บทเรียนจาก ManUtd Class of 92: สร้างทีมขายให้แกร่งด้วยระบบ ไม่ใช่ซูเปอร์สตาร์
ปี 1995 แมนยูทีมแชมป์เก่าทำเรื่องที่แฟนบอลต้องอึ้งไปทั้งวงการ ด้วยการปล่อยซุปเปอร์สตาร์ออกทีมหลายคนพร้อมกัน
อังเดร แคนเชลสกี้ส์, มาร์ค ฮิวจ์ส และ พอล อินซ์ ทุกคนคือนักเตะระดับอ๋อง เป็นตัวหลักทั้งสโมสรและทีมชาติ ทั้งวงการต่างก่นด่าเฟอร์กี้ กุนซือในตอนนั้นว่า 'เฮียบ้าไปแล้วหรือป่าว'
เฟอร์กี้บอก "กรูจะดันเด็กดาวรุ่งขึ้นมาจากชุดเยาวชนขึ้นมาแทน กรูไม่อยากพึ่งพวกนักเตะซุปเปอร์สตาร์" ซึ่งขัดใจแฟนบอลเป็นอย่างยิ่ง แต่ก็ยังเกรงใจในฐานะที่เฮียแกเพิ่งพาทีมคว้าแชมป์ไปหมาด ๆ
พอนัดแรกเปิดฤดูกาลแมนยูแพ้แอสตันวิลล่าคาบ้าน เท่านั้นแหล่ะ รถทัวร์วิ่งมากองรวมกันที่หน้าโอลด์ แทรฟฟอร์ดทันที เฟอร์กี้เฮียมันบ้าไปแล้ว!
“ทีมเมิงมีแต่เด็ก จะไปชนะใครได้(วะ)" You can't win anything with kids .... อลัน แฮนเซ่น อดีตนักเตะลิเวอร์พูล ทีมคู่รักคู่แค้น ที่ผันตัวมาเป็นนักวิจารณ์ พูดเย้ยออกทีวี
ซึ่งต่อมากลายเป็น 'วรรคทองแห่งประวัติศาสตร์' ที่แฟนบอลเอามาล้อเลียนแฮนเซ่น ถึงทุกวันนี้ ถึงขนาดที่แมนยูผลิตเสื้อเชิ๊ตที่สกรีนคำพูด “ทีมเมิงมีแต่เด็ก จะไปชนะใครได้(วะ)" ขายที่ร้านของสโมสร และส่งไปให้แฮนเซ่นถึงบ้านหลายตัวแล้ว
และเรื่องราวหลังจากนั้นคือตำนาน เพราะทีมเยาวชน Class of 92 นั้นประกอบไปด้วยนักเตะที่ต่อมากลายเป็นตำนานสโมสรถึง 6 คน ได้แก่ ไรอัน กิ๊กส์, แกรี่ เนวิลล์, เดวิด เบ็คแฮม, พอล สโคลส์, นิคกี้ บัตต์ และ ฟิล เนวิลล์
ทยอยขึ้นมาเป็นกำลังหลักของทีม และพาทีมสู่จุดสูงสุดคว้าทริปเปิ้ลแชมป์ ครองแชมป์ยุโรปเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ ด้วยผู้เล่นแกนหลักที่ดันขึ้นมาจากนักเตะดาวรุ่ง พึ่งพาระบบ ไม่พึ่งพาตัวบุคคล
เจ้าของธุรกิจ B2B อย่างเฮียเม้ง ที่ต้องพึ่งพาทีมขายระดับซุปเปอร์สตาร์ เรียนรู้อะไรจากเรื่องนี้บ้าง?
