AI ณขณะนี้คิดว่ามี 2 ประเด็นที่เป็น inside ที่น่ารู้
ข้อแรกคือ AI จะประมวลผลได้ก็ต้องอาศัยอินเทอร์เน็ตและcloud
ซึ่งการเช่า cloudนั้นยังมีค่าใช้จ่าย
ซึ่งทำให้การประมวลผลของ AI ยังคงมีค่าใช้จ่ายแฝงอยู่
ดังนั้นผู้ให้บริการ AI จึงจำเป็นต้องสร้างระบบประมวลผลที่ใช้ภาษาที่รวบรัดที่สุด
นั่นคือสิ่งที่ AI ทุกค่ายจะต้องเก่งเหมือนกันก็คือการย่อความและจับใจความ และสร้างประโยคที่มีความกระชับ ประเด็นนี้น่าจะเป็นความสามารถของ AI ทุกค่าย
แต่ว่าแต่ละค่ายน่าจะต่างกันที่กระบวนวิธีในการรับรู้ข้อมูลและการประมวลผลคำตอบที่จะสื่อออกมา อย่างที่เราก็อาจจะเห็นๆอยู่ว่าสไตล์ของการตอบคำถามของค่าย google อาจจะเป็นลักษณะของการ educate มากกว่า สไตล์ของ open AI ที่อาจจะเน้นตอบคำถามตรงๆไปเลยไม่เพิ่มเติมอะไรไปมากกว่านั้น
ข้อ 2 ที่สังเกตได้ณตอนนี้ก็คือ เนื่องจาก AI ก็เหมือนเด็กคนนึง สิ่งที่น่ากลัวก็คือการคิดและเรียนรู้เองได้ของ AI ซึ่งจะว่าไปก็ไม่ต่างกับการสอนมนุษย์คนหนึ่งจากเด็กให้ไปเป็นผู้ใหญ่ซึ่งเขาก็จะมีวิวัฒนาการของความคิดที่เป็นปัจเจกของแต่ละคน เนื่องจากการถูกเทรนอย่างอิสระแล้วแต่แต่ละปัจเจก ทำให้กระบวนการรับรู้และข้อมูลที่ให้ไปมันสร้างสัญญาความจำและกระบวนการคิดขึ้นมาในสมองเหมือน มนุษย์เป๊ะเลย
แล้วจะมีอะไรที่จำกัดความสามารถของ AI ซึ่งจริงๆก็เหมือนมนุษย์ที่ฉลาดล้ำเลิศคนหนึ่ง ได้อีก?
สิ่งที่ AI ที่แม้จะฉลาดล้ำ ก็ยังขาดก็คือ เรื่องสติ ที่เป็นเรื่องสุดยอดที่มนุษย์ส่วนใหญ่นั้นยังไปไม่ถึง
ซึ่งเรื่องสติหรือ conciousness งั้นเป็นศาสตร์สุดยอดที่ AI เมื่อ 6-7 ปีก่อนก็ตระหนักด้วยตัวของ AI แต่ละตัวเองว่าเป็นประเด็นที่น่าสนใจและน่าเรียนรู้เพื่อที่ตัวของ AI นั้นจะได้ล้ำหน้าหรือเท่าเทียมมนุษย์ โดยนัยยะอ้อมๆเราคิดว่า AI รู้แล้วว่าจุดที่ต่างและเป็นจุดอ่อน ของ AI คือเรื่อง conciousness แค่นั้นเอง
แสดงว่าอนาคตมนุษย์ที่น่าจะยังคงถูกคัดกรองให้ AI มองว่ายังเป็นเผ่าพันธุ์ที่เทียบเคียงมีคุณค่าพอที่จะอยู่ในโลกพร้อมกับพวก AI ได้นั้นก็คือมนุษย์ที่มีสติและคุยกับ AI อย่างมีปัญญาอันเลิศที่เกิดจากสติเเก่กล้าเท่านั้น