20 มิ.ย. เวลา 06:15 • ข่าวรอบโลก
สหรัฐอเมริกา

เงินเงียบของทรัมป์

คดี "เงินเงียบ" ของทรัมป์ นี่เป็นคดีอาญาที่เบาที่สุดในบรรดาคดีอาญา 4 คดีที่เขามีอยู่ในปัจจุบัน
1
ข้อเท็จจริงของคดีมี ย้อนไปเมื่อกว่า 10 ปีที่แล้ว ตอนที่ภรรยาของเขาตั้งท้องลูกชายคนเล็ก ทรัมป์ก็ออกไปจัดทริป one night stand กับดารา(หนังโป๊).
ในช่วงฤดูการเลือกตั้งปี 2559
เพื่อปกปิดเรื่องอื้อฉาว เขาสั่งให้ทนายความของเขา(โคเฮน)จ่ายเงิน 130,000 ดอลลาร์ให้กับดาราหนังโป๊
1
เพื่อให้เธอลงนามในข้อตกลงที่จะหุบปาก ซึ่งลึกลงไปอีก
นอกเหนือจากการจ่ายเงิน 150,000 ดอลลาร์ให้กับผู้หญิงอีกคนและ 30,000 ดอลลาร์ให้กับความปลอดภัยของอาคาร ซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับคดีนี้
1
ต่อมา ก็กล่าวขวัญกันในปี 2560 ในฐานะประธาน เขาได้จ่ายคืนเงินทดรองจ่ายให้กับโคเฮนอย่างต่อเนื่อง
แต่เงินลับๆนั้นไม่ผิดกฎหมาย
แต่เพื่อที่จะประหยัดเงิน ทรัมป์จึงออกใบเรียกเก็บเงินปลอม และใช้เงินทุนในการรณรงค์เพื่อจ่ายเงินในนามของค่าธรรมเนียมทางกฎหมายในการรณรงค์หาเสียง
3
และนี่....เป็นการละเมิด "การปลอมแปลงบันทึกทางธุรกิจ" ซึ่งไม่ใช่อาชญากรรม เป็นคดีแพ่ง เล็กๆ น้อยๆ และอาจเป็นเพียงความผิดทางอาญาได้นิดหน่อยเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม ร่างกฎหมายดังกล่าวยังเกี่ยวข้องกับกฎระเบียบทางการเงินของการรณรงค์หาเสียง
1
มันหมายถึงการแทรกแซง(ทางอาญาใน)การเลือกตั้ง...ซึ่งเป็นความผิดทางอาญา
อัยการแมนฮัตตันกำลังดำเนินคดีในข้อกล่าวหาครั้งล่าสุด ส่วนความผิดอาญา 34 กระทง
1
จริงๆ ก็เหมือนกัน คือ ออกบิลปลอมซ้ำๆกัน 34 ครั้ง จริงๆ ก็มัดรวมเป็นความผิด 1 คดี และโทษจำคุกก็ไม่บวกเพิ่ม
1
แต่ในกรณีนี้ สำหรับอัยการต้องพิสูจน์สองอยู่ประเด็น คือ ...
1. จ่ายเงินจริงและ(กระดาษ)โฆษณาปลอม เรื่องนี้ง่ายๆ หลักฐานก็ชัดเจน อัยการมีประสบการณ์มากมายในการจัดการกับอาชญากรรมแบบนี้อยู่แล้ว
2. เงินถูกใช้เพื่อแทรกแซงการหาเสียงเลือกตั้ง ตรรกะดูเหมือนจะฟังดูดี แต่การพิสูจน์อย่างถูกกฎหมายมันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายๆนะครับ
ไม่ใช่เรื่องง่ายยังไงหรือครับ อย่างแรกเลย ไม่ว่าข้อกล่าวหานี้ซึ่งเปลี่ยนความผิดลหุโทษให้กลายเป็นความผิดทางอาญาจะสมเหตุสมผลหรือไม่
ถือเป็นประเด็นทางกฎหมาย
และโคเฮนตอนนี้ก็ดันเป็นพยานที่ไม่บริสุทธิ์ เพราะเขาหันมาต่อต้านทรัมป์หลังจากที่เขาขัดแย้งกับทรัมป์ในปี 2561 และถูกจำคุก
อย่างไรก็ตามคำให้การของเขาสามารถเชื่อถือได้โดยผ่านคณะลูกขุน
