แบตเตอรี่ในรถยนต์ EV มีความจุทางไฟฟ้าสูงและสามารถเกิดความร้อนมากเมื่อถูกทิ้งในสภาวะที่ไม่เหมาะสม ความเสี่ยงในการเกิดไฟไหม้หรือการระเบิดแบตเตอรี่เกี่ยวข้องกับผลร้อนจากแบตเตอรี่ตั้งแต่การชาร์จหรือการใช้งานปกติ ผู้ผลิตรถยนต์ EV มักมีมาตรการความปลอดภัยและระบบดับเพลิงที่ออกแบบมาเพื่อป้องกันความเสี่ยงนี้
2. ความเสี่ยงจากระบบไฟฟ้า:
ระบบไฟฟ้าในรถยนต์ EV มีความซับซ้อนมาก ซึ่งสามารถมีความเสี่ยงในเรื่องของเครื่องยนต์ไฟฟ้า, ระบบชาร์จ, หรืออุปกรณ์ไฟฟ้าอื่น ๆ โดยส่วนใหญ่มีระบบป้องกันที่ออกแบบมาเพื่อป้องกันการเกิดความเสี่ยงจากระบบไฟฟ้า
3. ความเสี่ยงจากระบบชาร์จและการชาร์จ:
การชาร์จแบตเตอรี่ของรถยนต์ EV ต้องทำอย่างระมัดระวังเพื่อป้องกันการระเบิดหรือการไหม้จากการชาร์จที่ไม่ถูกต้อง. ผู้ใช้รถยนต์ EV ควรใช้อุปกรณ์ชาร์จที่มีคุณภาพและปฏิบัติตามคำแนะนำของผู้ผลิต
1
4. ความเสี่ยงจากระบบการทำงาน:
รถยนต์ EV มีระบบทำงานแบบอัตโนมัติและระบบควบคุมอิเล็กทรอนิกส์ซึ่งอาจมีความเสี่ยงเมื่อเกิดข้อขัดข้อง การเคลื่อนไหวของรถยนต์ไฟฟ้าสามารถควบคุมด้วยระบบควบคุมอิเล็กทรอนิกส์ ควรรักษาความปลอดภัยด้วยการเช็คระบบอย่างสม่ำเสมอและรักษาความสามารถในการจัดการภาวะฉุกเฉิน
หากเป็นเจ้าของรถยนต์ EV ควรรู้จักความเสี่ยงเหล่านี้และรักษาความปลอดภัยโดยการปฏิบัติตามคำแนะนำของผู้ผลิตและการดูแลรักษารถยนต์ของคุณอย่างสม่ำเสมอ และเพื่อให้มีการใช้งานที่ยืนยาวควรศึกษาความรู้เกี่ยวกับรถยนต์ EV และระบบที่ใช้งานอย่างรอบคอบ
ต้องบอกก่อนว่ารถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์สันดาปหรือใช้พลังงานน้ำมันนั้น ได้รับความนิยมในประเทศไทยมากกว่ารถไฟฟ้า EV เนื่องจากกระบวนการผลิตรถไฟฟ้า EV ต้องใช้เทคโนโลยีขั้นสูง รวมถึงค่าอะไหล่และค่าซ่อมบำรุงก็มีต้นทุนที่ค่อนข้างสูง จึงทำให้รถไฟฟ้า EV มีราคาที่สูงกว่ารถใช้น้ำมันทั่วไป เราจึงไม่ค่อยเห็นรถไฟฟ้า EV บนท้องถนนเพราะมีคนใช้น้อยนั่นเอง
ดังนั้น จึงยังไม่ค่อยมีบริษัทประกันภัยที่ออกแผนประกันภัยรถยนต์มาเพื่อรองรับมากนัก ทำให้เบี้ยประกันรถยนต์ของรถไฟฟ้า EV มีราคาที่สูงกว่ารถยนต์ธรรมดาทั่วไปนั่นเอง อย่างไรก็ตาม หากในอนาคตรถยนต์ไฟฟ้าได้รับความนิยมมากขึ้น ก็อาจเป็นไปได้ว่า เบี้ยประกันรถยนต์ของรถไฟฟ้า EV จะมีราคาที่ถูกลงกว่ารถยนต์ธรรมดาทั่วไปได้