2 มิ.ย. เวลา 22:32 • ครอบครัว & เด็ก

Ep. 24 > Part 4 ชิงชัง

ชิงชัง หมายถึง การเกลียดชังหรือการเกลียดมาก มีการศึกษาแบบแผนเรื่องสรีรวิทยา กับความเกลียด พบว่า ความเกลียด เป็นประสบการณ์อยู่กับคนที่เกลียดชังเป็นเวลานาน
ขณะที่ความโกรธ สามารถเกิดขึ้นได้รวดเร็ว เช่น โกรธถ้ามีใครทำให้ไม่พอใจ แต่ความเกลียดจะต้องมีข้อมูลมากขึ้นกว่านั้น เพื่อจะเกลียดใครสักคน
it strong
ใช่แล้ว ฉันเกลียด!!!
ทำไมฉันถึงยอมให้ k กลับไปกับอดีตสามี?
ก็เพราะ ฉันรู้อยู่แก่ใจดีอยู่แล้วว่า เงินทุกบาท ทุกสตางค์ที่ซื้อข้าว น้ำมะพร้าว นม ไข่ไก่ ที่ฉันกินตั้งแต่ตั้งท้อง จน k อายุ 1.9 เดือน นมผง ขวดนม จุกนม ผ้าอ้อม เสื้อผ้า ผ้าอ้อมสำเร็จรูป และอื่น ๆ ทั้งหมดมันคือ เงินของครอบครัวอดีตสามี ที่ฉันชิงชัง
หลังจากทะเลาะกับ d อดีตสามี และเขาทำร้ายร่างกายฉัน ต่อหน้าพ่อ แม่เขา ในบ้านของเขาแล้ว ฉันรู้สึกอดสู ไร้คุณค่า ไร้ราคา ไร้เกียจ ต่ำต้อย โดนดูถูก เหยียดหยาม และเหยียบย่ำศักดิ์ศรีของฉัน
คณะจิตวิทยา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (2552) กล่าวถึง ข้อมูลจากการสัมภาษณ์เชิงลึก จากผู้หญิงที่มีประสบการณ์ถูกสามีทำร้ายร่างกาย จำนวน 9 ราย พบว่า เหยื่อมีความเหน็ดเหนื่อย น้อยใจ โกรธแค้น เกลียดชัง ต้องการก้าวออกไปจากความสัมพันธ์ รู้สึกสมน้ำหน้าตนเอง เสียดายเวลา และผิดหวังกับชีวิตที่ต้องตกต่ำ
คืนที่ฉันโดนทำร้ายร่างกาย และจิตใจจากคนรัก ฉันเดินขึ้นไปที่ห้องนอนแล้วนั่งร้องไห้ สายตาจับจ้องที่ตู้ใส่หนังสือสีขาวตัดส้ม ฉันเอาตู้ใบนี้มาด้วยหลังแต่งงาน
จำได้ว่าขณะที่ทำงาน อยู่ ๆ ฉันก็อยากได้ตู้ใส่หนังสือขึ้นมา เลิกงาน ฉันขับรถฯ ไปร้านขายเฟอร์นิเจอร์ แล้วมาประกอบเองที่บ้าน ตอนนั้นฉันดูมีอิสระมากกว่าวันนี้
ฉันร้องไห้ แล้วเอื้อมมือเปิดตู้หนังสือสีส้ม ด้านในมีของส่วนตัวของฉันก่อนแต่งงาน ในนั้นมีน้ำหอม กระเป๋าถือ กระเป๋า Crossbody ทรง Wristlet กระเป๋าสตางค์ รองเท้าแตะ แว่นสายตา แว่นกันแดด นาฬิกาข้อมือ นอกจากหนังสือนิยาย และครีมขัดผิว ทั้งหมดเป็น luxury brand
อดีตฉันใช้เงินซื้อของพวกนี้ไปเท่าไร? แล้วทำไมตอนนี้ฉันถึงไม่มีเงินติดตัวสักบาท? ทั้งยังถูกคนรักทำร้ายร่างกาย ฉันมันน่าสมเพชสิ้นดี
เวลาผ่านไปเพียงไม่นาน คืนนึงฉันบอกกับ d ว่า อยากกลับบ้านป๊า แม่ ที่ต่างจังหวัดสักพัก คิดถึงบ้าน ฉันไม่ได้โกหก ฉันแค่บอกไม่หมด
