ข้อสงสัยแรก ทำไมถึงมาใช้ DevOps ?
ต้องบอกก่อนว่าในอดีต การพัฒนาซอฟต์แวร์มักถูกแบ่งออกเป็นสองฝ่ายหลัก คือ ฝ่ายพัฒนา ที่เรียกว่า (Dev) และ ฝ่ายปฏิบัติการ ที่มีชื่อเรียกว่า (Ops)
โดยวิธีการพัฒนาซอฟต์แวร์แบบเดิมนี้มักเกิดปัญหาหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็น
1. การที่สองฝ่ายมักทำงานแยกกัน สร้างการสื่อสารที่ไม่ดี
2. กระบวนการที่ช้าจากการเปลี่ยนแปลงซอฟต์แวร์ที่ต้องผ่านขั้นตอนมากมาย
DevOps จึงถูกพัฒนาขึ้นมา เพื่อให้สามารถแก้ปัญหาเหล่านี้ได้ โดยใช้หลักการและมุ่งเน้นไปที่
1. การทำงานร่วมกัน : DevOps เน้นการทำงานร่วมกันระหว่าง Dev และ Ops
2. การ automatisering : DevOps สนับสนุนการใช้เครื่องมือ automatisering
3. การวัดผล : DevOps เน้นการติดตามและวัดผล
4. การเรียนรู้ : DevOps สนับสนุนวัฒนธรรมการเรียนรู้
หลายคนอาจเริ่มสงสัยแล้วว่า ประวัติและวิวัฒนาการของ DevOps นี้เกิดขึ้นมาได้ยังไง ?
โดยแนวคิด DevOps นี้ เริ่มปรากฏขึ้นในช่วงต้นปี 2000 จากการที่เหล่าผู้เชี่ยวชาญด้าน IT เริ่มตระหนักถึงปัญหาของวิธีการพัฒนาซอฟต์แวร์แบบดั้งเดิม และในปี 2009 คำว่า "DevOps" ถูกใช้ครั้งแรก ในงาน "Velocity Conference" โดย Patrick Debois ซึ่งปัจจุบัน DevOps กลายเป็นแนวทางปฏิบัติที่ได้รับความนิยมอย่างกว้างขวาง องค์กรชั้นนำทั่วโลกต่างนำ DevOps ไปใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการพัฒนาซอฟต์แวร์
ในส่วนของประโยชน์จาก DevOps นั้นมีข้อดีมากมาย คือ :
1. การเพิ่มประสิทธิภาพ DevOps จะช่วยให้องค์กรพัฒนาและ ปรับใช้ซอฟต์แวร์ได้รวดเร็วยิ่งขึ้น
2. การเพิ่มความน่าเชื่อถือ โดย DevOps จะเข้ามาช่วยลด downtime และ outages คือ ระบบบริการที่ไม่สามารถใช้งานได้ หรือ ใช้ไม่ได้อย่างไม่คาดคิด ยกตัวอย่างในบางเหตุการณ์ เช่น เว็บไซต์ปิดตัวลงเพื่อการบำรุงรักษาเป็นเวลา 2 ชั่วโมง
3. เพิ่มความพึงพอใจของลูกค้า : DevOps ช่วยให้องค์กรนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการที่มีคุณภาพดีขึ้น
4. สุดท้าย DevOps ช่วยลดต้นทุนการพัฒนาและการดำเนินงาน
สำหรับเครื่องมือที่ DevOps ใช้นั้น ก็จะเแบ่งเป็น 3 จำพวกด้วยกัน คือ
1. เครื่องมือ automatisering : เช่น Jenkins, Ansible, Chef, Puppet
2. เครื่องมือติดตามและวัดผล : เช่น Nagios, Prometheus, Grafana
3. เครื่องมือ CI/CD : เช่น GitHub Actions, Azure DevOps, CircleC
จากข้อมูลที่ผมอธิบายให้ฟังอาจจะดูไกลตัวเกินไป ผมจะยกตัวอย่างเหตุการณ์ในชีวิตประจำวันให้เข้าใจกันได้ง่ายขึ้นนะครับ เช่น
1. Netflix : สตรีมมิ่งวิดีโอได้ที่ลื่นไหล
2. Amazon : การสั่งซื้อสินค้าสะดวก
3. Google : ค้นหาข้อมูลได้รวดเร็ว
หากทุกคนชอบฟังเรื่องราวไอที ที่ฟังสบายๆ เข้าใจได้ง่าย อย่าลืมติดตาม Avery IT Tech ในทุก ๆ ช่องทางไว้ด้วยนะครับ แล้วพบกันใหม่ในพอดแคสเรื่องหน้า เราจะมาอัพเดตเรื่องราว IT เรื่องไหนรอติดตามกันไว้ได้เลย