4 มิ.ย. เวลา 08:53 • ไลฟ์สไตล์
ฟินแลนด์

ทำไมฟินแลนด์จึงเป็นประเทศที่มีความสุขที่สุดในโลก

ฟินแลนด์เป็นอีกหนึ่งประเทศที่ใครหลายคนชื่นชอบ ด้วยทัศนียภาพและบรรยากาศที่สวยงามน่าไปท่องเที่ยว แต่ทราบหรือไม่ว่าประเทศนี้ไม่ได้มีเพียงแต่ความสวยงามเท่านั้น แต่ยังถูกจัดให้เป็นประเทศที่ประชาชนมีความสุขที่สุดในโลกอีกด้วยค่ะ ท่านผู้อ่านสงสัยไหมคะว่า ทำไมฟินแลนด์จึงเป็นประเทศที่มีความสุขที่สุดในโลก อะไรคือเคล็ดลับของชาวฟินแลนด์ที่ทำให้ประเทศของพวกเขาติดอันดับ 1 ในการจัดอันดับถึง 7 ปีซ้อน และไทยเรียนรู้อะไรจากฟินแลนด์ได้บ้าง มาร่วมหาคำตอบในบทความนี้กันค่ะ
ประเทศฟินแลนด์ ที่มา: เว็บไซต์ Techsauce
ประเทศฟินแลนด์ ที่มา: เว็บไซต์ Visit Finland
เนื่องด้วยการเฉลิมฉลอง 70 ปี การสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตไทย-ฟินแลนด์ กระทรวงการต่างประเทศได้จัดการบรรยายสาธารณะในหัวข้อ “Why Finland is the Happiest Country in the World (for 7 consecutive years)” หรือ “ทำไมฟินแลนด์จึงเป็นประเทศที่มีความสุขที่สุดในโลก” โดยได้รับเกียรติจาก นายบิลเล ตาบีโอ รัฐมนตรีด้านการค้าต่างประเทศและการพัฒนา กระทรวงการต่างประเทศฟินแลนด์ มาบอกเล่าเคล็ดลับความสำเร็จของฟินแลนด์ค่ะ
องค์การสหประชาชาติเผยแพร่รายงานความสุขโลก (World Happiness Report) ปี 2567 ระบุว่าฟินแลนด์ได้คะแนนเป็นอันดับ 1 ที่ 7.741 คะแนน จาก 143 ประเทศทั่วโลก โดยพิจารณาจากตัวแปรทั้ง 6 ประการ ได้แก่ GDP ต่อหัว (GDP per Capita) การสนับสนุนทางสังคม (Social Support) อายุไขของการมีสุขภาพที่ดีโดยเฉลี่ย (Healthy Life Expectancy) เสรีภาพ (Freedom) ความเอื้ออาทรต่อกัน (Generosity) และการปลอดทุจริต (Freedom of Corruption)
บรรยากาศภายในงานการบรรยาย ที่มา: กระทรวงการต่างประเทศ
นายบิลเล ตาบีโอ กล่าวว่า ในประเทศฟินแลนด์ “ความสุขเป็นเรื่องของนโยบายรัฐ” เพราะความสุขหลายประกายไม่ได้เกิดขึ้นได้ด้วยตัวเอง ความสุขจึงควรเป็นเป้าหมายเชิงนโยบาย ซึ่งโครงสร้างพื้นฐานที่เอื้อให้เกิดความสุขของชาวฟินแลนด์นั้นประกอบด้วยหลายอย่าง ดังนี้
“หลักธรรมาภิบาล” (Good Governance) หรือ หลักการบริหารจัดการที่ดี ถือเป็นใจกลางของความสุข โดยเกิดจากการมีหลักนิติธรรม (Rule of Law) ที่ให้สิทธิกับทุกคนอย่างเสมอภาคภายใต้กฎหมาย ทุกคนถูกปฎิบัติอย่างเท่าเทียมกัน รวมถึงรัฐบาลทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้ชาวฟินแลนด์มีความเชื่อใจในระบบการเมืองที่มีความยุติธรรม และมีการตรวจสอบที่ช่วยขัดขวางไม่ให้เกิดการทุจริต
“เสรีภาพในการแสดงออก” (Freedom of Expression) ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า เสรีภาพถือเป็นส่วนสำคัญต่อการส่งผลต่อความสุข ซึ่งชาวฟินแลนด์ให้ความสำคัญกับสิ่งนี้เป็นอย่างมาก โดยเฉพาะสื่อของฟินแลนด์ที่มีอิสระในการนำเสนอข่าวและข้อเท็จจริงได้อย่างเต็มที่
“ความเป็นธรรมและความเสมอภาค” (Fairness and Equality) ถือเป็นองค์ประกอบสำคัญของความสุข โดยฟินแลนด์ให้ความสำคัญกับความเป็นธรรม ความเสมอภาค สวัสดิการขั้นพื้นฐานของประชาชน รวมถึงความเท่าเทียมทางเพศ (Gender Equality) ซึ่งผู้หญิงและผู้ชายมีสิทธิเท่าเทียมทั้งในบ้านและที่ทำงาน
