2 มิ.ย. เวลา 07:44 • หนังสือ

ผสานศึกใน สยบภัยศึกนอก

อาจจะได้เคยอ่านสามก๊กแล้วรับรู้วิธีการใช้คนหลากหลายรูปแบบ แต่ที่หับป๋านี้แตกต่างออกไป
เมืองหับป๋าคือเมืองหน้าด่านสำคัญทางใต้ของวุยก๊ก เป็นด่านแรกที่หันเผชิญกับแคว้นกังตั๋ง เป็นจุดยุทธศาสตร์ หากเสียหับป๋าแล้วพระนครฮูโต๋ก็เหมือนจะตั้งชนกับกังตั๋งตรงๆ คราวโจโฉถอยจากผาแดง ได้ตั้งเตียวเลี้ยวให้เป็นเจ้าเมือง ให้ ลิเตียน งักจิ้น เป็นปลัดเมือง ทั้งสามประจำอยู่เมืองหับป๋า และซุนกวนก็ได้พยายามยกทัพตี แต่ก็ยังไม่สามารถเอาชนะหับป๋าได้
เวลาผ่านไปโจโฉเอาชนะเตียวล่อยึดได้ฮันต๋ง ฝ่ายเล่าปี่เกรงว่าโจโฉจะยกเลยมาตีเสฉวนที่ต้นเพิ่งจะเข้าครองได้ใหม่ด้วย ขงเบ้งถอนฟืนใต้กระทะคืนสามเมืองของแคว้นเกงจิ๋วให้ซุนกวนเพื่อแลกกับให้ซุนกวนยกทัพไปตีหับป๋าอีกครั้ง จะได้ดึงให้ทัพใหญ่ของโจโฉถอยห่างไปจากเสฉวน
เป็นตอนหนึ่งที่เห็นศิลปศาสตร์การใช้คนของจอมคน
ลิเตียน กับ งักจิ้น เป็นแม่ทัพฝีมือดีที่อยู่กับโจโฉมาตั้งแต่แรกเริ่มตั้งตัว โจโฉรู้จักและรู้ใจเป็นอย่างดี เตียวเลี้ยว เดิมเป็นแม่ทัพของลิโป้ เมื่อลิโป้พ่ายแพ้ต่อโจโฉ กวนอูขอโจโฉไม่ให้ประหารเตียวเลี้ยวด้วยเห็นว่าเป็นคนดี มีความกล้าหาญและมีความซื่อสัตย์ หลังจากเตียวเลี้ยวเข้าอยู่ในทีมของโจโฉก็เริ่มแสดงผลงานเป็นที่ปรากฎจนชื่อและชั้นดูเหมือนจะเหนือกว่าทั้งลิเตียนและงักจิ้น ตอนนี้ทั้งสามคนมาทำงานร่วมกันอยู่ที่หับป๋า
แน่นอนว่าคนมาใหม่ที่ก้าวหน้ากว่า ย่อมไม่เป็นที่พอใจของคนเก่า ความไม่ลงรอยจึงเกิดขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ โดยเฉพาะเตียวเลี้ยวกับลิเตียน นี่คือสิ่งที่หลายคนในก๊กหวั่นใจ หากมีศึกภายใน มีหรือจะสู้ศึกภายนอกได้
โจโฉใช้จดหมายฉบับเดียวแก้ปัญหา ด้วยความมั่นอกมั่นใจเหลือเกินว่าจะผสานให้เกิดความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันของแม่ทัพทั้งสามในการสู้ศึกกับซุนกวน
ในขณะที่แม่ทัพแห่งหับป๋ายังตกลงกันไม่ได้ ว่าจะรบนอกเมืองหรือจะตั้งรับในเมือง จดหมายน้อยปิดผนึกถูกส่งด่วนไปหับป๋า ด้วยข้อความสั้นๆว่า “หากซุนกวนยกมา ให้เตียวเลี้ยวกับลิเตียนออกรบ ให้งักจิ้นอยู่รักษาเมือง” ยุทธวิธีสั้นๆจากหัวหน้าก๊ก
