Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
ณัฐมาคุย
ยืนยันแล้ว
•
ติดตาม
5 มิ.ย. เวลา 07:55 • หุ้น & เศรษฐกิจ
หุ้น Berkshire Hathaway ราคาตกวันก่อน น่าจะพบสาเหตุแล้ว
จากที่วันก่อน คนตกใจกันที่หุ้น BRK.A ที่ราคากว่า 600,000 เหรียญสหรัฐ อยู่ดีๆ ราคาตกลงเหลือเพียง 185 เหรียญสหรัฐ ก่อนที่จะกลับมาเป็นปกติ และกังวลกันว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้กับตลาดบ้านเราบ้างหรือไม่
มาเล่าให้ฟังว่า ปัญหาในกรณีนี้เกิดจาก CTA หรือ Consolidated Tape Association ซึ่งเป็นบริษัทลูกของ NYSE ที่มีการปล่อยซอฟท์แวร์ใหม่ และทำงานผิดพลาด จนส่งข้อมูล Limit Up/Limit Down ผิดพลาด จนทำให้เกิดปัญหาดังกล่าวกับหุ้นประมาณ 40 ตัว
ซึ่งทาง CTA ได้แก้ไขระบบให้ failover ไปใช้ระบบ backup บนศูนย์ข้อมูลสำรอง ภายในเวลาประมาณ 50 นาที ก่อนที่จะกลับมาเป็นปกติ
ส่วนธุรกรรมผิดปกติที่เกิดกับหุ้นที่มีปัญหานั้น ทาง NYSE ได้ใช้มาตรการตามข้อบังคับที่ 128 ในการยกเลิกธุรกรรมที่ผิดพลาดทั้งหมด ก่อนที่ธุรกรรมจะถูกเรียกชำระราคาในวันรุ่งขึ้น ตามการเปลี่ยนแปลงการชำระราคาไปเป็น T+1 ซึ่งเพิ่งมีผลบังคับใช้เมื่อปลายเดือนที่แล้ว ส่วนข้อมูลราคาที่ผิดพลาดบน tape ก็ได้รับการแก้ไขด้วยเช่นกัน
ส่วนคำถามที่หลายๆ คนอาจจะมีในใจ ผมขอตอบให้ฟังดังนี้
- ทำไมต้องมี CTA ทำไม NYSE ไม่ใช่เป็นคนเผยแพร่ข้อมูลตลาด (market data) เอง
น้่นเป็นเพราะตลาดหลักทรัพย์สหรัฐทำงานไม่เหมือนในประเทศไทย
ด้วยเหตุผลทางประวัติศาสตร์ที่ตลาดหลักทรัพย์ในอดีตไม่ได้เป็นระบบคอมพิวเตอร์ และมีพื้นที่เศรษฐกิจที่กว้างขวาง และมีผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย ส่งผลทำให้ในสหรัฐอเมริกามีตลาดหลักทรัพย์หลายแห่ง
แถมยังมีการเปิด ATS (Alternative Trading Systems) หรือที่รู้จักกันดีในชื่อ dark pool อีก ในปี 1997-1998 ทาง SEC จึงได้ออกกฎขึ้นมาควบคุมระบบการซื้อขายเหล่านี้ด้วย ที่ชื่อว่า Regulation National Market System (Reg NMS) ในปี 2005 เพื่อให้ลูกค้าได้ราคา และสภาพคล่องที่ไม่เสียเปรียบ
