11 มิ.ย. เวลา 17:00 • ธุรกิจ

บัตรเครติด

บัตรเครติดเป็นที่ทำหน้าที่เหมือนกับกระเป่าตังที่ผู้อ่านสามารถใช่งานได้ และถ้าผู้อ่านในการจ่ายเงินผู้อ่านก็จะได้แต้มสะสมที่สามารถใช่ในการเป็นส่วนลดในการซื่อสิ่งของหรือสินค้าชิ้นนั้น และการทำอย่างนี้ถือว่าเป็นการตลาดในอีกรูปแบบหนึ่งได้ด้วย
บัตรเครดิต (Credit Card) หมายถึง บัตรที่ใช้จ่ายแทนเงินสด จัดเป็นสินเชื่อส่วนบุคคลประเภทหนึ่ง ให้บริการโดยสถาบันการเงิน เป็นการนำเงินของธนาคารมาใช้จ่ายซื้อสินค้าหรือบริการก่อน แล้วจึงชำระเงินคืนตามวันที่ระบุเอาไว้ในเงื่อนไข หากชำระไม่ตรงตามกำหนด จะต้องเสียดอกเบี้ยให้กับธนาคาร โดยอัตราดอกเบี้ยบัตรเครดิตที่กฎหมายกำหนดไว้ในปัจจุบันจะอยู่ที่ไม่เกินร้อยละ 16 ต่อปี
ในการสมัครบัตรเครดิตนั้น ยังมาพร้อมกับบัตรในหลากหลายประเภท จนหลาย ๆ คนสงสัยว่า บัตรเครดิตมีกี่แบบ? และแบบไหนถึงจะเหมาะกับเรามากที่สุด สำหรับบัตรเครดิตจะมีอยู่ทั้งหมด 4 ประเภทหลักด้วยกัน ได้แก่
• International Credit Card
International Credit Card เป็นประเภทบัตรเครดิตที่ได้รับความนิยมจากผู้ใช้งานสูงสุด สามารถใช้จ่ายได้ทั้งในประเทศและต่างประเทศ
• Local Credit Card
Local Credit Card เป็นบัตรเครดิตที่สามารถใช้งานได้ในประเทศที่เป็นที่ตั้งของสถาบันการเงินผู้ออกบัตรเท่านั้น
• Private Label
Private Label คือประเภทบัตรเครดิตที่ออกแบบมาเพื่อส่งเสริมการขาย ออกโดยร้านค้าหรือห้างสรรพสินค้าเพื่อใช้ซื้อสินค้าและบริการในเครือข่ายร้านค้าโดยเฉพาะ และมักมาพร้อมสิทธิพิเศษเพิ่มเติมด้วย
• Co-Branded Credit Card
Co-Branded Credit Card เรียกอีกอย่างหนึ่งว่าบัตรเครดิตร่วม เกิดจากความร่วมมือระหว่างสถาบันการเงินและบริการต่าง ๆ เช่น สายการบิน โรงแรม และห้างสรรพสินค้า ซึ่งจะได้รับส่วนลด คะแนนสะสมพิเศษ หรือสิทธิประโยชน์อื่น ๆ เมื่อใช้จ่ายกับบริการที่กำหนด
นอกจากความหมายและประเภทบัตรเครดิตแล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่ทำให้คนจำนวนมากตัดสินใจทำบัตรเครดิต คือข้อดีที่มีอยู่มากมายเหล่านี้
ข้อดีแรกที่ทำให้การใช้บัตรเครดิตคุ้มค่าและได้เปรียบกว่าการใช้เงินสด คือเรื่องของสิทธิประโยชน์ที่มีมากมายอย่างคาดไม่ถึง ไม่ว่าจะเป็นส่วนลดร้านอาหาร ส่วนลดโรงแรมชั้นนำ ส่วนลดห้างสรรพสินค้าชั้นนำ เครดิตเงินคืน หรือการนำคะแนนสะสมไปแลกของรางวัลต่าง ๆ เรียกว่านอกจากจะใช้จ่ายได้อย่างสะดวกสบายแล้ว ยังได้รับประโยชน์หลายต่อเลยทีเดียว
บ่อยครั้งที่เราต้องการซื้อสินค้ามูลค่าสูง การจ่ายด้วยบัตรเครดิตใบเดียวย่อมสะดวกสบายกว่าการพกเงินสดจำนวนมากซึ่งอาจไม่สะดวกเท่าทีควร อีกทั้งร้านค้าออนไลน์บางแห่ง ไม่มีโปรผ่อน 0% การจ่ายด้วยบัตรเครดิตจึงสะดวกกว่ามาก เพราะสามารถแบ่งชำระได้โดยไม่ต้องเสียดอกเบี้ย ทำให้ไม่ต้องเอาเงินไปจมไว้กับการซื้อของอย่างใดอย่างหนึ่งจนขาดสภาพคล่อง​ รวมทั้งการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตยังมาพร้อมโปรโมชันพิเศษอื่น ๆ อย่างส่วนลดพิเศษหรือเครดิตเงินคืนด้วย เช่น บัตรเครดิต CardX ที่มาพร้อมโปรโมชันผ่อน 0% นานสูงสุด 4 เดือน
ยุคนี้การทำธุรกรรมออนไลน์กลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันไปแล้ว ทั้งคอร์สเรียนออนไลน์ แอปสตรีมมิง แอปฟังเพลง การซื้อของจากต่างประเทศ การสมัครบริการรายเดือน หรือการใช้จ่ายอื่น ๆ ล้วนแต่ต้องใช้บัตรเครดิตในการชำระเงินทั้งสิ้น การมีบัตรเครดิตติดตัวไว้สักใบ จะช่วยให้คุณใช้บริการเหล่านี้ได้แบบไม่สะดุดแน่นอน