ถึงตรงนี้ ข้อความสั้นๆในจดหมายนี้ ควรค่าแก่การนำมาหมกมุ่นครุ่นคิด เพื่อพลิกดูตามความคิดของโจโฉ หากเราอ่านผ่านๆข้อความนั้นจะเข้าใจว่าให้แบ่งงานกันทำ คือให้คนนี้คุมคนออกรบ ให้คนนี้คุมกำลังรักษาเมือง แต่ลองคิดถึงสถานการณ์ที่ซุนกวนยกมามีทหารเป็นแสนคน ในขณะที่เตียวเลี้ยวมีคนเพียงไม่ถึงหมื่น ถ้าจะแยกคนไปตามหน้านอกเมืองและในเมือง ทีมมันจะยิ่งเล็กลงไปอีก ไอที่เสียเปรียบอยู่แล้วก็จะยิ่งเสียเปรียบ รูปการแบบนี้ควรให้รวมกันทำอย่างใดอย่างหนึ่งให้เด็ดขาดมากกว่า
"ให้เตียวเลี้ยวกับลิเตียนออกไปรบ"
เตียวเลี้ยว คงไม่ต้องพูดถึงมาก ทั้งในเรื่องฝีมือ ความกล้าหาญ และ IQ
ลิเตียน การออกรบของเขาในอดีต มักไม่ได้ถูกวางเป็นตัวเอก มักให้ทำงานเป็นคนเบื้องหลัง เช่น เป็นคนคุมเสบียง แต่แม้ไม่เด่น ลิเตียนก็ไม่เคยอิดออด หากทำแล้วส่วนรวมได้ประโยชน์ลิเตียนก็จะทำอย่างเต็มที่ แถมยังเป็นคนที่มีความรอบคอบและรู้ในกลสงคราม
ก่อนนี้คราวที่โจหยินยกทัพไปปราบเล่าปี่ที่ซินเอี๋ย ลิเตียนได้ทัดทานตักเตือนโจหยินไม่ให้ทำการบุ่มบ่ามจนโดนตราหน้าว่าเป็นคนขี้ขลาด ถึงแม้จะถูกทำให้อับอาย แต่ลิเตียนไม่ผูกใจเจ็บ ยังเห็นแก่ประโยชน์ส่วนรวมเป็นหลัก ก็ยังออกไปกับทัพเป็นกองหลังให้โจหยิน
สุดท้ายโจหยินผู้ไม่ฟังคำเตือน ก็ต้องกลศึกของชีซี และต้องเสียเมืองอ้วนเซียให้เล่าปี่
หรืออีกไม่นานหลังจากนั้น ลิเตียนติดตามทัพแฮหัวตุ้นในฐานะหัวหน้ากองเสบียงเพื่อไปปราบเล่าปี่ ก่อนจะเข้าสู่ทุ่งพกบ๋อง ลิเตียนมองภูมิประเทศแล้วคาดเดาแผนการใช้ไฟเผาของขงเบ้งได้ จึงควบม้าขึ้นไปเตือนกองหน้าให้รู้ตัวจนความเสียหายที่เกิดในครั้งนั้นไม่ได้หนักหนาไปกว่าที่เรารับทราบ
การที่โจโฉบอกให้ลิเตียนออกไปรบร่วมกับเตียวเลี้ยวตามจดหมายน้อยก็เพราะมั่นใจว่า เมื่อเข้าที่คับขัน เมื่อถึงแก่เวลา คนที่เห็นแก่ประโยชน์ส่วนรวมมากกว่าส่วนตนอย่างลิเตียนจะยอมละทิฐิมานะของตนและร่วมมือกับเตียวเลี้ยวเพื่อสู้ศึกจนสุดความสามารถ และด้วยความเป็นกล้าแสดงความคิดเห็น กล้าทัดทานหากมั่นใจว่าดี ย่อมเป็นประโยชน์ต่อหน่วยงานมากกว่าคนที่เอาแต่เก็บงำ
"ให้งักจิ้นอยู่รักษาเมือง"
มาที่งักจิ้น นี่คือคนตัวเล็กที่ใจใหญ่ เป็นแม่กองทัพหน้า หัวหน้าหน่วยทลวงฟัน บุกน้ำลุยไฟร่วมกับโจโฉมาตลอด การศึกที่ผ่านมาไม่เคยปรากฏว่าให้อยู่ทำหน้าที่รักษาเมือง