และหนึ่งในนั้นคือการกำหนดว่า การซื้อขายผ่าน broker/dealer นั้น ราคาที่ลูกค้าได้ไม่ควรจะแย่กว่า NBBO (national best bid/offer) จึงเกิดระบบ tape ขึ้นเพื่อเป็นการรวบรวมราคาที่ดีที่สุดจากศูนย์ซื้อขายหลักทรัพย์ในที่ต่างๆ เพื่อกระจาย NBBO ราคาซื้อขายล่าสุดและข้อมูลอื่นๆ ขึ้น ดังนั้นจึงมีการจัดตั้ง Security Information Processor หลักสองแห่ง คือ CTA สำหรับ NYSE และ UTP สำหรับ NASDAQ ขึ้น
- แล้ว LULD คืออะไร
แทนที่จะมี ceiling/floor เหมือนในประเทศไทย ทาง US SEC เลือกทางเลือกอีกทางที่ใช้การกำหนด soft limit ของการเคลื่อนไหวราคา ที่กำหนดกรอบของความผันผวนราคาในช่วงระยะเวลาสั้นๆ ให้อยู่ในช่วงที่กำหนด หากราคาซื้อขายล่าสุดหลุดกรอบที่ประกาศเอาไว้ หุ้นตัวนั้นจะถูกแขวนเป็นระยะเวลาสั้นๆ ก่อนจะปล่อยให้ซื้อขายต่อ
ในกรณีนี้ทาง CTA เผยแพร่ข้อมูล LULD ที่ผิดพลาด จึงทำให้เกิดการซื้อขายนอกราคาที่เหมาะสมขึ้น
- แล้วปัญหานี้จะเกิดในเมืองไทยไหม
ปัญหาเดียวกันเป๊ะๆ คงไม่มี เพราะเราไม่มีระบบ tape เหมือนของสหรัฐอเมริกา อีกอย่างระบบของตลาดหลักทรัพย์ไทยก็ไม่ได้ใช้ระบบเดียวกันกับที่ทางสหรัฐอเมริกาใช้
- ทำไมเมืองไทยไม่มีตลาดหลักทรัพย์หลายๆ แห่ง และ dark pool เหมือนของสหรัฐอเมริกา
ความเห็นส่วนตัว (ย้ำ) ผมเห็นว่า ขนาดตลาดหลักทรัพย์ไทยมีขนาดเล็กกว่าสหรัฐอเมริกามากๆ ปริมาณการซื้อขายยิ่งน้อยกว่ามาก การมีตลาดหลักทรัพย์หลายแห่งทำให้ต้นทุนโดยรวมของอุตสาหกรรมสูงกว่ามาก และมีความซับซ้อนในการบริหาร และกำกับดูแล
1
หากนึกความแตกต่างไม่ออก จำนวนธุรกรรมของไทยอยู่ในระดับหลักล้านต่อวัน ของสหรัฐฯ อยู่ในระดับหลายพันล้าน จำนวนธุรกรรมต่อวินาทีของไทยสูงสุดอาจจะอยู่แถวๆ หลักร้อยธุรกรรมต่อวินาที แต่ของสหรัฐฯ อยู่ในระดับเป็นล้านธุรกรรมต่อวินาทีเลยทีเดียว
พรบ. หลักทรัพย์ฯ ของไทยในปัจจุบันได้กำหนดให้การซื้อขายทั้งหมดต้องทำผ่านบริษัทหลักทรัพย์ และต้องมาจับคู่การซื้อขายที่ตลาดฯ ทำให้ผู้ซื้อผู้ขายได้ราคาที่ดีที่สุดอยู่แล้ว โดยไม่ต้องใช้ระบบที่ซับซ้อนอย่าง CTA และการตรวจสอบการทำงานของ broker/dealer โดย SEC ว่าได้ให้ราคาที่ดีที่สุดกับลูกค้าหรือไม่ เพื่อปรับบริษัทเหล่านี้หลังเกิดเหตุ
ป.ล. เรื่องราวเกี่ยวกับ NMS, ATS, CBBO ยังมีความซับซ้อนอีกมาก เลยขอข้ามเรื่องนี้ไป และหยิบยกเฉพาะเนื้อหาที่เกี่ยวข้องจริงๆ มาเล่าให้ฟังกันครับ
warrenbuffett
2 บันทึก
7
2
7
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2024 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย