ทาส เป็นสิ่งที่มีมาพร้อมกับอารยธรรมมนุษย์ เป็นคอนเซ็ปต์ที่เก่าแก่ที่สุด เริ่มต้นเมื่อไหร่ เลิกไปเมื่อไหร่ หรือว่าจริงๆแล้วทุกวันนี้ยังมีทาสอยู่กันแน่นะ
คุณเคยสงสัยไหมครับ ว่าทำไม ทาส มีทุกที่ มีอยู่ทุกอารยธรรม มีมาตั้งแต่โบราณ ในแต่ละอารยธรรม ในแต่ละยุคสมัย ก็มีทาสเหมือนกัน คล้ายกันทั้งหมด เหมือนกันทั้งโลกเลย มันเป็นเรื่องที่แปลกมาก มันมีมาได้อย่างไร ใครเป็นคนคิด
ในสมัยโบราณ การทำอะไรต่างๆ มนุษย์สามารถทำได้เอง แต่มันก็มีงานบางอย่างอยู่ที่มนุษย์เราเนี่ยไม่อยากทำเอง นั่นก็คืองานที่มันเสี่ยงอันตราย ดังนั้น concept เรื่องการมีทาสมันก็เลยเริ่มมาตั้งแต่สมัยสังคมโบราณ ถ้าเราไปดูอารยธรรมโบราณของมนุษย์เนี่ย ทุกอารยธรรมมีทาสทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็น อียิปต์โบราณพีระมิด/เมโสโปเตเมีย/กรีก/โรมัน/อินเดีย/กำแพงเมืองจีน อาณาจักรที่กล่าวมาทุกที่ใช้ระบบทาสทั้งหมด มีมาตั้งแต่ยุคก่อนประวัติศาสตร์ เกิน 2,500 กว่าปี ก่อนที่เจ้าชายสิทธัตถะจะตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าซะอีก
และคำว่าทาส ในโลกทุกวันนี้ก็ยังไม่หมดไปนะครับ เพราะมันยังมีในหลายกรณี ที่ใกล้เคียงกับความเป็นทาสมากๆ ไม่ว่าจะเป็นผู้หญิงที่ถูกล่วงละเมิดทางเพศ แล้วก็ถูกอัดคลิปเอาไว้ขู่ว่าถ้าไม่ค้าบริการทางเพศก็จะถูกแบล็คเมล์ หรือคนที่ถูกใช้กำลัง ถูกจับตัวไปแล้วบังคับให้ทำงานในโรงงานต่างๆ แล้วคนพวกนี้ก็คือไม่มีทั้งเสรีภาพ ไม่มีค่าแรง คอนเซ็ปต์ไม่ได้ต่างอะไรกับทาสเลย
ซึ่งเอาจริงๆผลสำรวจตัวเลขที่ออกมาน่ากลัวกว่าที่เราคิดไว้เยอะ ยกตัวอย่าง 3 ประเทศ ไทย/อินเดีย/อินโดนีเซีย รวมกัน 3 ประเทศนี้ มีคนที่ตกอยู่ในสถานการณ์แบบนี้ประมาณ 8 ล้านคนด้วยกัน ก็คือเท่ากับประชากรเมืองนิวยอร์กเลย และหลายคนชอบคิดว่าเรื่องนี้คือเรื่องแบบไกลตัว ไม่เกิดกับฉันหรอก มันเกิดกับคนชายแดน เช่นพวกผู้ลี้ภัย คนที่ยากจนมากๆ หรือว่าคนชาติพันธุ์
แต่ทุกคนรู้มั้ยว่า มันเป็นเรื่องที่ใกล้ตัวกว่าที่คิดเยอะ ยกตัวอย่างเช่นในช่วงโควิดที่ผ่านมา มันมีหลายคนที่สูญเสียงานประจำ มีหลายเคสมากๆที่ถูกหลอกเพราะว่าต้องการจะไปสมัครงาน ปรากฏสิ่งที่เกิดขึ้นก็คือ ถูกหลอก ถูกบังคับให้ทำงาน ถูกขายผ่านมือนายจ้างแบบหลายต่อ โดยเฉพาะผู้หญิงที่มักจะตกเป็นเหยื่อของพวกค้ามนุษย์แบบจำยอม อย่างถ้าเราไปดูเคสที่แบบติดชายแดนประเทศเพื่อนบ้าน ก็จะเห็นว่ามีเด็กผู้หญิงอายุต่ำกว่า 18 เยอะมาก ที่ถูกบังคับให้ค้าประเวณี แล้วก็ส่งตัวออกไปที่ประเทศเพื่อนบ้าน
เห็นไหมว่ามันใกล้ตัว แล้วมันก็อันตรายกว่าที่คิด แล้วมันมีศัพท์ที่ใช้เรียกสิ่งนี้โดยเฉพาะเลย ก็คือคำว่า modern slavery คือ ทาส สมัยใหม่ คือคนที่ตกอยู่ในการแสวงหาประโยชน์จากผู้อื่น ถูกควบคุม ถูกบังคับใช้งานโดยไม่สามารถปฏิเสธได้ เพราะว่าถูกใช้ความรุนแรง มีการบีบบังคับล่อลวง แล้วก็ถูกตัดสิทธิเสรีภาพไป ซึ่งสมัยใหม่มีหลายรูปแบบมาก มีความซับซ้อนซ่อนเงื่อนมากมาย คือยังมีอยู่เยอะมากๆ
หลายคนอาจจะคิดว่า ทาส เหลือนิดเดียว ในโลกนี้แทบไม่มีแล้ว แต่ถ้าเอาสถิติระดับโลกในปี 2016 มีทาสสมัยใหม่ modern slavery อยู่ทั้งหมด 40.3 ล้านคน ซึ่ง 25 ล้านคนจะเป็นแรงงานที่โดนบังคับ ส่วนอีก 15 ล้านคนโดนบังคับแต่งงาน และ 1 ใน 4 ก็คือเด็ก
แม้แต่ในประเทศทิเบต ก็ยังมีประเพณีการบังคับผู้หญิงแต่งงานกับผู้ชาย ถ้าครอบครัวของฝ่ายชายมีผู้ชายหลายคนก็สามารถใช้ผู้หญิงคนเดียวกันได้ เราจึงเห็นภาพสารคดีที่ผู้หญิงชาวทิเบตร้องไห้เสียใจที่ต้องถูกพลัดพรากจากครอบครัวไป และถูกรุมโทรมทางเพศจากครอบครัวฝ่ายชาย สิ่งเหล่านี้ยังหลงเหลืออยู่ในโลก และอยู่ในทุกพื้นที่ ที่มันแอบซ่อนตัวไว้อยู่
หญิงสาวกรีดร้องด้วยความทรมานโหยหวน ที่จะต้องพลัดพรากจากคนรักของตัวเอง เพื่อไปแต่งงานกับคนที่พ่อแม่เลือกให้ พร้อมกับญาติพี่น้องฝ่ายชาย ที่จะต้องมีเมียคนเดียวกันทั้งหมด
เอาล่ะทีนี้เราลองมาพูดถึงยุคสมัยหนึ่ง ที่จะดูต่างออกไปจากยุคอารยธรรมอื่นทั้งหมด นั่นก็คือยุคของ tatarian ก่อนที่จะเกิดสงครามโลกครั้งที่ 1 ได้สร้างกระบอกทรงเจดีย์ที่มีไฟฟ้าสถิตเพื่อดึงไฟฟ้าในอากาศมาเป็นพลังงาน เป็นพลังงานฟรีที่ใช้ได้แบบไม่ต้องมีใครเป็นเจ้าของ แล้วมันถูกบันทึกเป็นหลักฐานในปี 1890 ตรงกับปีพุทธศักราช 2433 รัชกาลที่ 5
เทคโนโลยีหลายอย่างของอาณาจักร tatarian ก็ยังมีหลงเหลือต่อมาจนถึงยุคหลังสงครามโลกครั้งที่ 1 และถูกบันทึกไว้ แล้วก็ไม่ได้รับการต่อยอดนับจากนั้นก็หายสาบสูญไปเลย ไม่มีใครพูดถึงอีกเลย
เส้นทางสายไหม เกิดขึ้นมาได้อย่างไร จากรัสเซีย ไปจนถึงจีน ไปจนถึงฝรั่งเศส จนเส้นทางนี้กลายเป็น international จนถึงปัจจุบัน เป็นสหประชาชาติเลย เส้นทางสายไหมนี้เกิดจากการสร้างของอาณาจักร tatarian ทำให้การเดินทางสบาย ไม่ต้องนั่งเรือ
อาณาจักรที่อยู่ข้างทางสายไหม คือ tatarian ถ้าถามว่าคือชนเผ่าอะไร ไม่มีใครรู้ แต่มีโลโก้ มีรูปแบบธงสีเหลือง ตรงกลางเป็นรูปนกฮูก ผู้มีอำนาจของโลกปิดบังเรื่องนี้และไม่อยากให้ใครรู้ว่าเคยมีอาณาจักรนี้อยู่ในโลก และมีคนเชื่อว่า tatarian คืออารยธรรม อินุนากิ
กลับเข้ามาที่เรื่อง ทาส ต่อนะครับ ทีนี้ถ้าเราศึกษาในสารคดีประวัติศาสตร์โบราณ เราจะพบเห็นว่าระบบ ทาส มีมาตั้งแต่สมัยอียิปต์โบราณซะอีก แล้วอารยธรรมของมนุษย์ในช่วงยุคของ tatarian ระบบทาสนั้นหายไปไหน
