12 มิ.ย. เวลา 09:55 • ประวัติศาสตร์

ปริศนาในประวัติศาสตร์ที่ยังไม่ถูกไข

ในประวัติศาสตร์นั้นมีเรื่องราวมากมายที่เป็นปริศนาและยังไขไม่ได้จนกระทั่งทุกวันนี้
บทความนี้ผมจะนำเสนอเรื่องราวในปนะวัติศาสตร์ที่ปัจจุบันยังไม่สามารถหาคำตอบได้แน่ชัด ถึงแม้ว่าเครื่องมือและเทคโนโลยีต่างๆ จะก้าวหน้า แต่ก็ยังไม่สามารถหาคำตอบได้
จะมีอะไรบ้าง ลองไปดูกันครับ
1.ศาสนาโซโรอัสเตอร์ (Zoroastrianism)
สำหรับเรื่องราวนี้ต้องเริ่มจากชายที่ชื่อ “โซโรอัสเตอร์ (Zoroaster)”
1
โซโรอัสเตอร์เป็นหนึ่งในบุคคลสำคัญและลึกลับที่สุดคนหนึ่งในประวัติศาสตร์ โดยเขาเป็นผู้ก่อตั้งศาสนาโซโรอัสเตอร์ ซึ่งเป็นหนึ่งในศาสนาที่เก่าแก่ที่สุดศาสนาหนึ่งในโลก และศาสนาโซโรอัสเตอร์ยังมีอิทธิพลต่อความเชื่อของศาสนาอื่นๆ ทั้งศาสนายูดาห์ ศาสนาคริสต์ และอิสลาม
1
โซโรอัสเตอร์นั้นเกิดในครอบครัวชนเผ่าเร่ร่อนในดินแดนที่ปัจจุบันคืออิหร่าน และจากบันทึกนั้น เมื่อมีอายุได้ 30 ปี โซโรอัสเตอร์ก็สามารถมองเห็นสิ่งที่จะส่งเสริมการสอนศาสนาของเขาได้
2
ศาสนาโซโรอัสเตอร์ที่สอนให้เห็นถึงคู่ตรงข้ามของธรรมชาติระหว่างความดีและความเลว ได้กลายเป็นศาสนาประจำดินแดนที่ทรงอิทธิพลต่างๆ ในยุคโบราณ โดยเฉพาะจักรวรรดิเปอร์เซีย
2
โซโรอัสเตอร์ (Zoroaster)
ในทุกวันนี้ ผู้คนในบางภูมิภาคของอิหร่านและอินเดียก็ยังนับถือศาสนาโซโรอัสเตอร์ ทำให้ศาสนาโซโรอัสเตอร์เป็นหนึ่งในศาสนาที่อยู่มายาวนานที่สุดศาสนาหนึ่ง
หากแต่ข้อมูลเกี่ยวกับตัวโซโรอัสเตอร์นั้นมีน้อยมาก แม้แต่สถานที่เกิดหรือช่วงเวลาที่เขามีชีวิตอยู่ ก็ไม่แน่ชัด
2
ข้อมูลนั้นหลากหลาย ว่ากันว่าเขามีชีวิตอยู่เมื่อสมัย 600 ปีก่อนคริสตกาล แต่บางแหล่งก็กล่าวว่าเขามีชีวิตอยู่เมื่อ 6,000 ปีก่อนคริสตกาลเลยทีเดียว ทำให้ข้อมูลนั้นล้วนไม่แน่ชัด
และประวัติชีวิตของเขาก็เต็มไปด้วยเรื่องราวในตำนานอีกมาก ทำให้เป็นการยากที่จะสรุปได้ว่าเรื่องใดจริงหรือเป็นเพียงตำนาน
จนถึงทุกวันนี้ ประวัติชีวิตของโซโรอัสเตอร์ก็ยังคงเป็นหนึ่งในปริศนาที่นักประวัติศาสตร์ไม่สามารถไขได้
1
2.การล่มสลายปลายยุคสัมฤทธิ์ (Bronze Age Collapse)
“การล่มสลายปลายยุคสัมฤทธิ์ (Bronze Age Collapse)” คือหนึ่งในเหตุการณ์สำคัญที่สุดเหตุการณ์หนึ่งในประวัติศาสตร์
เมื่อราว 1,200 ปีก่อนคริสตกาล อาณาจักรหลายแห่งเป็นใหญ่ในแถบเมดิเตอเรเนียนตะวันออกและเมโสโปเตเมีย เช่น ฮิตไทต์ บาบิโลน รวมทั้งไมซีแน
1
อารยธรรมเหล่านี้ล้วนแต่รุ่งเรือง มีเมืองหลวงที่ใหญ่โต วิทยาการล้ำสมัย รวมทั้งเครือข่ายการค้าขนาดใหญ่
