ยกตัวอย่าง บริษัท A ทำลายโลก ทำกำไรอย่างเดียว แต่บริษัท B ทำ Net Zero ลงทุนไรแต่ ได้กำไรน้อยกว่า บริษัท A 1%
23. องค์กรต้องคิดว่าในฐานะนักธุรกิจคุณ Stand for อะไร ต้องมีอะไรที่มากกว่าผลกำไร ต้องมี Identity Character ที่ชัด ซึ่งการที่เราเริ่มแบ่งทรัพยากรไปทำ Contributive Strategy มันจะบีบให้คนในองค์กรคิดว่า องค์กร stand for อะในสังคม ความแตกต่างที่สำคัญของบริษัทเราจริง ๆ คืออะไร
24. ทุกอาชีพมีทั้ง Career และ Role หน้าที่คือ Maximize profit แต่บทบาทต่างกันไป เช่นหมอมีหน้าที่รักษาคนไข้ แต่นักธุรกิจมีแค่ฝั่ง Career แต่ต่อไปทุกคนมีความรับผิดชอบต่อทั้ง 2 บท ไม่ว่าจะเป็น Career หรือ Role ก็เพื่อที่จะทำให้แตกต่าง และประสบความสำเร็จ
25. Future of luxury กำลังเปลี่ยนจากสิ่งที่จับต้องได้ไปเป็นประสบการณ์ เช่นการที่คนยอมประมูลค่างานเลี้ยงอาหารมูลค่ากว่า 10 ล้านดอลลาร์ ของ Dior
26. เมื่อเจอวิกฤต Leader มีทางเลือก 2 ทางคือจะยอมแพ้ หรือจะ Reframe ว่า This is my defining moment หรือทุกบริษัทที่ยิ่งใหญ่เกิดมาจาก Crisis ที่จะบอกว่าบริษัทนั้นเป็น Good หรือ Great company
- Open relationship คือ ตำแหน่งงานแบบ Work from home มีความสัมพันธ์เป็นแนว Open Relationship มีความยืดหยุ่นมีความหลายหลายในการทำงาน เราจะเห็นหลายองค์กรที่จ้างงาน 3 วัน 2 วัน สิ่งที่ดึงดูดคนเหล่านี้คือความท้าทาย สร้างสภาพแวดล้อมที่ยืดหยุ่น สนับสนุนความหลายหลายในการพัฒนาทักษะ
29. สำหรับความสัมพันธ์แบบ Life relationship การอยู่กันแบบครอบครัว คำนี้กลายเป็นคำ Negative ไปแล้วเราจะรู้สึกว่านี่เป็น Red flag องค์กรที่บอกว่าอยู่กันแบบครอบครัว มีจริง ๆ แต่ต้องทำให้เห็น ต้องทำให้เป็นมืออาชีพ
32. ถ้าเรารู้ Data เราจะรู้ว่าเราต้องการแก้ปัญหาด้านอะไร การใช้ Data เดิม ๆ เราจะแก้ปัญหาไม่ได้ แต่ถ้ามีความ Creative อย่างเดียว HR จะทำงานแบบลอย
33. สิ่งที่ทำให้องค์กรกลับมาเซ็กซี่ คือ CEO ต้อง Sexy ก่อน โดยทำ CEO Branding ผ่าน Vision ต้องสื่อสารเรื่อง Vision รวมถึงเรื่องคนให้มากขึ้นกว่าเดิม การพัฒนาคน และการผลักดันให้คนเก่งขึ้นกว่าเดิม
34. 1 ใน 3 ในอเมริกา บอกว่า ถ้าองค์กรมีการส่งเสริมด้านสุขภาพจิต เราจะได้คนใหม่ ๆ ที่อยากมาร่วมงานกับเรามากขึ้น ซึ่งองค์กรต้องนำเสนอแบบ Inside Out คือทำจากภายใน จนล้นมากพอให้เกิด word of mount ที่มีความยั่งยืน
59. ทักษะในความเข้าใจ จะทำให้เราอยู่ได้ในยุค AI หลายคนบอกว่า ไม่ใช่ AI มาแทนที่เรา แต่คนที่ใช้ AI ได้นั่นแหละ จะมาแทนที่คนที่ใช้ AI ไม่เป็น ซึ่งวิธีการป้องกันที่ดีที่สุด คือต้องฝึกทักษะในการตั้งคำถาม ต้องตั้งคำถามต่อมัน และตั้งคำถามต่องานของเรา