ฉันตั้งใจแล้วว่า จะไม่กลับมาที่บ้านนี้อีก ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม ขอแค่ไม่ต้องกลับมาที่นี่อีก แลกกับอะไรก็ได้ ฉันยอม และฉันก็แลกจริง ๆ
เพียง 7 วัน ที่ฉันพา k มาอยู่บ้านป๊า แม่ d อดีตสามีโทรศัพท์เข้าหาฉันทั้งวัน โทรเกือบทุก 2 ชั่วโมง เหมือน d รู้เป็นนัย ๆ ว่าฉันจะไม่กลับไปที่บ้านนั้นอีก
การคุยกันแต่ละครั้ง d บอกรักฉัน แต่อีกสักพักเขาก็บอกเลิก และอีกครั้งก็ขู่จะพา k กลับไป ฉันกลัว กังวล และเครียดเหลือเกิน ฉันนอนไม่หลับมาหลายคืนแล้ว
คืนที่ 7 คืนสุดท้าย ความอดทนของฉันก็สิ้นสุดลง จึงบอกให้ d มารับ k กลับบ้านเขาไปได้เลย ฉันตัดสาย เก็บข้าวของ ฉันกอด หอม เล่นกับ k ให้มาก และนานที่สุด คืนนั้นก็ไม่ได้นอนเหมือนทุกคืน แต่คืนนี้ฉันร้องไห้
เช้าตรู่ วันที่ 8 ฉันนำของใช้ k วางไว้ที่หน้าบ้าน ชงนมเตรียมความพร้อมเผื่อลูกนั่งรถฯ นานจะร้องไห้เพราะหิว ประมาณ 7.00 น. d กับพ่อเขา มารับ k พร้อมนำตุ๊กตากระต่ายสีขาว กับไม้ไฟวูบวาบรูปหัวใจสีแดง ส่ายไปมาเรียกร้องความสนใจลูก สายตา k จ้องไปที่ของเล่น การเรียกร้องความสนใจของ d และพ่อของเขาได้ผลเป็นอย่างดี ฉันตัวชา ใจหายวาบ
“ถ้าเอา k ไป เราสองคนขาดกัน” ฉันพูด
ฉันกับ k กอดกันแน่น k กำเสื้อ ใช้นิ้วมือบีบไหล่ฉันเบา ๆ เหมือน k และฉันรู้กันดีว่า วันนี้จะเป็นวันที่เราแม่ลูกต้องจากกันแล้ว แขน ขาของฉันไร้เรี่ยวแรง
“จะทนได้เหรอที่จะห่างจากลูก หวงลูกจะxาย รักลูกขนาดนี้ทนไม่ไหวหรอก”
d พูด ยิ้มแย้ม พรางเดินมากอด และจูบหน้าผากฉัน
d อุ้ม k เดินไปรถฯ ที่จอดอยู่หน้าบ้านฉันอย่างช้า ๆ พรางหันมายิ้มเยาะ มองอย่างผู้มีชัยที่เหนือกว่า
ฉันรีบหันหลังเดินขึ้นห้องนอน กลั้นน้ำตาไม่ไหวแล้ว
ปกติ k ติดฉัน เขาเคยเป็นโคลิคร้องไห้ตั้งแต่ 20.00 น. -4.00 น. ฉันต้องอุ้มเดินไปมาในบ้าน และข้างนอกบ้าน บางคืน d เดินไปด้วย แต่ไม่นานก็ชวนเข้าไปกล่อมลูกในบ้าน เพื่อ d จะได้ดู tv หรือนอนหลับต่อ ฉันก็ไม่ได้ขัดอะไร
เข้าบ้านได้ครู่เดียว k ก็ร้องไห้หน้าตาแดงกร่ำ ท้ายที่สุด ฉันก็ต้องอุ้มเดินไปมาในหมู่บ้านอยู่นานหลายชั่วโมง กว่า k จะหยุดร้องไห้ และหลับ ก็เป็นเวลาเช้าพอดี มีอาการแบบนี้อยู่นานสักพักใหญ่ กว่าหายปกติ
ฉันเข้าห้องน้ำนานไม่ได้ ต้องเปิดประตูห้องน้ำ หรืออุ้ม k ไปในห้องน้ำด้วย ไม่อย่างนั้น k จะร้องไห้เสียงดังมาก แล้วตอนนั้นฉันก็ทนให้ลูกร้องไห้นานไม่ได้ด้วยสิ
ฉันสงสัยเสียจริง เวลานั่งรถยนต์เดินทางกลับบ้าน d จะใช้เวลา 3-4 ชั่วโมงเป็นอย่างต่ำ
k จะร้องไห้หาฉันบ้างหรือไม่ ?
จะมีสักครั้งไหมที่ k งอแง เพราะคิดถึงฉัน ?