หากเกิดเหตุฉุกเฉิน เจอปัญหาเงินตึงมือ บัตรเครดิตของหลาย ๆ ธนาคารยังมีบริการกดเงินสดจากวงเงินออกมาใช้ได้ ทำให้คุณมีเงินสดใช้แก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าได้ทันท่วงที แต่ต้องเช็กเรื่องดอกเบี้ยให้รอบคอบ เพื่อวางแผนการชำระคืนอย่างมีวินัยและตรงตามกำหนด เนื่องจากการเบิกถอนเงินสดล่วงหน้าจากบัตรเครดิต จะเสียดอกเบี้ยนับแต่วันที่เบิกถอน จึงเป็นเรื่องจำเป็นอย่างยิ่งในการทำความเข้าใจเรื่องอัตราดอกเบี้ย เพียงเท่านี้ก็ใช้บัตรเครดิตได้อย่างตอบโจทย์ตรงใจ​
ผู้ถือบัตรเครดิตสามารถตรวจสอบยอดค่าใช้จ่ายได้จากใบแจ้งยอดรายการบัตรเครดิต ซึ่งมีส่วนช่วยในการศึกษาพฤติกรรมการใช้จ่ายในแต่ละเดือน และมองเห็นแนวทางการวางแผนการใช้จ่ายในอนาคต โดยในปัจจุบันยิ่งสะดวกมากขึ้นด้วยบริการที่ให้ผู้ใช้บัตรเครดิตเลือกรับใบแจ้งยอดรายการบัตรเครดิตทางอีเมล (e-Statement) ซึ่งนอกจากจะช่วยเรื่องการลดการใช้กระดาษแล้ว ยังช่วยในการจัดเก็บหลักฐานการชำระเงินได้อย่างเป็นระบบ ไม่ตกหล่น เสี่ยงหาย และสามารถเรียกดูบิลย้อนหลังได้ด้วยตนเองตลอด 24 ชม.
วงเงินบัตรเครดิต
กรณีที่พิจารณาจากรายได้ของผู้ขอบัตรเครดิต วงเงินที่ได้รับอนุมัติเป็นไปตามหลักเกณฑ์ดังนี้
รายได้ต่อเดือน วงเงินอนุมัติ
ตั้งแต่ 15,000 บาท แต่น้อยกว่า 30,000 บาท 1.5 เท่าของรายได้เฉลี่ยต่อเดือน
ตั้งแต่ 30,000 บาท แต่น้อยกว่า 50,000 บาท 3 เท่าของรายได้เฉลี่ยต่อเดือน
ตั้งแต่ 50,000 บาทขึ้นไป 5 เท่าของรายได้เฉลี่ยต่อเดือน
การคิดดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียม
ผู้ออกบัตรจะเรียกเก็บดอกเบี้ย ค่าปรับ ค่าบริการ และค่าธรรมเนียมใด ๆ (ในที่นี้ขอเรียกโดยย่อว่าดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียม) รวมกันได้ไม่เกิน 16% ต่อปี โดยมีวิธีคำนวณ 2 แบบตามการใช้บัตรดังนี้
(1) การชำระค่าสินค้าและบริการไม่เต็มจำนวนภายในวันที่กำหนดหรือชำระล่าช้า ผู้ออกบัตรสามารถคิดดอกเบี้ยตามการใช้จ่ายตั้งแต่วันที่ผู้ออกบัตรได้สำรองจ่ายให้ร้านค้า หรือตั้งแต่วันที่สรุปยอดรายการใช้จ่าย หรือตั้งแต่วันที่ครบกำหนดชำระก็ได้แต่โดยทั่วไปจะเริ่มคิดตั้งแต่วันที่ผู้ออกบัตรสำรองจ่ายเงินให้แก่ร้านค้า
ซึ่งจะแบ่งเป็น 2 ส่วน คือ คิดเต็มจำนวนจนถึงวันก่อนครบกำหนดชำระเงิน และคิดตามยอดคงค้าง (หักส่วนที่ชำระแล้วออก) นับจากวันที่ชำระจนถึงวันสรุปยอดถัดไป
(2) การเบิกถอนเงินสด จะเริ่มคำนวณตั้งแต่วันที่เบิกถอนเงินสดออกมา
การชำระหนี้บัตรเครดิต
ผู้ถือบัตรต้องชำระหนี้ขั้นต่ำในแต่ละงวดไม่น้อยกว่า 10% ของยอดคงค้างทั้งสิ้น โดยอาจชำระผ่านช่องทางต่าง ๆ เช่น
​​​
- สาขาของสถาบันผู้ออกบัตรเครดิต
- จุดบริการรับชำระเงินที่เป็นตัวแทนรับชำระ (บริการ Bill Payment​) เช่น สาขาธนาคารอื่น Pay@Post เคาน์เตอร์เซอร์วิส
- ช่องทางต่าง ๆ ของธนาคาร เช่น เครื่องเอทีเอ็ม อินเทอร์เน็ต ข้อตกลงให้หักจากบัญชีเงินฝาก (Debit Transfer)
ทั้งนี้ การชำระเงินในแต่ละช่องทางอาจมีเงื่อนไขแตกต่างกันไป เช่น ค่าธรรมเนียม จำนวนเงินสูงสุดที่รับชำระ ดังนั้น ผู้ใช้บริการควรศึกษาค่าธรรมเนียมและเงื่อนไขบริการก่อนใช้บริการ ตามที่ระบุในใบแจ้งยอดหนี้
ข้อมูลอ้างอิง
บัตรเครติด ก็คือกระเป๋าตัง
Easy Finance

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา