31 พ.ค. 2024 เวลา 03:51 • ปรัชญา

ความรู้สึกมีคุณค่าในตัวเอง

หลายคนอาจจะเคยได้ยินคำนี้อยู่บ่อยๆ "ความรู้สึกมีคุณค่าในตัวเอง" หรือ "Self esteem" แต่คนไทยอาจจะเอามาใช้พูดสั้นๆ ที่บ่งบอกถึงความมั่นใจในตัวเอง เช่น เสีย self หรือ ไม่ self เลย เป็นต้น
จริงๆ คำนี้มีความหมายต่อการใช้ชีวิตของคนเรามากเลยนะคะ ลองจินตนาการดูนะคะ ว่าหากคนเรารู้สึกไม่เห็นคุณค่าในตัวเอง มันจะเศร้าและหดหู่ขนาดไหน ทำอะไรก็ไม่ดี ทำอะไรก็ไม่สำเร็จ ทำอะไรก็ไม่มีใครเห็นค่า นำมาซึ่งความรู้สึกท้อแท้ สิ้นหวัง จนบางคนอาจจะถึงขั้นไม่อยากมีชีวิตอยู่ เพราะอยู่ไปก็ไม่มีประโยชน์อะไร
แต่ในทางตรงกันข้าม หากเรารู้สึกว่าตัวเราเองมีคุณค่า เห็นค่าในตัวเอง มันจะเกิดพลังอันใหญ่หลวงที่จะทำให้เราทำอะไรบางอย่าง หรือไม่ทำอะไรบางอย่าง โดยที่ไม่ต้องรอการตัดสินจากคนอื่น เราก็จะมีความสุขได้ด้วยตัวเราเอง
กว่าคนๆหนึ่งจะรู้สึกมีคุณค่าในตัวเองได้นั้น ไม่ได้อยู่ๆ ก็มั่นใจขึ้นมาได้เองนะคะ แต่เกิดจากปัจจัยหลายอย่าง ทั้งปัจจัยภายนอกและปัจจัยภายในตัวของบุคคลนั้นๆ เริ่มตั้งแต่วัยเด็กเลยนะคะ เด็กๆ จะไม่รู้หรอกค่ะว่าตัวเองทำอะไรได้ดี หรืออะไรทำได้อะไรทำไม่ได้ เพราะฉะนั้นคนรอบตัวจึงมีบทบาทสำคัญมากในการสะท้อนให้เด็กเห็นว่า อันไหนที่เค้าทำได้ อันไหนที่เค้าทำได้ดี อันไหนทำแล้วคนชอบ คนชื่นชม สิ่งเหล่านี้จะเป็นตัวสะท้อนตัวตนของเด็ก เมื่อเด็กได้สะท้อนตัวเองแบบนี้ซ้ำ ๆ ก็จะทำให้เค้ามองตัวเองเป็นแบบนั้น
เช่นพ่อแม่ที่มักจะให้ลูกทำอะไรด้วยตัวเอง เมื่อเด็กทำได้ ก็จะชมกับพฤติกรรมที่เด็กทำได้ จะส่งผลให้เด็กเรียนรู้ว่า ตัวเค้าทำได้ ก็เปรียบเสมือนการฟัง mindset ให้กับเด็กว่า ตัวเค้า ทำได้ ไม่มีอะไรที่ทำไม่ได้ ถึงแม้จะทำไม่ได้ ก็พยายามเรียนรู้ และฝึกทำได้ เหมือนช่วงแรกของการผูกเชือกรองเท้า แรกๆ เด็กอาจจะทำไม่ได้ ดูเป็นเรื่องยาก งง สับสน แต่หากฝึกทำไปเรื่อยๆ โดยมีพ่อแม่คอยช่วยเหลือ คอยให้กำลังใจ เด็กก็จะเรียนรู้ว่า ทำไม่ได้ในช่วงแรกไม่เป็นไร ก็ค่อยๆ ฝึกไป
