7 มิ.ย. เวลา 15:41 • วิทยาศาสตร์ & เทคโนโลยี
วิทยาศาสตร์ นั่นมันอาศัยวิญญาณทั้งหกมาเรียนรู้ ส่วนเรื่องพระพุทธศาสนา เป็นเรื่องราวของจิต เรื่องการสร้างบุญกุศลบารมี อาศัยกายพ่อแม่ ไปทำมาหากิน ไปมีอารมณ์ มีความยึดถือ อะไรต่าง ๆ เกิดมีกรรม อะไรต่างๆ มีเรื่องราวขันธ์ห้า ตัณหาราคะต่าง ทีเหล่านักวิชาการวิทยาศาสตร์ ต่างก็มีกันถ้วนหน้า
แล้วพุทธศาสนา ก็บอกเรื่องอารมณ์โลภโกรธหลง นั่นเป็นอย่างไร แล้วจะหนีต้องทำอย่างไร มีการเรียนรู้ ไปจนถึงคำว่าจ้ต มีการเรียนรู้ไปถึงคำว่าธาตุพ่อธาตแม่ เรียนรู้ไปจนถึงธาตุทั้งสี่แต่ไม่ใช้เรื่องอะตอมเรื่องไฟฟ้าเรื่ิงห้องทดลอง
แต่เป็นการใช้จ้ตใช้สมาธิ ใช้ปัญญา ที่จะทำให้ไปศึกษาเข้าไปถึง เรื่องราวของธาตุทั้งสี่ เรื่องราวของ แสง สี แสง ภาพ เหตุผลอะไรต่างๆ ที่มีความระเอียด ที่จิตแต่ละดวงต้องทำขึ้นมาเอง โดยอาศัยคำสอนขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า แล้วยังมีเรื่องราวมิติต่างที่เแ็นนามธรรม ที่ต้องใช้จิตศึกษา ที่ว่า มะโนทะศึกษาขึ้นมา แล้วก็ต้องอาศัยครูบาอาจารย์ ที่ทำได้ถึง มีการฝึกหัดขึ้นมา ด้วยกายพ่อแม่ที่จิตนั้นอาศัย ..
วิทยาศาสตร์ ไม่สามารถ จะไปเรืยนรู้จักในสิ่งที่เป็นนามธรรม เพราะการรับรู้อะไรต่างๆ ถูกจำกัด ด้วยสิ่งอาศัยมาเรียนรู้ คือ วิญญาณทั่งหกของมนุษย์ เวลาพูดถึงความจำ ..ก็ว่าสมองจำ
..แต่หากศึกษาลงไปลึกในพุทธศาสนา สิ่งที่จดจำเป็นการบรรจุเก็บบันทึกลงไปที่ธาตุทั้งสี่ อาศัยตาอาศัยหู บันทึกภาพบันทึกเสียง ส่งไปให้จิต จิตส่งต่อบันทึกลงไปที่ธาตุทั้งสี่ มีการบันทึกเรื่องราวที่เราใช้ชีวิต ตั้งอต่เกิดไปจนตาย จิตละออกจากเรือนกาย พอจืตละออกจากเรือนกาย ..วิทยาศาสตร์ ก็ไม่สามารถตอบไดว่า จิตเดินทางไปไหน เมือจิตนั่นเป็นนามธรรมไม่มีกาย
