🧠 AI จะส่งผลกระทบอย่างมากต่อการเข้ามาแย่งงาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในงานพวก white-collar (คนที่ทำงานในออฟฟิศ พนักงานตามออฟฟิศ มนุษย์เงินเดือน)
🏭 งานพวก blue-collar ที่ใช้แรงงานเป็นหลักอาจได้รับผลกระทบช้ากว่า แต่โดยรวมแล้วการที่ AI เข้ามาแย่งงานจะเป็นความท้าทายที่สำคัญ
2
🎓 การยอมรับเครื่องมือ AI และการมุ่งเน้นทักษะด้านความฉลาดทางอารมณ์ (EQ) จะเป็นสิ่งสำคัญต่อความสำเร็จในอนาคต
1
🌟 AI ไม่สามารถทดแทนในเรื่องอารมณ์ความรู้สึกและการปฏิสัมพันธ์ของมนุษย์ได้ ซึ่งมันจะยังคงมีความจำเป็นในสังคม
Key Insights
🤖 ผลกระทบของ AI ต่อการเข้ามาแย่งงานเป็นข้อกังวลที่สำคัญ โดยคาดว่าประมาณ 50% ของงานจะถูกแทนที่ด้วย AI ภายในอีก 3 ปีข้างหน้า ซึ่งจะส่งผลกระทบอย่างมากต่อกำลังแรงงาน และจำเป็นที่ทุกคนต้องมีการ Upskill ของตนเอง
🌍 ตลาด AI ถูกครอบงำโดยประเทศจีนและสหรัฐอเมริกา โดยมีบริษัทเช่น OpenAI และ Nvidia ที่คาดว่าจะกลายเป็นบริษัทมูลค่าหลักล้านล้านดอลลาร์ ซึ่งสะท้อนถึงศักยภาพและโอกาสการเติบโตที่มหาศาลในอุตสาหกรรม AI
💰 ศักยภาพในการสร้างความมั่งคั่งในตลาด AI นั้นสูงมาก โดยคาดว่าบริษัทต่างๆ จะเติบโตอย่างมาก อย่างไรก็ตาม สิ่งนี้ยังก่อให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับความเหลื่อมล้ำที่เพิ่มขึ้นระหว่างผู้ที่มีการเข้าถึงเทคโนโลยี AI และผู้ที่ไม่มี
🧠 การเตรียมความพร้อมให้เด็กๆ สำหรับอนาคตที่ขับเคลื่อนด้วย AI นั้นจำเป็นต้องยอมรับ AI เป็นเครื่องมือและส่งเสริมการใช้งานของมัน นอกจากนี้ การเน้นย้ำทักษะด้านความฉลาดทางอารมณ์ (EQ) ที่สูง เช่น ทักษะการทำงานเป็นทีม และเรื่องของความเห็นอกเห็นใจ จะเป็นสิ่งสำคัญต่อความสำเร็จในโลกที่ AI ไม่สามารถจำลองคุณสมบัติเหล่านี้ได้
2
🏭 การที่ AI เข้ามาแย่งงานนั้นจะส่งผลกระทบทั้งต่อตำแหน่งงานพวก white-collar (คนทำงานในออฟฟิศ) และ blue-collar (กลุ่มผู้ใช้แรงงาน) แต่อัตราการถูกแทนที่อาจแตกต่างกัน ในขณะที่งานพวก white-collar อาจได้รับผลกระทบอย่างรวดเร็ว งานพวก blue-collar ก็จะเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงอย่างมากเช่นกันเมื่อเทคโนโลยี AI ก้าวหน้ามากขึ้น
2
🌟 คุณลักษณะเฉพาะมนุษย์เรา เช่น อารมณ์ความรู้สึก ความเห็นอกเห็นใจ และการปฏิสัมพันธ์ซึ่งกันและกันนั้นจะยังคงมีคุณค่าอยู่ แม้ AI จะมีความก้าวหน้า AI อาจสามารถจำลองคุณสมบัติเหล่านี้ได้ในระดับหนึ่ง แต่อารมณ์ความรู้สึกและการปฏิสัมพันธ์กันของมนุษย์แท้จริงก็จะยังคงเป็นสิ่งจำเป็นในสังคม