แต่สืบเนื่องจากอิทธิพลของการแบ่งขั้วทางการเมือง คณะลูกขุนเองจะสามารถบรรลุฉันทามติได้หรือไม่
เช่น หากมีแฟนทรัมป์ตัวยงอยู่ในคณะ มันจะเป็นเรื่องที่เข้าใจผิดไหม (นั่นคือ การบิดเบือน และยากที่จะตัดสิน) แน่นอนทั้งหมดมันจะได้รับผลกระทบจากการโฆษณาชวนเชื่อของทรัมป์
1
เมื่อพิจารณาจากการสำรวจความคิดเห็นครั้งก่อนๆ ของสหรัฐฯ มีช่องว่างขนาดใหญ่ระหว่างสัดส่วนของ
ผู้ที่ “เชื่อว่าทรัมป์ก่ออาชญากรรมจริงๆ” และผู้ที่ “เชื่อว่าทรัมป์จะถูกตัดสินลงโทษ”
2
ช่องว่างตรงกลางนั้นมีสาเหตุหลักมาจากความไม่แน่นอนของ คณะลูกขุน
จากการสำรวจ มีประเด็นที่น่าสังเกตในหมู่คณะลูกขุนทั้ง 12 คนมีดังนี้
1. มีผู้ใช้ Truth Social และ X ซึ่งมีแนวโน้มว่าเป็นแฟนทรัมป์ตัวยงมากที่สุด
2. มีผู้อ่าน New York Times 8 คน ยกเว้น 1 คนที่อ่านทั้ง FOX และ NYP ที่เหลือน่าจะเป็นฝ่ายซ้ายซะมากกว่า
อย่างไรก็ตาม คนที่คุ้นเคยกับการเมืองในทำเนียบขาวรู้ดีว่าความขัดแย้งระหว่าง New York Times และ Biden นั้นรุนแรงเอามากๆ
1
และพวกเขาก็วิพากษ์วิจารณ์ได้ทุ๊กกกกกวัน...เป็นเวลาถึงสามวัน (รวมถึงกรณีนี้เขายังเขียนเรื่องดี ๆ เกี่ยวกับทรัมป์อยู่หลายครั้ง)
1
3. สิ่งที่ไม่ได้สะท้อนให้เห็นในตารางรายชื่อ คือคณะลูกขุนได้รับการคัดเลือกจากคนในท้องถิ่นในแมนฮัตตัน
พวกเขาล้วนเป็นคนมีการศึกษาสูงและพวกเขาก็จริงจังเอามาก ๆ ซึ่งมันถูกกำหนดโดยราคาที่อยู่อาศัยและอุตสาหกรรมในแมนฮัตตันเอง
ศาลเลือกบุคคลโดยการสุ่มจากคอมพิวเตอร์ ซึ่งโดยปกติคณะลูกขุนพวกนี้จะโจมตีซีอีโอ ผู้ค้า โปรแกรมเมอร์ และอื่นๆ เป็นประจำอยู่แล้ว.
แน่นอนว่าคำตัดสินก็ไม่อาจเรียกได้ว่าคาดไม่ถึง แต่ระยะเวลาในการตัดสินนั้นสั้นมาก ใช้เวลาไม่ถึงสองวันเท่านั้น
โดยปกติแล้วจะใช้เวลาประมาณหนึ่งสัปดาห์ ซึ่งหมายความว่าคณะลูกขุนมีมติเป็นเอกฉันท์
จริงๆแล้วการตัดสินครั้งนี้ อาจเป็นปัญหาในกลยุทธ์การป้องกันของทรัมป์เอง
อย่างแรก คือ ดันไปโฟกัสผิดที่ และเรื่องขอให้โสเภณีหุบปากแล้วถูกปฏิเสธ แล้วคุณจะจ่ายอะไร จ่ายเพื่ออะไร? สิ่งนี้ทำลายความน่าเชื่อถือของเขาในศาลอย่างมาก
1
สอง คือประเด็นที่สามารถป้องกันได้ นั่นคือจุดประสงค์ของการจ่ายเงิน ทนายความแก้ต่างว่าไม่เกี่ยวข้องกับการเลือกตั้ง เงินเงียบคือเพื่อรักษาความสัมพันธ์ระหว่างทรัมป์กับภรรยาของเขา และเขาไม่ต้องการ ให้ภรรยาของเขารู้
และที่สำคัญ เรื่องตอแหลเมียสำคัญที่ซู๊ดดดดดดด....อื่มมมมม...เหตุผลนี้ค่อนข้างบอบบาง
2
เขาออกไปทำธุระกรรมตอนที่ภรรยากำลังจะคลอดบุตร
แน่นอนว่ามันขึ้นอยู่กับบุคคลคนนั้นด้วย ในสายตาของคณะลูกขุน พวกเขาเห็นได้ชัดว่าทรัมป์ไม่ใช่คนที่ใส่ใจเรื่องนี้ ฮาาาาาาาา