หรืออาจจะไม่เคยคิดถึงฉันเลยก็เป็นได้
k อายุเพียง 1.9 เดือน ยังเด็กมาก
เล็กมากพอที่จะลืมฉันในทันทีที่ไม่พบหน้า
น่าน้อยใจจัง ฉันเริ่มริษยา และชิงชัง d ยิ่งขึ้น
“เรามีเรื่องต้องคุยกัน” d กล่าวทันที ที่ฉันรับโทรศัพท์
“ไม่มี” ฉันตอบ พร้อมตัดสายทันที ที่พูดจบ
ประมาณ 18.00 น. ช่วงเย็นวันเดียวกันที่มารับลูก d โทรศัพท์หาฉัน เพื่อคุย หรือจะเรียกอะไรก็แล้วแต่ ฉันไม่มีเรื่องต้องคุยอะไรอีก ฉันตัดสาย
d โทรศัพท์หาฉันบ่อยครั้ง หลายสาย และนานอยู่หลายวัน ฉันจึงตัดสินใจเปลี่ยนหมายเลขโทรศัพท์ ฉันไม่อยากคุย ไม่อยากรับรู้ และไม่อยากได้ยินเสียง
หลายวันต่อมา ป๊า แม่ และฉัน กำลังนั่งคุยกันที่โต๊ะทำงานในห้องรับแขกชั้น 1 ของบ้าน d โทรศัพท์เข้ามาที่หมายเลขของป๊าฉัน
“ขอคุยกับฉันหน่อย” ป๊าตะโกนบอกฉัน ว่าปลายสายพูดว่าอะไร
“ไม่คุยค่ะ” ฉันตะโกนกลับไป คาดหวังให้ปลายสายได้ยินเสียงฉันในทันทีเช่นกัน
“ฉันมีความลับอะไรไม่บอกป๊า แล้วฉันทำอะไรไว้บ้าง ถ้าฉันไม่มารับโทรศัพท์ d จะฟ้องป๊าฉันให้หมดเลย” ป๊าตะโกนบอกฉัน ว่าปลายสายพูดว่าอะไร
“ป๊าวางเลยค่ะ เดี๋ยวเล่าให้ฟังเอง” ฉันตะโกนกลับไป คาดหวังให้ปลายสายได้ยินที่ฉันพูดในทันที เช่นเดิม
“ไม่ฟัง ๆ เดี๋ยวฉันจะเล่าให้ฟังเอง ไม่ต้องโทรศัพท์มาแล้ว ฉันไม่รับ ยังไงก็ไม่รับ” ป๊าบอกปลายสาย แล้วป๊าก็วางสายทันที
ช่วงนี้ d ไม่ได้โทรฯ มารบกวนทางโทรศัพท์หมายเลขของป๊าแล้ว แต่เปลี่ยนช่องทาง เป็นทางเพื่อนเสียส่วนมาก ฉันจึงเลิกคบเพื่อนทุกคนที่รู้จัก d เวลาผ่านไปนานวันเข้าฉัน และเพื่อนก็ทยอยกลับมาคุยกันเหมือนเดิม แต่ฉันไม่เหมือนเดิมแล้ว ต้องขอโทษเพื่อนทุกคนด้วย
ฉันทุกข์ทน ร้อนรน โศกเศร้า กับความคิดถึงนานหลายปี
เกือบทุกคืนจะสะดุ้งตื่นทุก 2 ชั่วโมง ตามเวลาป้อนนม
จมูกได้กลิ่นตัว กลิ่นนมผงของลูกตลอดวัน
หลายครั้งที่เห็นเด็กวิ่งหกล้ม หรือเกิดอุบัติเหตุ ฉันพุ่งตัวไปรับเด็กอย่าทันท่วงที พ่อ แม่เด็กขอบคุณฉันกันยกใหญ่
ฉันยิ้มรับรีบหันหลังเดินกลับไปที่นั่งเดิม และร้องไห้ในใจ
บางวันที่ฉันอยากร้องไห้ ฉันมักจะร้องไห้บนห้องนอน ในรถยนต์ขณะขับไปหาเพื่อนหรือไปที่ต่าง ๆ ร้องไห้ในห้องน้ำ ในวันที่ต้องไปเรียน ไปทำงาน อยู่บ้านเพื่อน ไปร้านอาหาร
ห้องน้ำเป็นตัวช่วยของฉันได้เป็นอย่างดี น้ำตา และเศร้าทุเลาลง ฉันก็ออกจากห้องน้ำทำกิจกรรมเดิม ด้วยหน้าตาที่เรียบเฉยเหมือนปกติ
ทุกคนบอกฉันเข้มแข็งมาก ไม่จริงเลย ฉันแค่กำลังพยายาม
คืนไหนที่นอนหลับได้ ฉันก็ยังจะฝันเรื่อง d ที่พรากลูกรักของฉันไป ความเสียใจก็เข้ามากระทบจิตใจของฉันอย่างฉับพลัน ฝันร้ายวนไปมาแบบเดิมซ้ำ ๆ