เซลซีเนียร์บางคนสร้างยอดขายได้เยอะ ดูแลลูกค้ารายใหญ่คนสำคัญ ขนาดเจ้าของยังต้องเกรงใจ เพราะเขาคือซุปเปอร์สตาร์ผู้กุมชะตากรรมบริษัทไว้
จะปั้นเซลเด็กดันดาวรุ่งขึ้นมาแทนก็ไม่กล้า เพราะกลัวทำได้ไม่ดีเท่าเซลเก่ามือเก๋า เกิดผิดพลาดอะไรขึ้นมาอาจกระทบถึงรายได้บริษัท โดนบอร์ดเรียกไปด่า
เลยต้องยอมทำใจ ปล่อยให้เซลซีเนียร์ทั้งหลายยึดอำนาจ อยากทำอะไรก็ทำ อยากได้อะไรก็ต้องได้ กลายเป็นเด็กสปอย ก็เพราะบริษัทพึ่งพาตัวบุคคล มิใช่ระบบ
จนเมื่อเฮียเม้งค้นพบว่า โลกนี้มีระบบ Sales CRM เป็น MarTech Platform ที่ช่วยแกะเอา Winning Workflow ที่ฝังอยู่ในหัวเฮีย ออกมาใส่ในระบบได้
เหมือนช่วยโคลนร่างเฮียเม้งออกมาอีกเป็นสิบคน ช่วยเฮียควบคุมการทำงานของเซลทุกคน ให้ทำงานตามที่เฮียออกแบบไว้ ทุกขั้นตอน ไม่มีหลุด ยังกะมีเฮียตามไปออกทริปด้วยทุกครั้ง
ถึงแม้ Workflow ของเฮียจะซับซ้อนและมีหลายอัน ช่วงแรกไปรับโจทย์เก็บ requirement ก็อันนึง พอรับเสร็จก็คิดโซลูชั่นไปเสนอก็อีกอันนึง ขายได้เสร็จต้องติดตั้งก็อีก Workflow นึง ก็ไม่มีปัญหา
เพราะ CRM สามารถ Personalize ระบบ ปรับให้เข้าได้กับกระบวนการทำงของเฮียทุกกระเบียดนิ้ว เซลของเฮียไม่ต้องปรับตัว แต่เป็นระบบที่ต้องปรับตัวเข้ามาบริษัทเฮีย
เมื่อมี CRM เฮียก็สามารถบริหารได้อย่างมีระบบ เซลทุกคนจะรุ่นใหญ่รุ่นเล็ก มือเก๋าหรือดาวรุ่ง ก็ต้องทำงานตามขั้นตอนที่เฮียวางไว้
ใครงอแงไม่ยอมทำตาม หรือกบฎไม่ยอมใช้ระบบ เฮียก็สามารถรู้ได้แบบเรียลไทม์ทุกวัน จับผูก data ที่อยู่ในระบบเข้ากับกระบวนการจ่ายผลตอบแทน เงินเดือน คอมมิชชั่นก็เรียบร้อย
เฮียประกาศกร้าว "อะไรที่มันไม่อยู่ในระบบ CRM ก็ถือว่าไม่เคยเกิดขึ้นละกันนะ" ถึงไปเยี่ยมลูกค้ามา เสนอราคา จนปิดการขายมาได้ แต่ถ้าไม่ใส่ข้อมูลเข้ามาในระบบ เฮียก็ไม่จ่ายค่าคอมให้ ไม่ให้เบิก expense
เวลาผ่านไป Class of 2023 ของเฮียเม้ง ก็ไม่ต้องพึ่งพาทีมขายซุปเปอร์สตาร์อีกต่อไป
เฮียกับทีมบริหารคิดกลยุทธ์ อยากโจมตีจุดไหนก็ใส่แผนเข้าไปในระบบ CRM แล้วสั่ง execute ให้ทีมเซลกองทัพบกบุกไปปฎิบัติตามแผน
วิเคราะห์ดาต้า ตัดสินใจด้วยข้อมูลแบบ data-driven decision ลดการใช้จินตนาการ หาจุดอ่อนของคู่แข่ง ช่องว่างในตลาด ด้วย actionable insights ที่แปรเปลี่ยนเป็นกลยุทธ์
รบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง ในปี 2024 ด้วยระบบ CRM #outsmartthebest
---
📌 ศึกษาข้อมูล Wisible CRM - Outsmart The Best
📌 นัดหมาย Online Demo
#Salesperson #Skillset #SalesCRM #Sales #CRM #SalesPipeline #B2B #CRMSoftware #OutSmartTheBest
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2024 Blockdit
