9 มิ.ย. เวลา 05:00 • ไลฟ์สไตล์

4 บทเรียนจากคำพูดของ"อดีตทาส"ผู้ก้าวมาเป็นนักปรัชญา

อ้างอิงคำพูดจาก:https://www.brainyquote.com/authors/epictetus-quotes
เขาคือใคร?
เอพิคเตตัส นักปรัชญาสายสโตอิกชาวกรีก ที่เป็นผู้พิการและเคยเป็นอดีตทาสมาก่อน ทำให้เขาตกผลึกและเชื่อมั่นในปรัชญาที่ว่าด้วย การรับมือต่อสิ่งต่างๆที่เกิดขึ้นอย่างสงบและไม่ยินดียินร้าย เพราะสิ่งเหล่านั้นอยู่เหนือการควบคุมของตัวเราเอง
ในบทความนี้เลยจะมาชวนคุยถึง 4 บทเรียนจากคำพูดของ"อดีตทาส"ผู้ก้าวมาเป็นนักปรัชญา ท่านนี้กันครับ
1.จงเรียนรู้"ความหมายของสิ่งที่เจ้าจะพูดก่อน"จากนั้นจึงค่อยพูด
(First learn the meaning of what you say, and then speak.)
คนเรามักจะมีนิสัยที่พูดออกมาโดยปราศจากการใช้ความคิดไตร่ตรอง หรือไม่มีความเข้าใจในความหมายของสิ่งที่ตัวเองพูดออกมาจริงๆ ซึ่งหลายครั้งมันทำให้เกิดปัญหาขึ้นในชีวิตของคนเรา
ซึ่งเชื่อว่าทุกคนย่อมเคยมีประสบการณ์ในเรื่องนี้ เช่น อาจจะพูดบางอย่างที่ทำให้เข้าใจผิดหรือไม่เหมาะสมกับสถานการณ์ออกมาโดยไม่คิด จนต้องทะเลาะกับผู้คนรอบข้าง
จากคำพูดของท่านเอพิคเตตัส ได้เตือนให้เรารู้จักคิดและทำความเข้าใจในสิ่งที่เรากำลังจะพูดออกมาก่อน เมื่อคิดและเข้าใจดีแล้วจึงค่อยพูดออกมา อย่าได้เป็นคนปากไวที่พูดอะไรออกมาโดยไม่ได้คิดนะครับ
2. ผู้คนไม่ได้ถูกรบกวนด้วยสิ่งต่าง ๆแต่ถูกรบกวนด้วย"มุมมองของพวกเขาที่มีต่อสิ่งนั้น"
(People are not disturbed by things, but by the view they take of them.)
เรามักจะคิดว่าสิ่งต่างๆหรือสถานการณ์นั้นบังคับให้เราต้องเจอกับความยากลำบากหรือถูกรบกวนจนชีวิตของเรานั้นวุ่นวายแต่จริงๆแล้วไม่ใช่เลย
มันเป็นเพราะมุมมองที่เรามีต่อโลกและสถานการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นต่างหาก เช่น เมื่อเราถูกตำหนิ ทำให้เรารู้สึกโกรธและคิดว่าอีกฝ่ายนั้นเป็นศัตรู แต่ถ้าเราลองปรับมุมมองก็จะพบว่า คำตำหนิที่อีกฝ่ายให้นั้น มันจะทำให้เราสามารถพัฒนาความสามารถและเป็นคนที่ดีขึ้นได้ เป็นต้น
ดังนั้นลองปรับมุมมองที่มีต่อสิ่งต่างๆในชีวิตดู แล้วเราจะพบว่ามีอะไรใหม่ๆที่น่าตื่นเต้นหรือมีความสงบมากมายที่เราต่างมองข้ามไปได้ หรือแม้กระทั่งการผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากในชีวิตก็ตาม
3.ไม่สำคัญว่าเกิดอะไรขึ้นกับเจ้า แต่สำคัญว่า"เจ้าตอบสนองต่อสิ่งนั้นอย่างไร"
(It's not what happens to you, but how you react to it that matters.)
คนเรามักจะคิดและโฟกัสอยู่กับสถานการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นมากเกินไป แต่สุดท้ายมันก็ไม่สามารถห้ามหรือหลบหนีจากสถานการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นได้เลย
เพราะสิ่งที่คนเราทำได้มีเพียงแค่การเลือกว่าจะตอบสนองต่อสถานการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นตรงหน้าอย่างไรต่างหาก
เช่น เมื่อเราถูกคนขับรถปาดหน้า เราจะต้องเลือกตอบสนองระหว่างปาดคืนหรือปล่อยและโฟกัสที่การขับรถของตัวเองให้ถึงจุดหมายต่อไป เป็นต้น
ซึ่งไม่ว่าเราจะเลือกทางไหนหรือตอบสนองอย่างไรสุดท้ายมันก็จะมีผลลัพธ์ตามมาเสมอ
ดังนั้นขอให้เราจำไว้ว่าสิ่งที่เราสามารถควบคุมได้ก็คือการกระทำต่อสถานการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นตรงหน้าของเราเพียงเท่านั้นเอง จงเลือกตอบสนองให้ดีและรับผลที่ตามมาด้วยนะครับ
4.ความยากลำบากคือสิ่งที่แสดงให้เห็นถึง"สิ่งที่เขาผู้นั้นเป็น"
(Difficulties are things that show a person what they are.)
การจะรู้ว่านิสัยของคนๆหนึ่งเป็นอย่างไรและมีความแข็งแกร่งทางจิตใจมากแค่ไหน ไม่สามารถดูและสังเกตได้ในสถานการณ์ที่เต็มไปด้วยความสบายและปกติ แต่เป็นช่วงเวลาที่เขาคนนั้นหรือตัวเราต้องเผชิญหน้ากับความยากลำบากในชีวิตต่างหาก
เพราะธาตุแท้ของคนเรามักจะแสดงออกมาในช่วงเวลาที่ตัวเองหรือคนที่อยู่รอบข้างเผชิญหน้ากับความยากลำบาก
เหมือนดั่งที่เอพิคเตตัส ได้ถูกเนรเทศออกไปจากกรุงโรม แต่ท่านก็ยังยึดมั่นที่จะเผยแพร่มุมมองและปรัชญาของตัวเองต่อไป
ดังนั้นถ้าจะดูคนให้ดูตอนที่ตัวเขาหรือเราต้องเชิญหน้ากับความยากลำบาก แล้วเราจะเห็นธาตุแท้ของคนผู้นั้นอย่างแน่นอน
นี่คือ 4 บทเรียนจากคำพูดของ"อดีตทาส" ผู้ก้าวมาเป็นนักปรัชญา ที่ทุกคนสามารถนำไปปรับใช้และเตือนตัวเองในการใช้ชีวิตประจำวันได้นะครับ
ถ้าท่านอ่านมาถึงตรงนี้ ผมขอบคุณผู้อ่านทุกๆท่าน ที่เสียสละเวลามีค่าของท่านมาอ่านบทความนี้ หวังว่าบทความนี้จะมีประโยชน์และช่วยทำให้ชีวิตของท่านดีขึ้นนะครับ
ถ้าท่านใดมีคำติชมหรือความเห็นก็สามารถ Comment ไว้ได้เลยนะครับเราจะได้เรียนรู้มุมมองใหม่ๆไปด้วยกันนะครับ
โฆษณา