“การมีสมดุลชีวิตทำงาน” (Work-Life Balance) ฟินแลนด์ให้ความสำคัญกับทั้งการทำงานและชีวิตส่วนตัว เนื่องจากเชื่อว่าการมีเวลาว่างจะช่วยให้คนสามารถแสวงหาความสุขของตนและแสดงศักยภาพออกมาได้อย่างเต็มที่ รัฐบาลจึงสนับสนุนชั่วโมงการทำงานที่สมเหตุสมผล มีความยืดหยุ่น รวมถึงการลาเลี้ยงดูลูกของทั้งพ่อและแม่ และการทำงานทางไกล
“การเริ่มต้นที่เสมอภาค” (Equal Start) รัฐบาลฟินแลนด์เน้นย้ำว่า ชาวฟินแลนด์ทุกคนต้องมีความเสมอภาคตั้งแต่แรกเกิดในทุกๆ ด้าน ยกตัวอย่างเช่น เด็กทุกคนได้รับเงินสนับสนุนตั้งแต่แรกเกิด และการศึกษาที่ฟรีตั้งแต่ระดับเตรียมอนุบาลจนถึงระดับมหาวิทยาลัย
“ความใกล้ชิดธรรมชาติ” (Closeness to Nature) เป็นที่น่าสนใจว่าชาวฟินแลนด์มีความผูกพันธ์กับธรรมชาติเป็นอย่างมาก โดยประชาชนกว่า 80% กล่าวว่า ป่ามีความสำคัญกับพวกเขา แม้คนที่อาศัยอยู่ในเมืองก็สามารถเข้าถึงป่าได้ในระยะเวลาอันสั้น เนื่องจากการมีป่าถือเป็นการรับประกันความสุขในอนาคต ว่าประชาชนจะยังสามารถเข้าถึงแหล่งน้ำสะอาด อากาศสะอาด และธรรมชาติที่ปราศจากมลพิษได้
และสิ่งสุดท้าย คือ “เสรีภาพในการตัดสินใจ” ในฟินแลนด์ โดยชาวฟินแลนด์เชื่อว่าเราไม่ควรหวาดกลัวการตัดสินใจที่ผิดพลาด เพราะความผิดพลาดไม่ใช่สิ่งที่จะทำให้เราประสบกับความล้มเหลวในชีวิต ซึ่งความเชื่อนี้ทำให้ชาวฟินแลนด์มีอิสระที่จะสำรวจและค้นหาเส้นทางเดินของตัวเอง
นายบิลเล ตาบีโอ กล่าวทิ้งท้ายว่า สภาพอากาศที่หนาวเย็นของฟินแลนด์ส่งผลต่อทัศนคติของชาวฟินแลนด์ ทำให้พวกเขามีความถ่อมตัว อีกทั้งฟินแลนด์ยังมีปรัญชาการใช้ชีวิตที่โด่งดังอย่างคำว่า “Sisu” (ซิสุ) ที่หมายถึง การมีความอดทน บากบั่น พากเพียร อย่ายอมแพ้ ไม่ว่าจะต้องเผชิญหน้าเรื่องอะไรก็ตาม
สำหรับประเทศไทยนั้น ถูกจัดให้เป็นประเทศที่มีความสุขที่สุดในโลกอันดับที่ 58 จาก 143 ประเทศ จากรายงาน World Happiness Report ประจำปี 2567 ซึ่งขยับขึ้น 2 อันดับจากปี 2566 โดยอยู่ในอันดับที่ 7 เมื่อเทียบกับประเทศอื่นในเอเชีย และอันดับที่ 4 ในอาเซียน
เมื่อหันมามองประเทศของเราเอง แม้ประเทศไทยจะยังไม่ได้ถูกจัดให้อยู่ในลำดับต้นๆ ของรายชื่อประเทศที่สุขที่สุดในโลก แต่เมื่อมองดีๆ เราจะพบได้ว่าประเทศไทยเองก็มีองค์ประกอบหลายอย่างที่สามารถนำมาซึ่งความสุขได้เช่นกัน ไม่ว่าจะเป็น ความอุดมสมบูรณ์ของอาหาร ป่าไม้ แหล่งน้ำ ศิลปวัฒนธรรมที่เป็นเอกลักษณ์ สถานที่ท่องเที่ยวที่หลากหลายและงดงาม รวมถึงมิตรไมตรีที่คนไทยมักหยิบยื่นให้แก่กันเสมอในยามที่ลำบาก เห็นได้ว่าความสุขเกิดขึ้นได้จากสิ่งต่างๆ รอบตัว แล้วท่านผู้อ่านล่ะคะ คิดว่าความสุขเกิดจากอะไรได้บ้าง
แน่นอนว่าประเทศไทยของเรายังมีอีกหลายอย่างที่ต้องพัฒนาให้ดียิ่งขึ้น แต่ดิฉันเชื่อว่าถ้าทุกฝ่ายตั้งเป้าหมายและทำงานร่วมกันอย่างจริงจัง รวมถึงเรียนรู้จากคนในประเทศอื่นๆ อย่างเช่นชาวฟินแลนด์แล้ว ประเทศไทยก็น่าจะสามารถพัฒนาจนกลายเป็นประเทศที่มีความสุขมากขึ้นสำหรับทุกคนได้อย่างแน่นอนค่ะ
โฆษณา