หากคนคนหนึ่งเคยทำหน้าที่อย่างใดอย่างหนึ่งได้ดีเยี่ยม ก็มักจะถูกมอบหมายให้ทำสิ่งนั้นอยู่ตลอดเพราะทำผลงานได้ดี แต่หากพอวันหนึ่งกลับมีการมอบหมายให้คนอื่นมาทำหน้าที่ตรงนั้นแทน ก็ย่อมรู้สึกไม่พอใจเป็นธรรมดา และยิ่งอยากจะทำหน้าที่นั้นให้มันดีสุดๆเพื่อพิสูจน์ตัวว่าไม่มีใครเหมาะมากไปกว่าตน
คำที่ว่า ให้งักจิ้นอยู่รักษาเมือง จึงน่าจะหมายถึงการกระตุ้นให้งักจิ้นเกิดความมุมานะทำในสิ่งตรงข้าม ทำในสิ่งที่ตัวเองถนัด คือการอาสาเป็นแม่กองทัพหน้ามากกว่า
สิ่งที่เกิดขึ้นหลังอ่านจดหมาย ทุกคนรวมใจเป็นหนึ่ง ออกไปรบนอกกำแพงด้วยกันทั้งหมด ลิเตียนรับหน้าที่ไปทำลายสะพาน หลังจากซุนกวนข้ามพ้นแม่น้ำมา ไม่ให้หนีกลับได้สะดวก และคอยช่วยเตียวเลี้ยวรบกระหนาบซุนกวน
งักจิ้น เป็นทัพหน้า ออกรบกับกองหน้าของซุนกวนแล้วทำถอย เพื่อล่อซุนกวนทัพหลวงให้รีบตามข้ามสะพาน แล้วล่วงเข้าไปในพื้นที่กับดัก
เตียวเลี้ยวกับกองทัพม้า เตรียมรุกรบแบบฉับพลันอย่าให้ซุนกวนตั้งตัวได้
ผลของการรบ ซุนกวนแพ้ถอยไปอย่างหมดรูป เกือบถูกจับเป็น ดีว่ามีม้าดีที่กระโจนข้ามสะพานส่วนที่ถูกรื้อทิ้งได้ เหล่าบรรดาแม่ทัพขุนศึกฮ่อก๊กต่างๆถึงกับต้องทิ้งม้า ถอดเกราะ แล้วหนีตายลงน้ำกันจ้าละหวั่น ศึกนี้จึงเป็นการยืดชะลอขอเวลาช่วยให้ทัพใหญ่ของโจโฉจากฮันต๋งเคลื่อนตามมาเสริมได้ทัน และก็รักษาหับป๋าจุดยุทธภูมิไว้ได้
เตียวเลี้ยวโด่งดังยิ่งหลังศึกครั้งนี้ ก็เพราะมีนายและมีเพื่อนร่วมทีมที่ดี
หลายปีหลังจากนั้น สุมาอี้พบเจอสภาวะที่ทีมงานมีความเห็นต่างเช่นเดียวกัน ตอนนั้นตั้งทัพยันอยู่กับขงเบ้ง ฝ่ายขงเบ้งสารพัดจะยั่วยุให้สุมาอี้ออกจากค่ายไปรบ แต่สุมาก็ตั้งมั่นป้องกันค่ายด้วยความอดทน แต่ในค่ายตนเกิดเสียงแตกเป็นรบกับตั้งรับ สุมาอี้หวังจะประสานน้ำใจเหล่าทหารและขุนศึกให้เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน จึงแต่งหนังสือขอพระราชทานราชโองการจากพระเจ้าโจยอยสั่งให้ออกรบ
โจยอยรู้เท่าทันอุบาย ตอบกลับไป ห้ามออกรบ ให้ตั้งรับ เมื่อได้คำสั่งจากองค์จักรพรรดิ์ ความขัดแย้งภายในค่ายสุมาอี้ก็มลายหายลง ทุกคนพร้อมใจกันตั้งรับและป้องกันการรุกรานจากขงเบ้งได้
ราชโองการของโจยอยในครั้งนี้ จุดประสงค์ของมันไม่ต่างจากจดหมายน้อยของโจโฉเมื่อครั้งโน้น ผสานศึกใน สยบภัยศึกนอก
โฆษณา