการปกป้องตัวเอง ปกป้องชีวิต เพื่อนำเวลาที่เหลือ ไปทำประโยชน์ที่แท้จริงให้กับตัวเอง
ประโยชน์ที่สูงสุดของการดำรงอยู่ ประโยชน์ที่เมื่อเกิดขึ้นแล้วเราจะพึงพอใจมากที่สุด และประโยชน์ที่จะทำให้เราพึงพอใจมากที่สุด ก็คือจุดสิ้นสุดของความพึงพอใจ เมื่อหมดความพึงพอใจ ก็จะเกิด ความพอแล้ว ไม่เอาอีกแล้ว นี่คือประโยชน์ที่มากที่สุดต่อตัวเรา
โฆษณา