29 พ.ค. เวลา 13:00 • การตลาด

Marketing-เมื่อเราเป็นแค่ Want ที่เธอไม่ Need

โดยพื้นฐาน การตลาด (Marketing) คือการค้นหาสิ่งที่คนต้องการ สร้างมันขึ้นมาและนำเสนอสิ่งนั้นไปยังผู้บริโภคเพื่อให้เกิดความพึงพอใจสูงสุด บางคนอาจเรียกสิ่งนั้นว่าคุณค่า (Value) แทนผลิตภัณฑ์ (Product) เพราะหลายครั้งที่เราเห็นว่าบางสิ่งบางอย่างที่ไม่ใช่สินค้าหรือบริการก็มีมูลค่าจนเกิดความต้องการ (demand) ได้ โดยธุรกิจจะนำเสนอคุณค่านี้ไปยังผู้บริโภคด้วยเครื่องมือหลักทางการตลาดที่เรียกว่า ส่วนประสมการตลาด (Marketing Mix) “นี่แหละๆ ๆ” (เสียงพี่เอแคล)
ตอนแรกผมก็ wow กับ concept ของการตลาดมาก ว่านี่มันเป็นกลไกหลักของธุรกิจ ถ้าไม่มีฝ่ายนี้แทบจะไม่เกิดสินค้าหรือบริการขึ้นมาบนโลกใบนี้ เราเป็นผู้สร้าง และพัฒนานวัตกรรม (Innovation) เพื่อให้โลกนี้มี “อะไรใหม่ๆ” (เสียงพี่พัมกิน) ช่วยให้คนทั้งโลกสะดวกสบายนี่นา
เดี๋ยวก่อน มีใครจับประเด็นอะไรจากย่อหน้าแรกได้บ้างไหมครับ..
ใช่ครับ นั่นหมายความว่าจริงๆ แล้วการตลาดไม่ได้สร้างคุณค่าที่ตอบแค่ need ความต้องการพื้นฐานของมนุษย์ให้อยู่ดีมีสุขเท่านั้น แต่เรายังสร้าง want ที่อาจเป็นความต้องการ (ส่วนเกิน) เพื่อให้เกิดความต้องการเพิ่มขึ้นและตอบสนองการทำกำไรของกิจการได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งอาจเป็นต้นเหตุของปัญหาหลายอย่างในสังคมด้วยเช่นกัน เช่น ความเหลื่อมล้ำ หนี้สิน สิ่งแวดล้อม หรือแม้แต่การโจรกรรม
เห็นได้ชัดจากวลี “ของมันต้องมี” keyword ยอดฮิตทางการตลาดช่วงหนึ่ง ถ้าเราจะบอกว่าเป็นหน้าที่ของสังคมที่จะรู้ถูกผิด ประมาณตน ก็หลีกไม่ได้เช่นกันที่จะบอกว่ามนุษย์เป็นสัตว์สังคม ตราบใดที่ยังต้องอยู่ในสังคม พฤติกรรมเลียนแบบหรือความต้องการเป็นที่ยอมรับของสังคมจะไม่มีวันหายไป
อย่างไรก็ตาม เราจะโทษแค่นักการตลาดอย่างเดียวไม่ได้เพราะยุคหลังเราจะเห็นการตลาดที่แสดงถึงความรับผิดชอบต่อสังคมมากขึ้น มันอาจจะถูกเรียกในชื่อกลยุทธ์ทางธุรกิจหนึ่งว่า CSR หรืออาจมาในรูปแบบ campaign การตลาด หรือ vision ของธุรกิจ ที่แสดงถึงความเข้าใจสังคม ความต้องการสนับสนุนสังคม ชุมชน ท้องถิ่น รักษ์โลก รักความเป็นมนุษย์
2
ซึ่งก็อยากจะแอบบอกให้รู้ว่าเทรนด์เหล่านี้ก็มาจากสังคมที่เปลี่ยนไปนั่นแหละครับ เขารู้ว่าเราต้องการอะไร ให้ความสำคัญกับอะไร รู้แม้กระทั่งว่าเรากำลังจะมีแนวโน้มซื้อของแบบไหน ช่วงไหน เวลาเท่าไหร่ เพราะอะไร หรือสำหรับขั้นกว่าแคมเปญการตลาดบางชิ้นสามารถบังคับให้เราเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิตได้ก็สามารถพบเห็นกันทั่วไป (Double Date campaign) นอกจากนี้หากเทียบกับ want ปัจจุบันการตลาดไม่ได้เป็นผู้ตามเทรนด์ แต่เป็นผู้สร้างแทรนด์ให้เกิดความต้องการในสิ่งที่ต้องการขายก็ดูจะเป็นเรื่องปกติที่มีให้เห็นเช่นกัน
แต่สุดท้ายแล้ว การตลาดก็ยังมีข้อดีของมันอยู่ไม่น้อยอย่างที่บอกไป ทั้งการพัฒนานวัตกรรมใหม่ๆให้มนุษย์อยู่สุขสบายมากขึ้น การเข้าใจและตอบสนองความต้องการของมนุษย์ได้อย่างทันที หรือแม้กระทั่งการใช้การตลาดในการร่วมฟื้นฟูโลกใบนี้ให้น่าอยู่มากขึ้น
เราเองที่จะต้องเป็น "ผู้บริโภคที่ชาญฉลาด" มีสติและเข้าใจความต้องการของตัวเองให้มากที่สุด เพื่อทันต่อโลกที่เปลี่ยนแปลงไปอยู่ตลอดเวลา “อย่างมีสติ” การตลาดก็จะเป็นเพียงองค์ประกอบหนึ่งในการทำธุรกิจให้ประสบความสำเร็จด้วยการนำเสนอเพื่อตอบสนองความต้องการและสร้างความพึงพอใจไปยังผู้บริโภคเพียงแค่นั้น
ขอบคุณที่อ่านมาถึงตรงนี้ นี่เป็นบทความแรกที่ตั้งใจเขียนพิเศษใน blockdit เป็นที่แรก ยังไม่มีการโพสในช่องทางอื่นของ "Humanketing-การตลาดแบบมนุษย์"
หากมีข้อติชมประการใดยินดีรับทุกข้อเสนอแนะและคำติชม
เจอกันใหม่บทความหน้า
แล้วเรามาเข้าใจการตลาดในแบบมนุษย์ไปด้วยกันนะครับ
การตลาดแบบมนุษย์
โฆษณา