2 มิ.ย. เวลา 03:00 • การตลาด

ทำไม iPhone หน้าตาคล้ายเดิม แทบทุกปี อธิบายในมุมการตลาด

เชื่อว่าหลาย ๆ คน ที่ติดตามข่าวสารด้านเทคโนโลยี รวมถึงคนที่เป็นแฟน ๆ ของ Apple น่าจะสังเกตเห็นกันว่า สินค้าของ Apple ที่เปิดตัวใหม่ในแต่ละปี มักมีหน้าตาคล้ายกับสินค้ารุ่นเดิมอยู่เสมอ
ยกตัวอย่างง่าย ๆ คือ iPhone 15 รุ่นปัจจุบัน มีหน้าตาคล้ายกับ iPhone 14 ที่เปิดตัวมาในปีก่อนหน้า
และในขณะที่ iPhone 14 เอง ก็มีหน้าตาที่คล้ายกับ iPhone 13 ที่เปิดตัวมาก่อนหน้านั้นอีก 1 ปี
ทำให้หากเราเห็น iPhone เครื่องหนึ่งวางอยู่บนโต๊ะ เราอาจไม่สามารถแยกได้เลยว่า iPhone เครื่องนั้นเป็นรุ่นเก่าหรือรุ่นใหม่กันแน่ หากไม่ได้มองใกล้ ๆ หรือเห็นรอยบากบนหน้าจอตอนเปิดจอ
แล้วถ้าถามว่าทำไม iPhone รวมถึงสินค้าอื่น ๆ ของ Apple จึงมีหน้าตาที่ไม่ค่อยเปลี่ยนแปลงไป ในแต่ละรุ่น เราจะอธิบายในมุมการตลาดให้อ่านกันในโพสต์นี้..
- ทำ Branding Consistency สร้างภาพลักษณ์แบบ เสมอต้นเสมอปลาย
1
ก่อนอื่น ต้องบอกก่อนว่า Apple คงไม่อธิบายแบบตรง ๆ ว่า ทำไมสินค้าของตัวเองมีหน้าตาคล้ายเดิมทุกปี
แต่ถ้าเรามองในมุมการตลาด และการสร้างแบรนด์ เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับสิ่งที่เรียกว่า Branding Consistency
ซึ่งหากแปลแบบตรงตัว Branding Consistency ก็คือ ความเสมอต้นเสมอปลาย หรือความสม่ำเสมอของแบรนด์ นั่นเอง
โดย Branding Consistency จะมีองค์ประกอบที่ต้องคำนึงถึง ทั้งในด้านภาพลักษณ์ การสื่อสาร รวมถึงการออกแบบ ที่ต้องมีความเสมอต้นเสมอปลายอยู่ตลอด
ลูกค้าต้องได้รับประสบการณ์แบบเดียวกันจากแบรนด์ ไม่เปลี่ยนไปเปลี่ยนมา เพื่อทำให้จดจำแบรนด์ได้ และเกิดเป็น Brand Loyalty ในระยะยาว
ซึ่งการที่ iPhone มีหน้าตาที่คล้ายเดิมในทุกปี ก็จะทำให้ผู้ใช้เกิดความเคยชิน ไม่จำเป็นต้องปรับตัว หรือทำความคุ้นเคยกับ iPhone รุ่นใหม่ แต่อย่างใด
นอกจากเรื่อง Branding Consistency แล้ว ยังมีอีกทฤษฎีหนึ่ง ที่พอจะอธิบายได้ว่าทำไมสินค้าของ Apple จึงมีหน้าตาคล้ายเดิมแทบทุกปี..
- ทฤษฎี “MAYA” สมดุลนวัตกรรมใหม่ กับความคุ้นเคยเดิมของลูกค้า
ทฤษฎีที่ว่านี้มีชื่อว่า MAYA ย่อมาจาก Most Advanced Yet Acceptable
ที่เป็นการหาความสมดุล ระหว่างการพัฒนาสินค้าที่มีนวัตกรรมล้ำ ๆ กับความคุ้นเคยเดิมของลูกค้า
เพราะหาก Apple ออกแบบให้ iPhone มีดิไซน์ และฟีเชอร์การใช้งานที่เปลี่ยนไปอย่างมากในทุกปี
แม้จะดูเหมือนว่า iPhone รุ่นใหม่นั้น มีนวัตกรรมที่ล้ำมาก แต่ก็จะทำให้ลูกค้าเกิดความไม่เคยชินกับ iPhone รุ่นใหม่ไปโดยปริยาย และต้องทำความคุ้นเคย ปรับตัวเข้ากับ iPhone รุ่นใหม่เป็นอย่างมาก
หรือเรียกได้ว่าเป็นการเพิ่ม Learning Curve ให้กับลูกค้า อย่างไม่จำเป็น
ยกตัวอย่างง่าย ๆ หากใครที่เคยใช้ iPhone 12 ซึ่งเปิดตัวเมื่อปี 2020 แล้วเปลี่ยนมาใช้ iPhone 15 ซึ่งเปิดตัวในปี 2023
จะพบว่า หน้าตาของ iPhone ทั้งสองรุ่นแทบจะไม่เปลี่ยนไปเลย ทำให้ผู้ใช้ไม่จำเป็นต้องปรับตัวใด ๆ เข้ากับ iPhone เครื่องใหม่ที่ซื้อมา เพียงแกะออกจากกล่อง ก็ใช้งานได้ทันทีอย่างคล่องแคล่ว
แต่ยังคงได้ประโยชน์จาก iPhone 15 เครื่องใหม่ ที่ทำงานได้เร็วขึ้น ถ่ายรูปได้สวยขึ้น มีฟีเชอร์ใหม่ ๆ เพิ่มขึ้น และมีแบตเตอรี่ที่ใช้งานได้เต็มวัน
อย่างไรก็ตาม ในอีกมุมหนึ่ง การที่ Apple ทำแบบนี้ ก็อาจทำให้ผู้ใช้ iPhone บางส่วนมีความรู้สึกว่า ไม่จำเป็นต้องอัปเกรดอุปกรณ์ของตัวเอง เพราะความแตกต่างมีน้อยเกินไป
ดังนั้น เรื่องนี้อาจกลายเป็นดาบสองคม ที่แบรนด์ต่าง ๆ ต้องพิจารณาให้ดี..
นอกจากทั้งสองเหตุผลนี้ หากเราลองวิเคราะห์ลงไปให้ลึกกว่านั้น จริง ๆ แล้ว การที่สินค้าของ Apple มีหน้าตาคล้ายเดิมในทุกปี
เรื่องนี้ อาจเกี่ยวข้องกับความเก่งของ Apple ในการควบคุมต้นทุนของตัวเองก็ได้
เพราะหาก Apple เลือกออกแบบให้สินค้าของตัวเอง มีหน้าตาคล้ายเดิม คิดง่าย ๆ เท่ากับว่า Apple ก็อาจประหยัดต้นทุนไปได้หลายส่วน เช่น ต้นทุนด้านการออกแบบ การพัฒนา และการผลิต
รวมถึงยังมีต้นทุนอื่น ๆ ที่เรามองไม่เห็นอีกเป็นจำนวนมาก
และที่สำคัญคือ หาก Apple เลือกใช้ชิ้นส่วนแบบเดิม กับสินค้ารุ่นใหม่ ก็จะทำให้เกิด Economies of Scale ที่ยิ่งผลิตมาก ต้นทุนในการผลิตก็จะลดลงไปเรื่อย ๆ
ซึ่งในกรณีนี้ เราจะยกตัวอย่างเป็น iPhone SE รุ่นปี 2022 ซึ่งนับว่าเป็น iPhone ที่มีราคาถูกที่สุดในขณะนี้
หากมองจากหน้าตาภายนอกแล้ว iPhone SE รุ่นปี 2022 จะมีหน้าตาเหมือนกับ iPhone SE รุ่นปี 2020 และ iPhone 8 ที่เปิดตัวมาในปี 2017 แทบจะทุกประการ ต่างกันที่สเป็กภายใน ที่ปรับเปลี่ยนให้ดีขึ้นตามยุคสมัยเท่านั้น
เช่น มีปุ่ม Touch ID, มีหน้าจอขนาดเท่าเดิม, มีกล้องหลัง 1 ตัวเท่าเดิม
และจากการทดสอบของ iFixit พบว่า ชิ้นส่วนหลาย ๆ ชิ้น สามารถนำมาสลับกันได้ โดยเฉพาะหน้าจอ และกล้อง ที่เมื่อสลับกันแล้ว ยังคงสามารถทำงานได้ตามปกติ
และด้วยวิธีการนี้เอง ทำให้ iPhone SE รุ่นปี 2022 กลายเป็น iPhone ที่มีราคาที่ถูกที่สุด ในบรรดา iPhone ทุกรุ่นได้
1
นอกจากนี้ หากเรามาดูกันดี ๆ แล้ว จะพบว่า Apple ใช้วิธีนี้เป็นเหมือนสูตรในการพัฒนาสินค้าใหม่ ๆ ของตัวเองอยู่ตลอด
เช่น Apple Watch ที่หน้าตาเหมือนเดิม นับตั้งแต่ Apple Watch Series 5 จนถึงปัจจุบัน
รวมถึง MacBook Pro, MacBook Air และ AirPods ด้วย
ปิดท้ายด้วยข้อมูลที่น่าสนใจ
สำนักข่าวเทคโนโลยีในต่างประเทศ รายงานว่า iPhone SE รุ่นใหม่ ที่คาดว่าจะเปิดตัวในปี 2025 จะมีการออกแบบตัวเครื่องภายนอก ให้มีหน้าตาคล้าย ๆ กับ iPhone 14 ที่เปิดตัวในปี 2023 แต่มีการปรับการออกแบบบางอย่าง รวมถึงปรับสเป็กให้ดีขึ้น ตามยุคสมัย
ซึ่งก็ไม่แน่ว่า Apple กำลังใช้วิธีนี้ในการจัดการต้นทุน ให้ iPhone SE Gen 4 รุ่นใหม่ สามารถขายได้ในราคาที่ถูกกว่า iPhone รุ่นอื่น ๆ นั่นเอง
1
โฆษณา