แต่ในเวลาเพียง 50 ปี เมืองใหญ่เหล่านี้ล้วนแต่ถูกทำลายและไม่เคยกลับมายิ่งใหญ่ได้อีกเลย
1
นักประวัติศาสตร์ก็ไม่สามารถตอบได้ชัดเจนว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ก็มีการคาดเดาทฤษฎีหลายๆ อย่างที่อาจจะเป็นไปได้
หนึ่งในทฤษฎีสำคัญก็คือ “การล่มสลายอย่างเป็นระบบ (System Collapse)”
1
ทฤษฎีนี้เสนอแนวคิดว่าปัจจัยหลายๆ ข้ออาจจะผูกกันเป็นโยงใย เมื่อเกิดปัจจัยหนึ่งขึ้น ปัจจัยอื่นๆ จึงตามมา
1
เป็นไปได้ว่าในเวลานั้นอาจจะเกิดภัยธรรมชาติครั้งใหญ่ เช่น แผ่นดินไหวหรือว่าภัยแล้ง และยังมีหลักฐานว่าในยุคนั้นเกิดความขาดแคลนดีบุก ซึ่งเป็นวัตถุดิบสำคัญในการสร้างอาวุธและอุปกรณ์ต่างๆ
1
นอกจากนั้นกลุ่มคนที่เรียกว่า “ชาวทะเล (Sea Peoples)” ก็มีส่วนสำคัญ โดยกลุ่มชาวทะเลก็คือเหล่าโจรสลัดจากเมดิเตอเรเนียนตะวันตกซึ่งย้ายฐานที่มั่นมายังเมดิเตอเรเนียนตะวันออก และเหล่าชาวทะเลก็มีชื่อเสียงจากความป่าเถื่อนและกระหายสงคราม
ชาวทะเล (Sea Peoples)
แต่ถึงอย่างนั้น ทฤษฎีเหล่านี้ก็ยังไม่เป็นที่แน่ชัด และยังคงเป็นปริศนาจนถึงทุกวันนี้
3.สุสานที่สาปสูญของ “เจงกิสข่าน (Genghis Khan)”
“เจงกิสข่าน (Genghis Khan)” คือหนึ่งในบุคคลที่มีชื่อเสียงที่สุดคนหนึ่งในประวัติศาสตร์
เขาคือขุนศึกและผู้นำมองโกลที่สามารถยึดครองดินแดนได้มากที่สุดคนหนึ่งในประวัติศาสตร์โลก และสามารถรวบรวมชนเผ่ามองโกลให้เป็นปึกแผ่น นำทัพมองโกลเข้ารุกรานเอเชียและยุโรปในสมัยศตวรรษที่ 13
1
แต่ปริศนาที่สำคัญก็คือ ไม่มีใครทราบว่าสถานที่ที่ใช้ฝังร่างของเขานั้นอยู่ที่ใด
1
เจงกิสข่านเสียชีวิตในปีค.ศ.1227 (พ.ศ.1770) จากอาการป่วยหรืออาจจะอาการบาดเจ็บ หากแต่สถานที่ฝังร่างของเจงกิสข่านนั้นก็เป็นความลับ ไม่มีผู้ใดล่วงรู้
เจงกิสข่าน (Genghis Khan)
มีการนำศพของเจงกิสข่านกลับมายังมองโกเลีย และตามตำนานนั้น ว่ากันว่าร่างของเจงกิสข่านถูกฝังไว้บนเทือกเขาเคนตี (Khentii Mountains) ใกล้กับแม่น้ำโอนอน (Onon River) ซึ่งเป็นบ้านเกิดของเจงกิสข่าน
ว่ากันว่า เพื่อที่จะปกปิดสถานที่ฝังร่างของเจงกิสข่านให้เป็นความลับ ได้มีการสังหารผู้คนที่เข้าร่วมงานศพของเจงกิสข่าน รวมทั้งตัวมือสังหารเองก็ถูกสังหารด้วยเช่นกันเพื่อไม่ให้มีใครล่วงรู้สถานที่ที่เป็นสุสานเจงกิสข่าน
2
รวมๆ กันแล้ว มีคนต้องเสียชีวิตเพื่อไม่ให้ความลับเรื่องสุสานเจงกิสข่านแพร่งพรายออกไปราว 2,000 คน
1
เทือกเขาเคนตี (Khentii Mountains)
