4 มิ.ย. เวลา 13:32 • ความคิดเห็น
ที่จริงมันก็เหมือนดีนะ แต่ที่เราทำ มันเชื่ออารมณ์ ที่ปรุงแต่ง แล้วกายยึดอารมณ์นั้น มันก็เหมือนปิดกั้นตัวเราเองทั้งนั้น เหมือนว่า คนนั้นคนนี้ เป็นอย่างนี้นอย่างนี้ มันเกิดที่ตัวเรา แล้วก็ยึดมัน เหมือนว่า เวลานี้ ควรจะออกไปทำอะไร ไปออกกำลัง ก็ต้องไปเจอะเจอคนนั้นคนนี้ คนอื่นไม่เห็นใจเรา
ถ้าเราไม่ออกไป พบปะเจอะเจอ พูดคุย ทักทายกัน มันจะรู้จักใจเค้าใจเราได้อย่างไร จะให้เค้ามาเข้าใจ เดาใจเรา อย่างนั้นหรือ แต่นั่นแหละ เป็นสิ่งที่เราจะมองเห็น สิ่งขวางกั้นตัวเรา หรือไม่ มัวไปกอดอารมณ์นึกคิดแบบนี้ทำไม บางที่เราก็รู้นี่ ถามและเถียงอารมณ์ตัวเองบ้าง ไปออกกำลังให้มันเหนื่อย เหงื่อออกเสียบ้าง ทิ้งอารมณ์ที่ผ่านไปเสียบ้าง อารมณ์ที่เราเขียนมาระบายมา เราแยกแยะเอา แบบไหนดี แบบไหนไม่ดี ไม่ดีเราก็ทิ้งมันไป มันไม่มีอะไรจะเป็นไป หรือ เราแก้ไข คนอื่นเค้าได้ เราต้องแก้ไขที่ตัวเอง
สิ่งที่เราระบายเขียนมา มันเหมือนคนที่ว่า รู้ว่าไม่สบาย รู้ว่าทุกข์ ก็กอดทุกข์กอดอารมณ์นึกคิดนั้นอยู่ได้ มันก็คอยปั่นตัวเราให้จม ให้ดูดลงไปในกระแสน้ำวน ..มันดูดลงไปเรื่อย มันมีความสุขในสิ่งที่เกิดขึ้นที่ตัวเรา เราก็ต้องช่วยตัวเอง ออกจากกระแสน้ำวน มันต้องฝืนอารมณ์ความรู้สึก ต้องทำใจมันให้แข็งแรง ฝืนอารมณ์นั้น ขึ้นมาจากบ่อน้ำวน
เรื่องเราค่อยทำ ไม่ต้องรีบร้อน ค่อยแก้ไข ที่ตัวเรา ในตัวเรามันก็มีสิ่งดีๆ เราก็เอาตัวที่ดีออกมาใช้ ..มันเป็นเรื่องราวดีที่เราได้ ..เดี๋ยว มันก็ผ่านไป เราใช้เรื่องดี ใช้เหตุผลดี แล้วเราก็ทำดี อย่าไปท้อถอย ในอารมณ์ของตังเองแล้วก็อารมณ์ของคนรอบข้าง เมื่อเราทำได้ ผ่านมันไปได้ แล้วย้อนกลับมามองตัวเอง เราจะเห็นเป็นเรื่องตลก โอ้ย ..เรายึดอารมณ์นึกคิดกอดทุกข์ไว้ขนาดนี่เชียว สู้ๆน่ะ ทำกายทำใจเราให้เป็นปกติดีสุด ออกมาจากบ่อน้ำวนซะ สู้ๆ เป็นกำลังใจให้น่ะ
โฆษณา