1 มิ.ย. เวลา 16:00 • การเมือง

“เป้าหมายแรก” รัสเซียจะโจมตีโดยตรงเข้ามาใน “ดินแดนของนาโต”

มาตรา 5 จะถูกงัดขึ้นมาใช้?
เมื่อ 30 พฤษภาคม 2024 สถาบันเจมส์ทาวน์ที่ถือเป็นคลังสมองแห่งหนึ่งของอเมริกาได้เผยแพร่บทความที่เขียนโดยคอลัมนิสต์ชื่อว่า “พอล โกเบิล” ซึ่งเขาเป็นอดีตผู้เชี่ยวชาญของกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ด้านกลุ่มประเทศอดีตสหภาพโซเวียตและอดีตนักวิเคราะห์ของซีไอเอ - อ้างอิง: [1]
1
โกเบิลระบุไว้ว่า “หมู่เกาะสวาลบาร์ดของนอร์เวย์” มีความเป็นไปได้สูงที่จะตกเป็นเป้าหมายแรกในการโจมตีโดยตรงของรัสเซียต่อกลุ่มนาโต หากความขัดแย้งระหว่าง “รัสเซีย” กับ “นาโต” ยกระดับขึ้นจากสงครามตัวแทนในยูเครน หลังจากล่าสุดกลุ่มชาติตะวันตกหลายประเทศในยุโรปรวมถึงอเมริกาเองสนับสนุนบอกว่า “ยูเครนสามารถใช้อาวุธของตะวันตกที่ส่งให้โจมตีเข้าไปในดินแดนของรัสเซียได้เลย”
3
เครดิตภาพ: Illustrated by FT / Source: AFP and Getty Images
การวิเคราะห์ของโกเบิลระบุว่า สาเหตุหลักที่รัสเซียอาจเลือกโจมตีที่นี่เพราะ “จุดยืนที่ไม่ชัดเจนของกลุ่มนาโต” เกี่ยวกับสถานะของดินแดนหมู่เกาะสวาลบาร์ดซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของนอร์เวย์แต่มีความคลุมเครือ ที่นี่เป็นเขตปลอดทหารภายใต้เงื่อนไขของ “สนธิสัญญาสปิตสเบอร์เกนปี 1920” ซึ่งได้รับการลงนามโดยประมาณ 50 ประเทศ รวมถึงสหรัฐอเมริกา นอร์เวย์ และฝรั่งเศส
2
  • “สนธิสัญญาสปิตสเบอร์เกน” หรือบางทีก็เรียกว่า “สนธิสัญญาสวาลบาร์ด” เป็นสนธิสัญญาที่รับรองอธิปไตยของนอร์เวย์เหนือหมู่เกาะสวาลบาร์ดโดยสมบูรณ์ อย่างไรก็ตามในทางปฏิบัติอธิปไตยนี้ยังมีเงื่อนไขบางประการและไม่ใช่ว่ากฎหมายนอร์เวย์ทั้งหมดจะมีผลบังคับใช้เหนือดินแดนแห่งนี้ และยังเป็นเขตปลอดทหารอีกด้วย
เนื่องจากสนธิสัญญานี้จึงเกิดความคลุมเครือภายในนาโตเองว่า ในกรณีที่มีการโจมตีโดยรัสเซียเข้ามาในดินแดนแห่งนี้ จะถือว่าเป็นการโจมตีดินแดนของนาโตหรือไม่? เพราะตามมาตรา 5 (การโจมตีสมาชิกนาโตประเทศใดประเทศหนึ่งถือเป็นการโจมตีกลุ่มนาโตทั้งหมด) นาโตสามารถเข้าแทรกแซงได้ทันที รัสเซียรู้ถึงความคลุมเครือในนาโตจุดนี้ และอาจถือว่าการโจมตี “สวาลบาร์ด” มีความเสี่ยงน้อยกว่าการโจมตีกลุ่มรัฐบอลติกอย่างฟินแลนด์หรือโปแลนด์
1
เครดิตภาพ: Google Maps