แล้วเมื่อไหร่ก็ตามที่เค้าทำได้ เค้าจะรู้สึกภาคภูมิใจในตัวเอง รู้สึกดีกับตนเอง บ่อเกิดขุมพลังให้ตัวเองว่า ตัวเค้า ทำได้ ตัวเค้าก็มีดีเหมือนกัน เมื่อตัวเองมีความเชื่อหรือมี mindset แบบนี้แล้ว เมื่อเจอกับปัญหาอะไร เค้าก็เชื่อว่าเค้าจะผ่านมันไปได้ ถึงแม้จะเป็นเรื่องยาก เค้าก็จะอดทนกับมันได้
และเมื่อไหร่ก็ตามที่เราเชื่อว่าเราทำได้ หรือ มองตัวเองในแง่ดี อารมณ์ที่แสดงออกมาก็จะดีตามไปด้วย จากที่เคยกล่าวไปในบทก่อนๆ ว่า เมื่อไหร่ที่เราคิดในแง่ดี อารมณ์ก็จะดี พฤติกรรมที่แสดงออกมาก็จะดีไปด้วย แต่หากเราคิดแต่เรื่องแย่ๆ อารมณ์เราก็แย่ไปด้วย ส่งผลต่อพฤติกรรมที่แสดงออกมาก็อาจจะแย่ไปด้วยเช่นกัน
มาร่วมสร้างขุมพลังอันยิ่งใหญ่ ด้วยการมองเห็นคุณค่าในตัวเอง
แต่ๆๆๆ บางคนอาจจะบอกว่า ก็เค้าไม่เคยได้รับคำชมจากใครเลย เค้าจะเห็นคุณค่าในตัวเองได้อย่างไร?????? ลองมองตัวเองอย่างเป็นกลาง และลองดูสิคะว่า เรามีดีอะไรบ้าง คนทุกคนมี"ดี" ที่แตกต่างกันค่ะ ไม่ต้องเอามาตรฐานความดีของคนอื่นมาวัดนะคะ บางคนอาจจะเรียนดี บางคนอาจจะเก่งศิลปะ บางคนเก่งคณิตศาสตร์ บางคนเก่งทางด้านการเกษตร บางคนมีความใจดี บางคนรักเพื่อน บางคนความจำดี บางคนตัวหนังสือสวย บางคนทำงานบ้านเก่ง บางคนมีความคิดสร้างสรรค์ บางคนจมูกดี บางคนช่างสังเกต บางคนความรู้รอบตัวเยี่ยม ฯลฯ และอีกมากมาย
เห็นมั้ยคะว่าจริงๆ ความดี ความเก่งนั้น มีมากมายหลากหลายด้านมาก แต่บางครั้งเราจะเผลอใช้ไม้บรรทัดแบบเดียวในการวัด ไม้บรรทัดก็จะวัดคุณภาพของน้ำไม่ได้ ดังนั้นเราจะใช้มาตรวัดแบบเดียว มาวัดตัวเราไม่ได้ค่ะ ลองหาดูนะคะ ว่าตัวเรามีดีอะไรบ้าง มองตัวเองอย่างเป็นกลาง และซื่อสัตย์กับตัวเองนะคะ ว่าเราก็มีดีเหมือนกัน
ที่สำคัญคือ ถ้าเห็นข้อดีของตัวเองแล้ว ลองใจดีกับตัวเอง ยอมรับข้อดีของตัวเองดูนะคะ อย่ารีบปฏิเสธหรือหาเหตุผลมาขัดแย้ง เช่น บางว่าตัวเองตัวหนังสือสวย แต่ก็รีบบอกว่าคนอื่นสวยกว่าอีก หรือคนอื่นก็สวยเหมือนกัน ลดการเปรียบเทียบนะคะ ยอมรับแค่ว่า ฉันตัวหนังสือสวยค่ะ และแน่นอนเราไม่ได้มีดีแค่อย่างเดียวค่ะ เรายังมีอะไรที่เราทำได้ ทำได้ดี อีกหลายอย่างค่ะ สิ่งเหล่านี้แหล่ะค่ะ ที่จะทำให้เราเกิดความภาคภูมิใจในตัวเอง ไม่ต้องรอให้คนอื่นชมนะคะ (ถ้าชมก็ดีไป ก็ยอมรับค่ะ 55)
มาร่วมสร้างขุมพลังอันยิ่งใหญ่ ด้วยการมองเห็นคุณค่าในตัวเอง กันให้ได้นะคะ
โฆษณา