62. เรื่อง AI transformation ในตลาดอุตสาหกรรมโดยเฉพาะบริษัทที่พร้อม รู้ว่าตัวเองต้องปรับเปลี่ยน ไม่ค่อยน่าห่วง เช่น บริษัทที่เขารู้ตัวว่าจะเอาอะไรมาเสริมในองค์กร
63. คนธรรมดาทั่วไปอย่างเรา ถือเป็นโอกาสของคนยุคนี้ AI เป็นเรื่องที่กว้างมากขึ้นได้ เราสามารถ create บางอย่างขึ้นมาได้โดยใช้เงินไม่กี่บาท ดังนั้นการที่จะสร้างงาน สร้างรายได้ ความรู้ใหม่ ๆ จาก tools AI มันเปิดโอกาส ให้ผู้คนมากขึ้น
64. ประเทศไทย GDP เราไม่โตเเล้วสิ่งที่จะทำให้เกิด GDP โตได้ ก็คือการสร้างนวัตกรรม AI มันก็พอมาช่วยให้เราทำนวัตกรรมได้มากขึ้น จะเป็นเเค่ user เราต้องเก่งขึ้น เป็น innovator ให้ได้ ไม่มีทางออกอื่น
65. ตอนนี้สิงคโปร์ มาเลเซีย ดึงคนมาพัฒนา AI ในประเทศ เราอาจจะไม่เป็นผู้พัฒนาเอไอเอง เราไม่สามารถมีเงินมหาศาลสร้าง Foundation Model ได้ เเต่สิ่งที่เราต้องทำก็คือ เลเวลที่เป็น Hyperlocal model ที่เรามีความสามารถพอที่จะสร้าง Capture Value เเละสร้าง AI ขึ้นมาได้ เราต้องสร้าง Developer, Startup ให้เพียงพอ
66. กลุ่มคนที่จบในด้าน AI มาอาจตกงานได้ถ้าขาดการขวนขวายมาก ๆ หรือไม่มี Talent เพราะขาดประสบการณ์ กับการลงมือทำของจริง ซึ่งเราควรมองว่าจะทำยังไงให้มีการใช้จริงเยอะ
67. เราลองสังเกตคนรอบตัวว่ามี Mindset ต่อ AI เเบบไหน
1. Doubter ยังไม่รู้เลยว่า AI จะเข้ามาทำอะไร เเละรู้สึกว่า AI มันคงยังไม่เข้ามากระทบงานขนาดนั้น
2. Panicker คือกลัวไปหมด กลัวว่า AI จะมาเเย่งงาน กลัวจนไม่กล้าจะเข้าไปรู้จักมัน
3. Doer คือคนที่เข้าใจบริบทของ AI จริง ๆ เเล้ว AI ไม่ได้เข้ามาเเย่งงานเราหรอก เเต่มันทำงานให้เรามี Productivity สูงขึ้น ซึ่งสิ่งเหล่านี้สำคัญในการสำรวจเพื่อพัฒนาองค์กรไปพร้อม ๆ กัน
68. Skill Prompt Engineer อยู่ดี ๆ ก็กลายเป็นสกิลที่ทุกคนต้องมีเพราะทำให้เราทำงานกับเพื่อนร่วมงานใหม่ที่ชื่อ AI ได้ และอันนี้เป็นสิ่งสำคัญมาก
76. ที่ยืนของ Mass Media ยังสามารถไปต่อได้เพราะว่าฐานคนดูส่วนใหญ่ของประเทศที่เป็นคนฐานรากของประเทศ ยังมีปริมาณอีกจำนวนมาก เเละยังเห็นว่ายังมีคนเสพคอนเทนต์ประเภทข่าวต่าง ๆ อยู่
77. 2 สิ่งที่สื่อออนไลน์ ต้อง Focus
1. Focus คนดู: ทำสื่อตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมาย
2. Focus รายได้: ทำสื่อออนไลน์ต้องมี Business Model ถ้าไม่มี Business Model เราจะสนุกได้สั้น
แต่ถ้าเราทำเป็นอาชีพ ต้องมี Business Model จึงสนุกได้ยาว
78. ความชอบอย่างเดียวก็คงไม่พอต้องมี Business Model ด้วย ถ้า Business Model ไม่ชัด ก็ไปไม่ได้จริง ๆ จะต้องมีการวางเเผนอย่างรอบคอบ