เมื่อตื่นจากฝัน ฉันค่อนข้างหดหู่ และเศร้าหมอง จิตใจขุ่นมัว เป็นแบบนี้นานทีเดียว
เดือนเกิดของลูก ฉันจะเจ็บหน้าอก เหม่อลอยหนักกว่าทุกวัน
ถึงเดือนที่ d พรากลูกไป ความสุขที่ฉันพยายามสร้างมันขึ้นมาอย่างมุ่งมั่น มักจะลดลงเสมอ และอารมณ์ฉันจะสวิงบ่อยครั้ง มีอาการแบบนี้นานอีกหลายปี
จนฉันเริ่มจะชิน
บ่อยครั้งฉันซื้อเสื้อผ้า เล่นกับลูกเพื่อนสนิท กอด หอม อุ้ม เพื่อบรรเทา แบ่งเบาความคิดถึงของฉันที่มีต่อลูก
ฉันคาดหวังว่าเวลา และหลาน ๆ ของฉัน จะเยียวยาจิตใจที่บอบช้ำของฉันได้บ้าง วิธีนี้ก็ได้ผลดีอยู่ไม่น้อย
15 ปี ผ่านมาแล้ว อาการเหล่านี้ไม่ได้หายไปไหน ยังคงอยู่ ฉันยังมีอาการอยู่ ฉันยังรู้สึกเจ็บช้ำอยู่ แต่ก็เลือนรางลงเรื่อย ๆ ตามกาลเวลา
มันเป็นเสมือนเแผลเป็นใหญ่ ๆ ในใจฉัน
เมื่อไรมีคนมาสะกิดใจ มาจี้ใจดำ ฉันก็เจ็บ
ฉันเคยอิจฉา d ที่ได้อยู่กับลูกที่ฉันรัก ที่เป็นเลือดเนื้อของฉัน
ฉันริษยา d ที่มีช่วงเวลาดี และไม่ดีกับลูก ได้เห็นพัฒนาการ ได้ดูการเจริญเติบโตแต่ละช่วงวัยของเขา
ในขณะที่ฉันทำได้เพียงตามแอบดูลูกทาง social network ของ d และพวกแฟนใหม่ของเขาเท่านั้น
ฉันทั้งแค้นเคือง ริษยา และชิงชัง
ฉันเคยอยากทำร้าย d กลับบ้าง อยากฟ้องร้อง อยากทวงสิทธ์ แต่ฉันไม่อยากให้ลูกอยู่ในจุดนั้น
ถ้ามองกันในแง่ดีการที่ k อยู่กับฝั่งพ่อของเขา k จะมีความเป็นเด็ก สนุกตามวัย มีเพื่อนเล่นพ่อเขาจะเป็นเพื่อนเล่นของ k ได้เป็นอย่างดี ไม่มีการกดดัน และมีอิสระ
แต่ถ้าอยู่กับฉัน ๆ อาจจะให้สิ่งพวกนั้นกับเขาได้ไม่มากนัก เพราะฉันต้องทำงาน ฉันเสียเวลาในชีวิตมานานเพียงพอแล้ว ฉันจึงต้องจริงจัง ไม่มีเวลาให้เสียอีกแล้ว
ฉันตระหนักดีว่า ถ้าฉันชิงชัง d มากกว่านี้ d จะมีคุณค่าเกินจำเป็น ฉันเลือกวิธีแก้แค้น d ด้วยการพัฒนาตัวเองให้ดีขึ้นจน d ดูต่ำต้อยไปเองน่าจะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด
วันนี้ 15 ปีผ่านไป d อยู่ที่เดิม เหมือนเดิม ร่างกายโรยลา ดูมีอายุขึ้นมาก จนฉันแอบเหน็บเมื่อเจอกันว่า "เวลาก็ทำร้ายเธอเนอะ"
d ได้เสียชีวิตลงจากโรคประจำตัว เมื่อปีที่แล้ว ฉันจึงคิดว่าปีนี้ 2024 เป็นเวลาที่ดีในการอภัย จบความชิงชังที่ฉัน และ d ช่วยกันก่อขึ้น
ฉันไม่โทษว่าเป็นความผิดใครเป็นพิเศษ
ฉันสิ้นสุดความชิงชัง d ทำบุญ ใส่บาตร กรวดน้ำ สวดมนต์แผ่เมตตาให้เสมอ
ฉันเลือกอโหสิกรรมแก่ d เพราะ ฉันกลัวเหลือเกินที่จะต้องเจอกันในชาติหน้าอีก
20.10
ทรงศรี
โฆษณา