1
ในฐานะคนที่กำลังศึกษาความคิดเห็นสาธารณะอย่างผม การเจาะลึกรายละเอียดเหล่านี้ไม่ใช่ความสนใจของผม ความกังวลหลักของผมก็คือ ผลกระทบต่อความคิดเห็นของประชาชน
ท้ายที่สุดแล้ว หากถูกตัดสินว่ามีความผิด มันจะถือเป็นความผิดทางอาญาที่เบาบางที่สุด (ผู้สูงอายุที่กระทำความผิดครั้งแรกนั้นไม่มีความรุนแรงและมีตัวตน(ขึ้นศาลตามหมายเรียก) ดังนั้นโอกาสที่จะติดคุกจึงมีน้อยมาก อย่างมาก ก็แค่รักษาตัวที่ชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ)
1
แต่ๆๆๆๆๆ การพิพากษาลงโทษไม่ได้หมายความว่าต้องติดคุก และการติดคุกไม่ได้หมายความว่าแพ้การเลือกตั้งนะครับ
แม้ว่าผู้สนับสนุน 4% - 10% ในแบบสำรวจกล่าวว่า เขาก่ออาชญากรรมจริง พวกเขาก็จะไม่ลงคะแนนให้ แต่ ผมไม่เชื่อหรอก.... ฮาาาาา
1
สรุปแล้ว มันขึ้นอยู่กับว่าคำถามในโพล ว่าได้รับการออกแบบอย่างไรซะมากกว่า
ยิ่งกว่านั้นหากกลุ่มศูนย์กลางมีคะแนนเสียงน้อยลง ผู้คลั่งไคล้ก็จะยิ่งคลั่งไคล้มากขึ้นซึ่งจะทำให้พวกเขาได้รับคะแนนเสียงมากขึ้นไปด้วยใช่ไหมล่ะ
แต่สิ่งที่ผู้คนสนใจจริงๆ คือการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ ในความคิดเห็นของสาธารณชน กล่าวคือ ผู้สนับสนุนทรัมป์จะแก้ไขข้อขัดแย้งระหว่างสโลแกนก่อนหน้านี้กับสโลแกนปัจจุบันได้อย่างไร
1
เช่น เคยตะโกนว่า "ขังเขาไว้" แต่ตอนนี้กลับตะโกนว่า "หยุดข่มเหงฝ่ายตรงข้ามทางการเมือง"
ตัวอย่างเช่น เขาเคยตะโกนว่า "กฎหมายและความสงบเรียบร้อย" แต่ตอนนี้เขาตะโกนว่า"ระบบกฎหมายกำลังอับอายและก่อความวุ่นวาย"
ตัวอย่างเช่น เขาเคย "เรียกร้องสิทธิของรัฐ" แต่ตอนนี้เขาเรียกร้องให้ "ศาลรัฐบาลกลางเข้าแทรกแซง"
ตัวอย่างเช่น เขาเคยคุยกันเรื่อง "ค่านิยมของครอบครัว" แต่ตอนนี้เขาคุยกันว่าเรื่อง "การค้าประเวณีเป็นเรื่องเล็กๆ น้อยๆ "
ตัวอย่างเช่น เขาเคยพูดว่า "ทั้ง 3 ลำ ไม่สามารถล่องหนและขับเคลื่อนได้ด้วยตนเอง" แต่ตอนนี้เขาบอกว่า "1 ใน 3 ลำ ไม่สามารถขับเคลื่อนได้ด้วยตัวเอง จึงต้องลากเข้าฝั่ง พร้อมกับอีก 2 ลำที่เหลือ ซึ่งขับได้ตามปกติ"
3
นั่นคือ ตัวอย่างในอดีต...คนที่กล้าพูดความจริงจะถูกเรียกว่าคนร้าย ซึ่งต่างจากการซ่อนเร้นแบบเดิมๆ แต่ในปัจจุบัน นักการเมืองคนไหนจะไม่จ่ายเงินเพื่อปิดปากบ้างหนออออ?
1
และความขัดแย้งนี้สะท้อนให้เห็นในสื่ออนุรักษ์นิยมทุกแห่ง
1
รวมถึงตรรกะที่แท้จริงของคำบางคำที่เคยกล่าวมา
เช่น ทัคเกอร์ คาร์ลสัน กล่าวสรุปว่า "คำตัดสินนี้สร้างความอับอายให้กับระบบกฎหมายที่สมบูรณ์แบบของอเมริกา"
1
โฆษณา