เรื่องราวประวัติศาสตร์ทั้งหมด ดูแปลกพิกล มาตั้งแต่ยุค บางระจัน พุทธศักราช 2309 ซึ่งห่างจากยุคสงครามโลกครั้งที่ 1 ไปประมาณ 124 ปี ประวัติศาสตร์ชาติไทยในสมัยบางระจันเราขี่ม้าใช้มีดไล่ฟันกัน แต่ tatarian มีเทคโนโลยีที่สุดเหลือเชื่อ ก่อนสงครามโลกครั้งที่ 1 ไปประมาณ 124 ปี มันจริงเหรอที่ประวัติศาสตร์ชาติไทยเราขี่ม้าใช้มีดฟันกัน ทั้งหมดนี้อาจจะเป็นแค่เรื่องสับขาหลอกเขียนประวัติศาสตร์เพื่อให้เราเป็นไม้เบื่อไม้เมากับพม่า และอาจจะไม่ใช่เรื่องจริงเลยก็ได้
แม้ในยุคพระเจ้าตาก ประเทศไทยปกครองด้วยระบอบหัวเมือง ตอนนั้นยังไม่เป็นประเทศไทยด้วยซ้ำ ยังไม่ได้เป็นสยามเลย พระเจ้าตากเดินทางปราบชุมนุมต่างๆทั่วแผ่นดิน ตีเจ้าฝาง รวมหัวเมืองต่างๆ ปราบชุมนุมอิทธิพล เพื่อรวมกำลังพล ยาวมาเรื่อยๆจนถึงยุครัชกาลที่ 5 เลิกทาส ประเทศไทยใช้ชื่อว่าสยาม การเลิกทาสก็คืนนิมิตรหมายจากผู้ปกครองโลก อังกฤษเป็นชาติแรกที่เลิกระบบทาส แล้วตามมาด้วยสหรัฐอเมริกา เกิดสงครามกลางเมือง แนวคิดที่จะเปลี่ยนระบอบทาสแอฟริกานิโกรผิวสีให้กลายเป็นพลเมือง มีสิทธิเสรีภาพ
จุดเริ่มต้นของราชวงศ์ทั่วโลก แม้แต่ไทยพม่าในสมัยก่อน หรือแม้แต่ราชวงศ์ที่ถูกล้มล้างอย่างฝรั่งเศสหรือรัสเซียก็เป็นมติจากชนชั้นสูง ที่ปกครองโลกทั้งสิ้น การเดินทางสื่อสารตั้งแต่ยุคพ่อขุนราม ราชวงศ์ต่างๆทั่วโลกนิยมเดินทางร่ำเรียนที่เมืองนอก มีสังคมเชื่อมโยงกันทั่วโลกมาตั้งแต่อดีตกาล พวกเขาคือคนกลุ่มเดียวกันทั้งโลก
สงคราม แผ่นดินโลก สร้างด้วยเลือดของทาส อเมริกาสร้างโดยคนดำ ประเทศในโลกนี้ถูกสร้างด้วยเลือดของทาส ทั้งหมด
และระบบทาสทุกวันนี้ยังมีอยู่ การยกเลิกระบบทาสแบบดั้งเดิม เพื่อเปลี่ยนไปสู่ระบบทาสยุคใหม่ที่มีขั้นตอนเพิ่มเติม นั่นก็คือระบบทุนนิยม ที่เป็นป้ายแปะหน้าด้วยคำว่าประชาธิปไตย หรือบางประเทศอาจจะยังเป็นคอมมิวนิสต์และปิดประเทศ อย่างเช่นเกาหลีเหนือ และประเทศจีนก็ไม่ใช่คอมมิวนิสต์เต็มตัว แต่กลายเป็นลูกผสมทุนนิยม คอมมิวนิสต์แบบกระจายอำนาจทางเศรษฐกิจ
และทุกคนในโลกล้วนตกเป็นทาส แบบที่ไม่รู้ตัวและถูกจู่โจมแบบเฉียบพลัน แม้ว่าคุณจะอยู่ในพื้นที่ห่าง เป็นชนเผ่าชาติพันธุ์อะไรก็แล้วแต่ ถ้าเราไม่นับเรื่องธรรมะที่พระพุทธเจ้าสอน เราก็คือผู้ที่ถูกบีบให้อยู่ในสภาวะจำยอม ร่างกายที่ถูกกักขังและหล่อเลี้ยงด้วยทุนนิยมโดยที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้
ในประวัติศาสตร์โลกมนุษย์ มีบุคคลหนึ่งที่ทำการปฏิวัติทางความคิด แล้วเป็นผู้ขบถ นั่นก็คือบุรุษที่ชื่อว่า สิทธัตถะ ยุคก่อนพุทธศักราช บุรุษที่ชื่อว่าสิทธัตถะเป็นเชื้อสายของ ศากยะวงศ์ ลูกชายกษัตริย์ ผู้ที่ทำการปฏิวัติออกจากระบบทาส ทั้งทาสในจิต ในตัณหา และส่งต่อความรู้เหล่านี้มาให้มนุษย์รุ่นหลังได้ศึกษาเล่าเรียน
และอาณาจักร tatarian ก็ได้รับรู้ถึงการมีอยู่ของสัจธรรม แล้วแยกตัวออกไปสร้างรูปปั้นพระพุทธเจ้าไว้ในที่ต่างๆในโลก รวมถึงรูปปั้นบาบียานในอัฟกานิสถานด้วยเช่นกัน
- 4
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2024 Blockdit