โกเบิลยกตัวอย่างถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในฤดูร้อนปี 2022 เนื่องจากการคว่ำบาตรต่อรัสเซีย ทำให้รัสเซียไม่สามารถจัดหาอาหารและสิ่งของจำเป็นให้กับชุมชนชาวรัสเซียบนหมู่เกาะสวาลบาร์ดได้ (มีคนรัสเซียอาศัยอยู่ค่อนข้างในสัดส่วนที่เยอะเห็นได้จากป้ายที่เป็นภาษารัสเซียบนเกาะนี้) สภาดูมาของรัสเซียจึงได้ตั้งคำถามถึงอธิปไตยของนอร์เวย์เหนือหมู่เกาะแห่งนี้ว่ามีจริงหรือสมบูรณ์หรือไม่ - อ้างอิง: [2]
หลังจากนั้น “เยนส์ สโตลเทนเบิร์ก” เลขาธิการนาโตซึ่งเป็นชาวนอร์เวย์กล่าวว่าการโจมตีใดๆ ต่อสวาลบาร์ดจะถือเป็นการโจมตีนาโตทั้งหมดและจะทำให้เกิดการตอบโต้ขึ้นได้ อย่างไรก็ตามสมาชิกจำนวนมากของนาโตรวมทั้งสหรัฐอเมริกาไม่ได้มีจุดยืนที่ชัดเจนในสถานการณ์ดังกล่าวครั้งนั้น
1
ชุมชนคนรัสเซียที่ทำอาชีพขุดเหมืองบนเกาะสวาลบาร์ดของนอร์เวย์ เครดิตภาพ: Unusual Traveler
ในสถานการณ์ปัจจุบัน “ปูติน” อาจอยากจะทดสอบความแข็งแกร่งของชาติตะวันตกในสถานที่ที่น้อยคนจะนึกถึง โกเบิลกล่าว ในความเห็นของเขายังมีเรื่องของปริมาณสำรองถ่านหินจำนวนมากบนหมู่เกาะแห่งนี้ที่สามารถผลักดันให้ปูตินก้าวต่อไปได้ ความต้องการถ่านหินระหว่างประเทศกำลังเพิ่มขึ้น และภาวะโลกร้อนที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วบนสวาลบาร์ดทำให้การขุดถ่านหินเพื่อเอาออกมาขายเป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับรัสเซีย
ประเทศในกลุ่มนาโตจำเป็นต้องมีจุดยืนร่วมกันในประเด็นการปกป้องหมู่เกาะแห่งนี้ “การไม่ทำเช่นนั้นมีแต่เพิ่มความเป็นไปได้ที่ปูตินจะกำหนดเป้าหมายต่อหมู่เกาะที่ห่างไกลแห่งนี้เพื่อเป็นก้าวต่อไปในการทำให้ชาติตะวันตกอ่อนแอลง” โกเบิลสรุป
2
บทความต้นเรื่องอ้างอิงได้จากลิงก์ด้านล่างนี้
รัฐบาลนอร์เวย์ยังกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์บนหมู่เกาะสวาลบาร์ด Reuters รายงานล่าสุดเมื่อ 31 พฤษภาคม 2024 ด้วยเหตุนี้จึงเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2016 ที่ทางการนอร์เวย์ได้ปรับปรุงมาตรการรักษาความปลอดภัยของดินแดนแห่งนี้ นอร์เวย์กลัวว่า “ความตึงเครียดระหว่างรัสเซียและตะวันตกอาจขยายไปยังหมู่เกาะดังกล่าว เนื่องจากที่ตั้งทางยุทธศาสตร์และความสนใจที่เพิ่มขึ้นในเส้นทางน้ำมัน ก๊าซ และการขนส่งทรัพยากรที่มีค่าในอาร์กติก” - อ้างอิง: [3]
พื้นที่หมู่เกาะสวาลบาร์ดประกอบด้วยเกาะใหญ่จำนวนสามเกาะและเกาะเล็กเจ็ดเกาะและดินแดนยิบย่อยอื่นๆ ประชากรในหมู่เกาะมีประมาณ 3,000 คน โดยประมาณ 500 คนเป็นชาวรัสเซียที่ทำอาชีพเป็นคนงานเหมืองและชาวประมง เป็นดินแดนปลอดวีซา
เรียบเรียงโดย Right Style
1st June 2024
  • แหล่งข้อมูลอ้างอิง:
<เครดิตภาพปก: Encyclopædia Britannica>
โฆษณา