5 มิ.ย. เวลา 04:27 • ภาพยนตร์ & ซีรีส์

เหตุผลที่ เจเรมี่ เรนเนอร์ ไม่ได้ร่วมแสดงใน Mission: Impossible ในภาคต่อ

เจเรมี่ ได้ร่วมเข้าปฎิบัติการณ์ในแฟรนไชส์ 2 ภาคคือ Mission: Impossible – Ghost Protocol (2011) และ Mission: Impossible – Rogue Nation (2015)
ระหว่างการให้สัมภาษณ์พ็อดแคสท์ Happy Sad Confused เขาได้บอกว่าในภาค Fallout (2018) เขาได้รับบท “วิลเลี่ยม แบรนด์ท” อีกครั้ง โดยการถ่ายทำเพียงแค่ 1 สัปดาห์และตัวละคร “แบรนด์ท” จะถูกฆ่า เจเรมี่จึงได้ปฎิเสธบทไป
“ผมจำได้ว่าพวกเขาพยายามพาผมไปต่างประเทศ 1 สัปดาห์เพื่อที่จะฆ่าตัวละครของผม ผมก็คิดว่า ‘ไม่ คุณต้องไม่ทำแบบนั้น คุณต้องไม่ลากผมไปที่นั่นแล้วฆ่าตัวละครผม แบบว่าไปให้พ้นเลย’ ถ้าคุณจะทำแบบนี้และคุณต้องการใช้ตัวละครผม คุณก็ต้องทำให้มันถูกต้อง”
“ผมโวยใส่ผู้กำกับคริสโตเฟอร์ แม็คคอวร์รี นายต้องไม่ทำแบบนี้กับฉัน นายต้องไม่ทำผิดกับฉันแบบนี้” เจเรมี่เล่าให้ฟังพร้อมหัวเราะ
แม้เขาเคยให้สัมภาษณ์กับทางสื่ออย่าง Collider ว่าพร้อมกับสู่แฟรนไชส์ก็ตาม
“ผมควรจะทำอะไรได้มากกว่านี้ ผมรักทีมนักแสดง Mission: Impossible ผมรักทอม พวกเราสนุกกันมากและรักตัวละครนี้มาก มันใช้เวลาในการถ่ายทำอย่างมากในลอนดอน และผมก็ยังเป็นพ่อคนด้วย มันก็เริ่มที่จะไม่ลงตัวแล้ว แต่ตอนนี้มันสามารถทำได้เพราะลูกสาวผมโตขึ้นมากแล้ว ผมสามารถกระโจนเข้าใส่ Mission: Impossible ได้ทุกเวลาและกลับไปรับบท “วิลเลี่ยม แบรนด์ท” มันจะยอดเยี่ยมมาก”
นอกจากนี้เขายังปฏิเสธข่าวลือเรื่องตัวละครของเขาจะรับช่วงต่อจากเจ้าหน้าที่ “อีธาน ฮันท์” อีกด้วย “ไม่ครับ มันเป็นโชว์ของ ทอม ครูซ มาตลอด และเป็นการตัดสินใจของ ทอม และเมื่อเขาเติบโตในฐานะนักแสดง เขายังอยากให้มันดำเนินต่อไป และเขาก็กำลังจะ Top Gun อีกใช่ไหมครับ? เขาทำงานหนักกว่าใครๆที่ผมได้รู้จักมาเลย”
Happy Sad Confused พ็อดแคสท์ - https://youtu.be/cn5a57rH2XI?si=QsJNa8kwmu4AAzYT
#JeremyRenner #MissionImpossible #TomCruise
#ENTERTAINVIEW
โฆษณา