ในเวลาต่อมา ได้มีความพยายามที่จะค้นหาสุสานเจงกิสข่าน แต่ก็ยังไม่พบ และจนถึงปัจจุบัน ก็ยังไม่พบสถานที่ที่ใช้ฝังร่างเจงกิสข่านเลย
4.การสาปสูญของกองทหารม้าที่เก้าแห่งกรุงโรม (Rome’s Ninth Legion)
1
“กองทหารม้าที่เก้าแห่งกรุงโรม (Rome’s Ninth Legion)” คือหนึ่งในหน่วยทหารที่ได้ชื่อว่ายอดเยี่ยมที่สุดของโรมัน
2
กองทหารม้านี้ถูกก่อตั้งขึ้นเมื่อหลัง 100 ปีก่อนคริสตกาล และก็ได้เข้าร่วมในสงครามต่างๆ มากมาย หากแต่เมื่อถึงศตวรรษที่ 2 อยู่ๆ กองทหารม้ากองนี้ก็ได้สาปสูญไปจากบันทึกประวัติศาสตร์
2
บันทึกสุดท้ายที่กล่าวถึงกองทหารม้าที่เก้าแห่งกรุงโรม คือมีการสร้างป้อมปราการของกองทหารที่เมืองยอร์ก ประเทศอังกฤษ เมื่อปีค.ศ.108 (พ.ศ.651) จากนั้นกองทหารม้ากองนี้ก็หายไปจากบันทึกประวัติศาสตร์
1
มีทฤษฎีต่างๆ ตามมามากมาย ไม่ว่าจะเป็นกองทหารม้ากองนี้ถูกทำลายในคราวที่บุกดินแดนที่ปัจจุบันคือสก็อตแลนด์ บ้างก็ว่ากองทหารม้ากองนี้ถูกย้ายไปยังจักรวรรดิโรมันตะวันออก ก่อนที่จะถูกทำลายในเวลาต่อมา
แต่จนถึงปัจจุบัน ก็ยังไม่มีหลักฐานอะไรที่แน่ชัดที่ตอบได้ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ และเรื่องราวของกองทหารม้าที่เก้าแห่งกรุงโรมก็ยังคงเป็นหนึ่งในปริศนาที่ยังไม่ถูกไขจากสมัยโรมันโบราณ
5.เส้นนาซคา (Nazca Lines)
“เส้นนาซคา (Nazca Lines)” เป็นเส้นปริศนาที่ทอดยาวผ่านที่ราบแห้งแล้งของทะเลทรายนาซคาทางตอนใต้ของประเทศเปรู และเป็นสิ่งที่ดึงดูดความสนใจของผู้คนจากทั่วโลก
2
เส้นนาซคาถูกค้นพบโดยผู้รุกรานจากสเปนเมื่อสมัยศตวรรษที่ 16 หากแต่ได้รับการสำรวจและเป็นที่ยอมรับในสมัยศตวรรษที่ 20 เมื่อมีการถ่ายภาพทางอากาศ แสดงให้เห็นถึงความมหัศจรรย์ของรูปวาดปริศนาขนาดใหญ่
1
เส้นปริศนาที่ทอดยาวเป็นรูปวาดนี้มีอายุเก่าแก่ สามารถย้อนกลับไปได้ตั้งแต่สมัย 500 ปีก่อนคริสตกาล-ศตวรรษที่ 6 และก็เป็นรูปต่างๆ ทั้งรูปสัตว์ รูปทรงเรขาคณิตต่างๆ มีความยาวแต่ละรูปกว่า 370 เมตร และก็คงอยู่ผ่านกาลเวลามาได้ยาวนานเนื่องจากสภาพภูมิอากาศที่แห้งแล้ง ปราศจากลมและฝน
1
แต่ปริศนาก็คือวัตถุประสงค์ในการสร้างเส้นนาซคา
นักประวัติศาสตร์หลาคนคิดว่าเส้นนาซคามีไว้เพื่อวัตถุประสงค์ทางศาสนาหรือไม่ก็ดาราศาสตร์ หรืออาจจะสร้างขึ้นเพื่อบูชาเทพเจ้า หรือไม่ก็อาจจะเป็นปฏิทินทางการเกษตร
หากแต่จนถึงปัจจุบัน ก็ยังไม่สามารถสรุปได้ว่าวัตถุประสงค์ที่แท้จริงคืออะไร และเส้นนาซคาก็เป็นสิ่งที่สะท้อนให้เห็นถึงความรู้ของอารยธรรมโบราณ
โฆษณา