หากเรามาเรียนรู้ปฏิบัติธรรมขึ้นมา แล้วเราไปถามนักวิทยาศาสตร์ ว่าบุญเป็นอย่างไร กรรมเป็นอย่างไร สวดมนต์ เป็นอย่าง นักวิทยาศาสตร์ เค้าจะรู้มั้ย เหมือนกับสิ่งที่ เรารับรู้ภายในกายของเรา นั่นก็คือ เรื่องราวที่เค้าเรียกเป็นปัจจัตตังเกิดขึ้น จากการประพฤติปฏิบัติธรรม แล้วนักวิทยาศาสตร์ทั่งหลาย ท่านจะรู้จักหรือ แม้เวลาเจ็บป่วย เค้าวิางหาหมอ แต่เราวิรงเข้ากาธรรม สร้างบุญกุศล เจ็บป่วยเล็กๆน้อยก็หาย ที่เค้าว่า กรรมน้อยๆก็หายไป กรรมใหญ่ๆก็บรรเทาลง
พระพุทธศาสนา มีต้นกำเนิด มาจากผู้ที่ทิ้งทรัพย์สมบัติ ทิ้งยศฐานบรรดาศักดิ์ ไปอยู่ป่าด้วยเสื้อผ้าชุดเดียว ..ไม่ได้มีห้องแลปห้องวิจัยห้องเคมี อะไรติดตามไปด้วย เค้าไปกระทำเพื่อยุติการเกิด แล้วเรื่องราววิทยาศาสตร์ที่มนุษย์สะสมกัน ถ่ายทอดกันมา มันทำให้ยุติการเกิดได้มั้ยจิตหลุดพ้นได้มั้ย พ้นทุกข์ได้มั้ย
วิทยาศาสตร์ ที่ว่าเจริญ มนุษย์เอาไปใช้ทำอะไร ไปทำลายหักล้างเอารัดเอาเปรียบ เอาไปทำลายมนุษย์ด้วยกันเอง ให้ด้ิยค่าความเป็นมนุษย์ลงไปหรือเปล่า เราจึงเห็นเค้าเข่นฆ่ากัน คราวละมากมาย เข่นฆ่ากันแค่กระดิกนิ้ว ก็ตายกันเป็นมาดมายก่ายกองถ่ายกอง
พระพุทธศาสนา เป็นเรื่องคำว่า ธรรม .. เรื่องอริยสัจสี่ ก็เป็นเรื่ิองของธรรม แต่จิตที่อยู่ในโลกีย์วิสัย ก็ดัดแปลงให้เข้ากับเหตุผลของเค้าที่เป็นโลกียะ
มีผู้บอกว่าไอสไตล์เก่งอย่างนั้นอย่างนี้ คนที่เค้ามีธรรม เค้าไม่ทำอย่างไอสไตล์หรอก เพราะจิตเค้ามีปัญญาธรรม ถามว่าไอสไตล์ มาจากดินแดนไหน ที่มาเกิดในเมืองมนุษย์ เค้าว่าในเมืองนรก มีจิตที่เก่งไเคยมีความรู้มากมาย ไปตกในเมืองนรก พอถึงยุคที่จิตมาจากอบายมาเกิดมากมาย เค้าก็เอาคนเก่งในนรกมาด้วย มาสร้างนั้นนี่ ให้มนุษย์หลงใหล ทำลายมนุษย์ด้วยกันเอง
พระพุทธเจ้า ท่านทิ้งอะไรไว้ให้แก่โลก ..ไอสไตล์ ทิ้งอะไรให้แก่โลก มีการทำลายกันตายครั่งละมากๆ เป็นผลงานที่ยังไม่มีมนุษย์คนไหนทำได้ หากไม่มีมาจากความคิดที่เฉลียวฉลาด เป็นผลงานน่าถชชภาคภูมิใจมั้ย ..นั่น..มันคนละเรื่องราวกันเลย
บางคนก็เขียนซะ ไอสไตล์พบพระพุทธเจ้า ..โอ้ย..คนมีกรรม จะไปพบคนมีธรรม แถมยังต่างยุคสมัยดันเสียอีก ขนาดเทวทัตที่ว่าเก่ง ..ยังไม่ฟังพระพุทธเจ้าเลย นั่นแหละ จิตที่มาอาศัยกาย ต่างก็เป็นใหญ่ในเรือนกาย ..จิตต่างสีต่างบุญบารมี
โฆษณา